เมื่อผมถูกเชิญให้มาพูด สองเดือนที่แล้ว เราได้ถกกันถึง ชื่อของเรื่อง กับผู้จัด ประเด็นต่าง ๆ มากมาย ถูกนำมาพิจารณาและถกกัน แต่ไม่มีใครเลยที่เสนอแนะชื่อนี้ และเหตุผลนั้น ก็คือ เมื่อสองเดือนที่แล้ว อีโบล่าเพื่มขึ้นเร็วมาก แพร่ไปกว้างกว่าพื้นที่ภูมิศาสตร์ ที่เราเคยเห็นกันมาก่อน โลกก็หวั่นกลัว ห่วงใย และตื่นตระหนก กับโรคนี้ แบบที่ไม่เคยเห็น ในประวัติศาสตร์ยุคหลัง ๆ นี้ แต่วันนี้ ผมยืนพูดตรงนี้ เรื่อง การชนะอีโบล่าได้ ก็เพราะ คนที่คุณไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน เช่น ปีเตอร์ เคลมันท์ หมอชาวไลบีเรีย ซึ่งทำงานอยู่ในเขตปกครองโลฟา หลายท่านอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน ในไลบาเรีย เหตุผลที่เขตปกครองโลฟา สำคัญมากนั้น ก็เพราะ ราวห้าเดือนก่อน ขณะที่โรคระบาดนี้ เพิ่งจะเริ่มเพิ่มสูงขึ้น มันอยู่ตรงกลางพอดี เป็นศูนย์กลางของโรคระบาด ในเวลานั้น แพทย์ไร้พรมแดน และศูนย์การรักษาอยู่ที่นั่น ให้การดูแลคนป่วยเป็นจำนวนมาก ในแต่ละวัน ผู้ป่วย/ชุมชนเหล่านี้ ยิ่งเวลาผ่านไป ก็ยิ่งกลัวโรคนี้มาก กลัวโรค และสิ่งที่มันทำกับครอบครัว กับชุมชน กับลูก ๆ กับญาติพี่น้อง ของพวกเขา ปีเตอร์จึงถูกมอบหมาย ให้ขับรถนาน 12 ช.ม บนถนนที่ขรุขระ จากเมืองหลวงมอนโรเวีย ขึ้นไปเขตปกครองโลฟา เพื่อพยายามช่วยควบคุมการระบาด ที่เพิ่มสูงขึ้นที่นั่น สิ่งที่ปีเตอร์พบ เมื่อถึงที่นั่น คือ ความหวาดกลัว ที่ผมเพิ่งพูดไป เขาจึงนั่งลง พร้อมกับผู้นำท้องถิ่น และรับฟัง และสิ่งที่เขาได้ฟังนั้น ทำให้เศร้าใจมาก เขาได้รับฟังความหายนะ และความสิ้นหวัง ของผู้คน ที่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้ ได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่เศร้าใจมาก ๆ เกี่ยวกับเรื่องราวไม่เพียงแค่ความเสียหาย ที่อีโบล่าทำ กับผู้คน แต่สิ่งที่มันทำกับครอบครัว และชุมชน เขาฟังสิ่งที่หัวหน้าท้องถิ่นที่นั่น เล่าให้ฟัง-- เล่าว่า "เมื่อลูกเราป่วย เมื่อลูกเรา กำลังจะตาย เราอุ้มลูกไม่ได้ เวลาที่อยากใกล้ชิดกับลูกที่สุด เมื่อญาติตาย เราดูแลเขา ตามประเพณีไม่ได้ เราไม่ได้รับอนุญาตให้อาบนํ้าศพ เพื่อนำไปฝัง ตามแบบที่ชุมชนและพิธีกรรมของเรา กำหนดให้ทำ สาเหตุนี้ พวกเขารู้สึกคับข้องใจ พวกเขาหวั่นใจ ตกใจอย่างมาก และการระบาดทั้งหมดนี้ ก็มีให้เห็นต่อหน้าพวกเขา ผู้คนหันไปหาพนักงานอนามัย ซึ่งได้เข้ามา วีรบุรุษ ที่ได้เข้ามา พยายามข่วยรักษาชุมชนไว้ ช่วยทำงานกับชุมชน แต่ก็ไม่สามารถเข้าถึงพวกเขา