ผมมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องเมืองคนเดิน
เมืองคนเดินคืออะไร?
เอาละ เพื่อความหมายที่ดีขึ้น
มันก็คือเมืองที่รถยนต์กลายเป็นแค่อุปกรณ์
ทางเลือกหนึ่งของการเคลื่อนที่อย่างอิสระ
มากกว่าจะเป็นอีกส่วนของร่างกาย
และผมก็อยากจะคุยว่า
ทำไมเราถึงต้องมีเมืองคนเดิน
แล้วเราจะสร้างเมืองคนเดินกันได้อย่างไร
ทุกวันนี้เรื่องที่ผมพูดส่วนใหญ
เกี่ยวกับว่าทำไมเราจึงต้องการมัน
แต่พวกคุณฉลาดนี่นา
อีกอย่าง ผมก็พูดเรื่องนั้นไปแล้ว
เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
คุณย้อนไปดูกันได้ที่ TED.com
ดังนั้นวันนี้ ผมเลยอยากจะพูดเรื่อง
ว่าจะสร้างมันได้อย่างไร
ผมใช้เวลาคิดเรื่องนี้อย่างมากมาย
ผมเลยประมวลสิ่งที่ผมเรียกมันว่า
ทฤษฎีเมืองคนเดินทั่วไป
เป็นคำที่ฟังดูขี้โอ่นิดๆ เสียดสีหน่อยๆ
แต่มันเป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่นานทีเดียว
และผมก็อยากจะแบ่งปัน
สิ่งที่ผมคิดว่าผมได้คิดแตกแล้ว
เมืองในอเมริกันโดยทั่วไปนะ --
เมืองอเมริกันโดยทั่วไป ไม่ใช่วอชิงตัน ดีซี
หรือนิวยอร์ค หรือซานฟรานซิสโก
มันคือเมืองอย่าง แกรนด์ แรพิดส์
หรือซีดาร์ แรพิดส์ หรือ เมมฟิส --
ในเมืองอเมริกันโดยทั่วไป
ที่คนส่วนใหญ่มีรถใช้
และมันก็ล่อใจให้ขับรถตลอดเวลา
หากคุณจะให้พวกเขาเดิน
คุณจะต้องมีทางสำหรับเดินให้เขา
ที่มันดีพอๆ กับการขับรถ หรือดีกว่า
หมายความว่าอะไรเล่า?
ก็หมายความว่าคุณจะต้องเสนอ
สี่สิ่งนี้อย่างต่อเนื่อง:
มันจะต้องมีเหตุที่เหมาะสมให้ต้องเดิน
การเดินนั้นต้องปลอดภัย
และให้ความรู้สึกว่าปลอดภัย
การเดินนั้นจะต้องสบาย
การเดินนั้นจะต้องมีความน่าสนใจ
คุณจะต้องทำทั้งสี่อย่างที่ว่านี้
อย่างต่อเนื่อง
และนั่นก็จะเป็นโครงของการพูดของผมในวันนี้
เพื่อจะพาคุณฟังในแต่ละหัวข้อนั้น
เหตุจูงใจให้เดิน
เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากครูของผม
อังเดรส ดูอานี
และเอลิซาเบท เพลเทอร์ ไซเบิร์ค
ผู้ก่อตั้งขบวนการวิทยาการปรับปรุงเมืองใหม่
และผมควรบอกว่าครึ่งหนึ่งของสไลด์
และข้อมูลที่ผมนำมาพูดในวันนี้
ผมได้เรียนรู้จากพวกเขา
มันเป็นเรื่องราวของการวางผัง
เรื่องของการจัดรูปแบบของสายอาชีพผังเมือง
เมื่อในศตวรรษที่ 19 ผู้คนสำลักอากาศ
จากเขม่าควันดำจากโรงสีนรก
นักวางผังเสนอให้เราย้าย
ที่อยู่อาศัยออกจากโรงสีกันเถอะ
แล้วช่วงอายุของคนก็ยืนยาวขึ้น
ทันที อย่างรวดเร็ว
และเราอยากจะบอกว่า
นักวางผังได้พยายามที่จะทำให้เกิด
ประสบการณ์นั้นซ้ำอีกครั้งมาตลอด
มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ
การจัดโซนแบบยูคลิเดียน
เป็นการแยกภูมิทัศน์ออกเป็น
ส่วนใช้สอยเดี่ยวขนาดใหญ่
และโดยทั่วไป เมื่อผมมาถึง
เมืองหนึ่งๆ เพื่อวางผัง
ผังเช่นที่ว่านี้ก็จะรอผมอยู่แล้ว
บนสถานที่ที่ผมกำลังดูอยู่
และผังอย่างที่ว่านี้การันตีได้เลย
ว่าคุณจะไม่ได้เมืองคนเดินแน่
เพราะไม่มีอะไรที่อยู่ใกล้ๆ กันเลย
ทางเลือก แน่นอนก็คือ
เมืองที่น่าเดินที่สุดของเรานี่ไง
และ ผมอยากจะบอกว่า รู้ไหมว่า
นี่คือ แบบรอธโค
และนี่คือ แบบเซอราท์
มันเป็นแค่วิธีที่ต่างออกไป
เขาเป็นจิตรกรผสานจุด
มันเป็นเพียงการสร้างเมืองที่ต่างออกไป
และกระทั่งแผนที่แมนฮัตตันนี้ก็หลอกตาหน่อยๆ
เพราะสีแดงเป็นส่วนใช้สอยที่ถูกผสมในแนวตั้ง
นี่เป็นเรื่องใหญ่ของ
นักวิทยาการปรับปรุงเมืองใหม่
ที่จะตระหนักว่า
มันมีอยู่เพียงสองทางเท่านั