แล้วสิ่งที่เกิดก็คือ ปีเตอร์ อธิบายกับผู้นำเหล่านั้น ผู้นำเหล่านั้นก็รับฟัง แล้วพวกเขาก็เปลี่ยนไปเลย ปีเตอร์อธิบายว่า อีโบล่าคืออะไร เขาอธิบายว่าโรคอีโบล่า คืออะไร อธิบายว่า มันได้ทำอะไรกับชุมชน ของพวกเขา และเขาก็อธิบายว่า อีโบล่าคุกคามทุกอย่าง ในความเป็นมนุษย์ของเรา หมายถึง อุ้มลูกก็ไม่ได้ ในแบบที่เราจะทำ ในสถานการณ์แบบนี้ ฝังคนตายก็ไม่ได้ ในแบบที่เราต้องการจะทำ ต้องไว้ใจผู้คนในชุดอวกาศพวกนี้ ให้ทำแทนคุณ ท่านสุภาพบุรุษและสตรีทั้งหลาย แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ค่อนข้างจะพิเศษ ชุมชน เจ้าหน้าที่อนามัย ปีเตอร์ มานั่งอยู่ด้วยกัน ร่วมกันวางแผนการใหม่ เพื่อควบคุมอีโบล่า ในโลฟา และเหตุที่เรื่องนี้สำคัญนัก ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ก็เพราะว่า ในวันนี้เขตปกครองนี้ ซึ่งอยู่ใจกลางโรคระบาดพอดี คุณได้ดู ได้เห็นในหนังสือพิมพ์ ได้เห็นในจอทีวี วันนี้ เขตปกครองนี้ เกือบ 8 สัปดาห์แล้ว ไม่มีผู้ป่วยโรคอีโบล่า สักรายเดัยว (เสียงปรบมือ) ครับ ไม่ได้หมายความว่า งานนั้น สำเร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างชัดเจน ยังมีความเสี่ยงอยู่อีกมาก ว่าจะมีรายใหม่ขึ้นอีกที่นั่น แต่สิ่งที่มันสอนเราแน่นอน คือ เราเอาชนะอีโบล่าได้ นั่นแหละ เป็นกุญแจสำคัญ แม้การระบาดใหญ่ขนาดนี้ แม้การระบาดแบบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่เราเห็นในสภาพแวดล้อมนี้ ตอนนี้เรารู้ว่า เราเอาชนะอีโบล่าได้ เมื่อใดที่ชุมชนมาร่วมกับพนักงานอนามัย มาทำงานร่วมกัน เมื่อนั้น เราก็จะหยุดโรคนี้ได้ แต่อีโบล่า มาลงที่เขตปกครองโลฟา ได้อย่างไร ครับ สำหรับเรื่องนี้ เราต้องกลับไป เมื่อ 12 สัปดาห์ ก่อนหน้าการระบาดของโรค ตามที่หลายท่านทราบ ไวรัสนี้ไม่ถูกตรวจพบ มันหลบเลี่ยงการตรวจพบไป 3 หรือ 4 เดือน ตอนเริ่มระบาด นั่นก็เพราะ มันไม่ได้เป็นโรค ของแอฟริกาตะวันตก มันเป็นโรคของแอฟริกากลาง ไกลออกไปครึ่งทวีป ผู้คนไม่เคยเห็นโรคนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่อนามัย ก็ไม่เคยพบเห็นโรคนี้มาก่อน พวกเขาไม่รู้ว่า กำลังสู้กับโรคอะไร และที่ทำให้มันซับซ้อนยิ่งขึ้น ตัวไวรัสเองนั้น ทำให้เกิดอาการ แบบการสำแดงอาการ ที่ไม่เหมือนแบบอย่างของโรคอีโบล่า ดังนั้น แม้คนที่รู้จักอีโบล่ามาก่อน ก็ยังไม่รู้ว่า เป็นโรคอีโบล่า ด้วยเหตุนี้ มันจึงหลบเลี่ยงการตรวจพบ ไปได้ช่วงหนึ่ง แต่ตรงข้ามกับความเชื่อทั่ว ๆ ไป บางครั้งในขณะนี้ ทันทีที่ไวรัสถูกพบ ก็มีผู้มาช่วย เป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว แพทย์ไร้พรมแดน ตั้งศูนย์รักษา ขึ้นในพื้นที่ ดามที่รู้ ๆ กัน องค์การอนามัยโลกและหน่วยงานร่วม ที่ทำงานด้วยกัน ในที่สุด จัดหาคนได้ถึงหลายร้อยคน ในกว่าสองเดือนต่อมา เพื่อให้สามารถช่วย ตามร่องรอยไวรัสได้ ปัญหา คือ ท่านทั้งหลาย ถึงตอนนั้น ไวรัสนี้ ที่รู้กันแล้วว่า คือ อีโบล่า ก็ระบาดไปไกลมากแล้ว มันได้ไปไกลเกินกว่า สิ่งที่ถือว่า เป็นการรับมือที่ใหญ่ที่สุด ที่ได้เพิ่มมากขึ้น จนถึงตอนนั้น จะรับมือกับการระบาดของอีโบล่า ราวกลางปี ไม่เพียงแต่ใน กีนี เท่านั้น ตอนนี้ เซียร่าลีออน และ ไลบีเรีย ก็ติดโรคนี้ด้วย เมื่อไวรัสแพร่ไปตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ จำนวนผู้ติดเชื้อก็เพิ่มขึ้น ในตอนนั้น ไม่เพียงแค่หลายร้อยคน ติดเชื้อ และกำลังจะตาย จากโรคอีโบล่า แต่ที่สำคัญเช่นเดียวกัน แนวหน้าในการต่อสู้ คนที่ได้ไปพยายาม และช่วยเหลือ คือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และคนอื่นที่ไปช่วย ก็ติดเชื้อ และกำลังจะตายไปด้วย หลายสิบคน ประธานาธิบดีของประเทศเหล่านี้ รู้เห็นความเร่งด่วนนั้น พวกเขามาประชุมกันในตอนนั้นเลย ตกลงทำงานร่วมกัน ตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมฉุกเฉินขึ้น ในคอนาครี เพื่อพยายามและทำงานร่วมกัน เพื่อกำจัดและหยุดยั้งโรคนี้ เพื่อนำกลยุทธิ์ ที่เราได้พูดไปแล้ว มาใช้ แต่ที่เกิดขึ้นตอนนั้น เป็นบางอย่าง ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน กับโรคอีโบล่า สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น คือ ไวรัส หรือคนที่ป่วยจากไวรัสนั้น ขึ้นเครื่องบิน เดินทางไปอีกประเทศหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่เราเห็น ในอีกประเทศหนึ่ง ที่ไกลออกไป ไวรัสไปโผล่ขึ้นอีก ครั้งนี้เป็นไนจีเรีย ในลากอส มหานครคับคั่ง ผู้คน 21 ล้านคน ตอนนี้ไวรัส อยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นแล้ว อย่างที่คุณคาดหมายได้ มีการตื่นตะหนกในชาติต่าง ๆ ความวิตกกังวลระดับชาติ ระดับที่ไม่เคย เห็นกันมาก่อน ในระยะหลายปีมานี้ ที่เกิดจาก โรคเช่นเดียวกันนี้ องค๋การอนามัยโลก ประชุมผู้เชี่ยวชาญ ในทันที ดูสถานการณ์ ประกาศภาวะฉุกเฉิน ระหว่างประเทศ และการทำเช่นนี้ตามความคาดหมายก็คือ จะได้เข้ามาอีกหลายอย่างมากมาย ในเรื่องความช่วยเหลือระหว่างประเทศ ที่จะมาช่วยประเทศเหล่านี้ ซึ่งอยู่ในภาวะยากลำบาก กังวล มากเหลือเกิน อยู่ในขณะนั้น แต่สิ่งที่เราเห็นคือ สิ่งที่ต่างออกไปมาก มีการตอบรับ ที่เยี่ยมยอดมาก หลายประเทศเข้ามาช่วย -- เอ็นจีโอมากมาย และอื่น ๆ อีกมากมาย ตามที่ท่านทราบ แต่ในเวลาเดียวกัน สิ่งตรงกันข้ามก็เกิดขึ้น ในหลาย ๆ ที่ ความตื่นตระหนกเพิ่มพูนขึ้น ในเวลาไม่ช้า ประเทศเหล่านี้ ก็พบว่าตัวเอง ไม่ได้รับการช่วยเหลือ ตามที่ต้องการ แต่กลับถูกโดดเดี่ยวยิ่งขึ้น ที่เห็นคือ สายการบินพาณิชย์ ก็เริ่มบินเข้ามา ยังประเทศเหล่านี้ และผู้คนที่ไม่เคย แม้แต่จะเข้ามาสัมผ้สไวร้ส ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางอีกต่อไป สิ่งนี้ไม่เพียงเป็นปัญหา เห็นได้ชัดเจน ต่อประเทศเหล่านั้นเองเท่านั้น ยังเป็นปัญหาต่อการรับมือกับโรคอีกด้วย องค์กรทั้งหลายที่พยายามนำคนเข้ามา เพื่อพยายามช่วยพวกเขารับมือกับโรคระบาด องค์กรเหล่านั้นนำคนขึ้นเครื่องบินไม่ได้ ไม่สามารถให้พวกเขาเข้ามาในประเทศ เพื่อรับมือกับโรคได้ ในสถานการณ์นั้น ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ เชื้อไวรัส อย่างเช่นอีโบล่า ก็ได้เปรียบ สิ่งที่เราเห็นในตอนนั้น คือ บางอย่างที่เราไม่เคยพบมาก่อน ไม่เพียงแค่ไวรัสนี้ ยังคงอยู่ในสถานที่นั้น ที่ซึ่งพวกเขาได้ติดเชื้อไปแล้ว แต่แล้ว มันก็เริ่มบานปลาย และเราเห็นจำนวนคนป่วย ที่เห็นอยู่ตรงนี้ บางสิ่งบางอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ตามตารางนี้ คือ การเพิ่มขึ้นอย่างมาก ของรายที่ป่วยด้วยโรคอีโบล่า ไม่ใช่แค่ในประเทศเหล่านี้ หรือพื้นที่ระบาด ไปแล้วในประเทศเหล่านี้ แต่ยังแพร่ไปไกลกว่า และลึกเข้าไป ในประเทศเหล่านี้อีกด้วย ท่านสุภาพบุรุษและสตรีครับ เป็นครั้งหนึ่งที่น่าห่วงใยที่สุด ภาวะฉุกเฉินระหว่างประเทศ ในเรื่องสุขอนามัย ที่เราเคยพบเห็นมา สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศเหล่านี้ ในตอนนั้น คุณก็ได้เห็นอีกครั้ง ในทีวี อ่านในหนังสือพิมพ์ เราเห็นว่าระบบสุขอนามัย เริ่มจะล่มสลาย จากภาระหนักอึ้งของโรคระบาดนี้ เราได้เห็นโรงเรียนเริ่มปิด ตลาดไม่เปิดขายของอีกต่อไป ไม่เปิดทำการ ในแบบที่มันควรจะเป็น ในประเทศเหล่านี้ เราได้เห็นข้อมูลและความเข้าใจ ที่ผิดเพี้ยนไป เริ่มแพร่ออกไป ยิ่งเร็วขึ้น ไปทั่วชุมชน ซึ่งทำให้ยิ่งตื่นตระหนก เกี่ยวกับสถานการณ์นั้น พวกเขาเริ่มถอยหนีให้ไกล จากคนที่คุณเห็น ในชุดอวกาศเหล่านั้น ที่พวกเขาเรียก คนที่ได้เข้ามาช่วยพวกเขา แล้วสถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ประเทศนั้น ๆ จำต้องประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน ประชากรจำนวนมาก จำต้องถูกกักกันไว้ ในบางพื้นที่ แล้วการจราจลก็ปะทุขึ้น เป็นสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัวมาก ๆ ทั่วทั้งโลก คนจำนวนมาก เริ่มจะตั้งคำถามว่า เราจะหยุดอีโบล่าได้หรือไม่ เมื่อมันเริ่มแพร่ไปอย่างนี้แล้ว แล้วก็ถามอีกว่า จริง ๆ แล้ว เรารู้จักไวรัสนี้ดีแค่ไหน ความเป็นจริง ก็คือ เราไม่รู้จักอีโบล่า อย่างดีมากเพียงพอ มันเป็นโรคค่อนข้างใหม่ ในเรื่องของ สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับมัน เรารู้จักโรคนี้มาเพียงแค่ 40 ปี เท่านั้น ตั้งแต่มันเริ่มปะทุขึ้นมา ในแอฟริกากลาง ในปี ค.ศ. 1976 แต่แม้จะอย่างนั้น เราก็รู้อยู่หลายเรื่อง เรารู้ว่าไวรัสนี้ น่าจะมีชีวิตอยู่ได้ ในตัวค้างคาวประเภทหนึ่ง รู้ว่า มันน่าจะเข้ามาอยู่ในประชากรมนุษย์ เมื่อเราไปสัมผัสกับสัตว์ป่า ที่ติดเชื้อไวรัส และน่าจะป่วยจากโรคนี้แล้ว แล้วเรารู้ว่า เชื้อไวร้สก็แพร่กระจายจาก คนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ทางของเหลวในร่างกาย ที่มีเชื้อไวรัสอยู่ และอย่างที่ท่านทั้งหลายเห็น เรารู้โรคที่น่ากลัวนี้ มันก็มาเกิดในมนุษย์ ที่เราเห็น โรคนี้ทำให้เกิดอาการไข้สูง ท้องร่วงรุนแรง อาเจียรมาก และก็โชคร้าย 70% ของผู้ป่วย หรือบ่อย ๆ ที่มากกว่านั้น ต้องตาย นี่เป็นโรคที่อันตราย ทำให้อ่อนเพลียมาก และถึงตาย แม้ข้อเท็จจริงที่ว่า เราไม่รู้จักโรคนี้ มายาวนานเป็นพิเศษ และไม่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมัน แต่เรารู้แน่ ว่าจะหยุดยั้งโรคนี้ได้อย่างไร มี 4 อย่าง ที่สำคัญยิ่ง ในการหยุดอีโบล่า สิ่งแรกและสำคัญที่สุดชุมชนต้องเข้าใจโรคนี้ พวกเขาต้องเข้าใจว่า มันแพร่กระจายไป อย่างไรและจะหยุดยั้งมันอย่างไร แล้วเราต้องสามารถมีระบบ ที่จะค้นพบคนป่วยทุก ๆ รายได้ ทุกคนที่สัมผัสกับผู้ป่วยเหล่านั้น และเริ่มตามรอยห่วงโซ่การแพร่เชื้อนั้น เพื่อจะสามารถหยุดการแพร่เชื้อได้ เราต้องมีศูนย์ให้การรักษาพิเศษ ศูนย์การรักษาเฉพาะโรคอีโบล่า ที่ซึ่งคนทำงานจะสามารถได้รับการคุ้มกัน เมื่อพวกเขาให้การช่วยเหลือ ผู้ที่ติดเชื้อ เพื่อที่ว่า พวกเขาอาจจะรอดชีวิตจากโรคนั้น และสำหรับผู้ที่ต้องตายไปนั้น เราต้องแน่ใจว่า มีกระบวนการฝัง ที่ปลอดภัย แต่ขณะเดียวกันก็อย่างมีเกียรติ เพื่อที่จะไม่มีการแพร่เชื้อ ในเวลานั้นด้วย เราจึงรู้แน่ ๆ วิธีหยุดอีโบล่า และ กลยุทธ์เหล่านี้ใช้การได้ เราหยุดเชื้อไวรัสนี้แล้ว ในไนจีเรีย โดยกลยุทธ์ 4 ประการนี้ และผู้คนก็นำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้ เห็นได้ชัด เราหยุดมันได้ในเซเนกัล ที่มันได้แพร่ไปถึง และในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสนี้ ในการระบาดครั้งนี้ จึงไม่มีข้อสงสัยอีกว่า กลยุทธ์เหล่านี้ จริง ๆ ใช้การได้ แต่ปัญหาใหญ่ ครับ ก็คือ กลยุทธิ์เหล่านี้ จะใช้การได้หรือไม่ ในการระบาดขนาดนี้ ในสถานการณ์นี้ ที่กระทบหลายประเทศเหลือเกิน ที่การเพิ่มขึ้นรวดเร็วอย่างที่คุณเห็น นั่นเป็นคำถามใหญ่ ที่เราได้เผชิญมา แค่ 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ ในวันนี้ เรารู้คำตอบ สำหรับคำถามนั้นแล้ว และเรารู้คำตอบนั้นได้ ก็เพราะการทำงานที่พิเศษ ของกลุ่มเอ็นจีโอ ซึ่งเหลือเชื่อ ของรัฐบาลต่าง ๆ ของผู้นำท้องถิ่น ของหน่วยงานสหประชาชาติ และขององค์กร มนุษยชน และองค์กรอื่น ๆ หลายองค์กร ที่เข้ามาและร่วมกันต่อสู้ เพื่อพยายาม หยุดอีโบล่า ในแอฟริกาตะวันตก แต่สิ่งที่ได้ทำไปแล้วที่นั่น ต่างออกไปเล็กน้อย ประเทศเหล่านี้ เอากลยุทธ์เหล่านั้น ที่ผมเพิ่งจะแสดงให้คุณเห็น เช่น การเข้ามาร่วมของชุมชน การค้นหา คนป่วย การตามรอยผู้ที่มาสัมผัส เป็นต้น และพวกเขาคิด ในแบบที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิง มีโรคมากเสียจนพวกเขา ต้องเข้าถึงมัน ต่างออกไป สิ่งที่พวกเขาตัดสินใจทำ คือ อันดับแรก พยายามที่จะทำให้ การระบาดช้าลง โดยสร้างเตียง ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างเร็ว ในศูนย์ให้การรักษาพิเศษนั้น เพื่อที่จะกันเชื้อโรค ไม่ให้กระจายไป จากผู้ที่ติดเชื้ออยู่แล้ว โดยสร้างทีมงานฝังศพขึ้น มากมาย หลายทีม อย่างรวดเร็ว เพื่อให้จัดการเกี่ยวกับการตาย ได้อย่างปลอดภัย และด้วยสิ่งเหล่านั้น พวกเขาพยายาม ทำให้การระบาดช้าลง เพื่อดูว่า จริง ๆ แล้วมันควบคุมได้หรือไม่ โดยใช้วิธีการแบบเก่า คือ ค้นหาผู้ป่วย และติดตามผู้ที่ได้ไปสัมผัส เมื่อผมไปที่แอฟริกาตะวันตก ราว 3 เดือนก่อน เมื่ออยู่ที่นั่น สิ่งที่ผมเห็นนั้น พิเศษไม่ธรรมดา ผมเห็นประธานาธิบดี ไปเปิดศูนย์ปฏิบัติการ ฉุกเฉินต่อต้านอีโบล่า ด้วยตัวเอง เพื่อที่เขาจะสามารถประสาน ดูงาน และสนับสนุนด้วยตนเอง เรื่องความช่วยเหลือระหว่างประเทศ ที่พรั่งพรูเข้ามา เพื่อจะพยายามหยุดโรคนี้ เราเห็นกำลังทหารจากภายในประเทศเหล่านั้น และจากที่ไกลออกไป เข้ามาช่วยสร้างศูนย์การให้การรักษาอีโบล่า ที่สามารถใช้แยกคนป่วยออกไป เราเห็นกาชาด ทำงานร่วมกับองค์กรพันธมิตร อยู่ในพื้นที่ตรงนั้น เพื่อช่วยฝึกชุมชนให้ฝังศพคนตาย ได้อย่างปลอดภัยจริง ๆ ในสภาพที่มีเกียรติด้วยตัวพวกเขาเอง เราเห็นหน่วยงานสหประชาชาติ โครงการอาหารโลก สร้างสะพานเทียบเครื่องบินขนาดใหญ่โต ที่จะนำผู้ตอบรับเข้ามาช่วยเหลือ ไปถึงทุก ๆ ที่ ในประเทศเหล่านี้อย่างรวดเร็ว เพื่อจะสามารถนำกลยุทธ์ ที่เราเพิ่งจะพูดถึงนั้นไปใช้ สิ่งที่เราเห็น ท่านทั้งหลายครับ ซึ่งน่าจะซาบซึ้งที่สุด คือ งานที่เหลือเชื่อนี้ โดยรัฐบาลต่าง ๆ โดยผู้นำทั้งหลายในประเทศเหล่านี้กับชุมชน เพื่อพยายามให้แน่ใจได้ว่า ผู้คนเข้าใจโรคนี้ เข้าใจถึงสิ่งพิเศษต่าง ๆ ที่พวกเขาจะต้องทำ เพื่อพยายามหยุดอีโบล่า และผลลัพธ์ที่ได้ ท่านทั้งหลายครับ เราเห็น สิ่งที่เราไม่รู้ แค่ 2-3 เดือนก่อนนั้น ว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ สิ่งที่เราเห็น คือ ที่คุณเห็นอยู่ขณะนี้ ในกราฟนี้ เมื่อเราประเมินสถานการณ์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม สิ่งที่เห็นคือ เราสามารถทำให้เส้นโค้งลงมา จะพูดอย่างนั้นก็ได้ เปลี่ยนการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แบบเลขชีักำลังนี้ และนำความหวังกลับคืนมา สร้างความสามารถ ที่จะควบคุมการระบาดนี้ได้ ด้วยสาเหตุนี้เอง ท่านทั้งหลายครับ จึงไม่มีข้อสงสัยอะไรอีก ในขณะนี้ ว่าเราจะสามารถตามทันการระบาดนี้ ในแอฟริกาตะวันตก จะชนะดีโบล่าได้หรือไม่ แต่คำถามสำคัญ ที่คนจำนวนมากกำลังสงสัย แม้ได้เห็นเส้นโค้งนี้แล้วก็ตาม พวกเขาบอกว่า "เดี๋ยวก่อน--ดีเยี่ยม ทำให้มันช้าลงได้ แต่คุณไล่มันลงไป ถึงเลขศูนย์เลย ได้ไหม เราได้ตอบคำถามที่ว่านี้ไปแล้ว ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นการพูดนี้ เมื่อตอนผมพูดถึง เขตปกครองโลฟา ในไลบีเรีย เราเล่าเรื่องให้ท่านฟังว่า โลฟา เข้าไปอยู่ในสถานการณ์ ที่พวกเขาไม่เห็นอีโบล่าอีก นาน 6 สัปดาห์แล้ว แต่ก็มีเรื่องแบบเดียวกันนี้ จากประเทศอื่น ๆ เช่นกัน จาก เก็กขิดู ในกินี พื้นที่แรก ที่ผู้ป่วยรายแรกจริง ๆ ที่ได้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค เราก็ได้เห็นผู้ป่วย น้อยรายมาก ๆ ในช่วง 2 เดือนที่แล้ว และตรงนี้ ในเคเนมา ในเซียราลีออน อีกพื้นที่หนึ่งที่เป็นศูนย์การระบาด เราไม่เห็นไวรัส มานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว-- ก็ยังเร็วเกินกว่า จะประกาศชัยชนะ อย่างชัดเจนครับ แต่ตามหลักฐาน ท่านทั้งหลายครับ ไม่เพียงการตอบรับนั้น ทันกับโรคเท่านั้น แต่โรคนี้สามารถถูกขับไป จนถึงตัวเลขศูนย์ได้ ความท้าทายในปัจจุบัน, แน่นอนครับ คือ ให้ยังคงทำแบบนี้ไป ในขนาดที่จำเป็น ในทั่วทั้ง 3 ประเทศนี้ และนั่นเป็นความท้าทายที่ใหญ่ยิ่ง เพราะเมื่อคุณได้ทำบางอย่างไปนาน ๆ ในระดับขนาดนี้ สิ่งคุกคามใหญ่ ๆ อีก 2 อย่าง ก็เข้ามาร่วมกับไวรัสนั้น สิ่งแรก คือ ความรู้สึกว่าพอใจแล้ว ความเสี่ยงที่ว่า เมื่อเส้นโค้งของกราฟ เริ่มจะโน้มลงมา สื่อมวลชน ก็หันไปสนใจเรื่องอื่น โลกก็หันไปมองที่อื่น ความพอใจแล้ว นำความเสี่ยงตามมาเสมอ ความเสี่ยงอีกอย่าง แน่นอนครับ คือ เมื่อคุณทำงานหนักมาก ๆ เป็นเวลานาน ๆ และนอนไม่กี่ชั่วโมง ติดต่อกันเป็นเดือน ๆ คนก็จะเหน็ดเหนื่อย คนก็จะเหนื่อยล้า และความเสี่ยงใหม่ ๆ เหล่านี้ ก็จะเริ่ม คืบคลานเข้ามา ในการรับมือ ท่านทั้งหลายครับ ผมบอกคุณได้เลยวันนี้ ผมเพิ่งกลับจากแอฟริกาตะวันตก ผู้คนของประเทศเหล่านี้ ผู้นำของประเทศเหล่านี้ พวกเขายังไม่รู้สึกพึงพอใจ พวกเขาต้องการจะขับอีโบล่า ให้ถึงเลขศูนย์ ในประเทศของเขา ครับ ผู้คนเหล่านี้ พวกเขาเหน็ดเหนื่อย แต่พวกเขาไม่เหนื่อยล้า พวกเขามีพละกำลัง พวกเขามีความกล้าหาญ พวกเขามีแรง ที่จะทำเรื่องนี้ให้เสร็จ สิ่งที่พวกเขาต้องการ ณ จุดนี้ คือ การสนับสนุนที่ไม่เปลี่ยนแปลง จากชุมชนระหว่างประเทศ ที่จะยืนหยัดกับพวกเขา เพื่อจะค้ำจุน และนำการสนับสนุนมาเพิ่ม ณ เวลานี้ เพื่อให้งานเสร็จสิ้น เพราะการกำจัดอีโบล่าให้เสร็จสิ้น ในตอนนี้ หมายถึง การเปลี่ยนสถานการณ์ไวรัสนี้ไปเลย และการเริ่มต้นที่จะล่ามัน จำได้นะครับ ไวรัสนี้ วิกฤติทั้งหมดนี้ เริ่มต้นจากผู้ป่วยรายเดียว และก็จะเสร็จสิ้น ด้วยผู้ป่วยรายเดียว แต่มันจะเสร็จสิ้น ก็ต่อเมื่อ ประเทศนั้น ๆ มีนักระบาดวิทยาอย่างเพียงพอ เจ้าหน้าที่อนามัย คนส่งกำลังบำรุง และ คนอื่น ๆ เพียงพอ มาทำงานร่วมกับพวกเขา เพื่อให้สามารถค้นพบผู้ป่วยทุกคน ตามรอยผู้ที่ได้ไปสัมผัสได้ และให้แน่ใจได้ว่า เชื้อโรคนี้ได้หมดไปแล้ว ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษครับ เราเอาชนะอีโบล่าได้ครับ ผมต้องการให้คุณ เอาเรื่องนี้ไปบอก ผู้คนที่พร้อมจะรับฟัง ให้พวกเขาเรียนรู้ว่า การเอาชนะอีโบล่านั้น หมายถึงอะไร และที่สำคัญกว่านั้น เราต้องการให้คุณ ให้การสนับสนุนแก่ผู้คน ที่สามารถช่วยเรา นำทรัพยากรที่เราต้องการ มายังประเทศเหล่านี้ เพื่อเอาชนะโรคนี้ มีผู้คนมากมายที่อยู่ที่นั่น ที่จะรอดชีวิต และจะก้าวหน้าต่อไป ในบางส่วนนั้น ก็เพราะสิ่งที่คุณทำ เพื่อช่วยให้เรา เอาชนะอีโบล่า ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ)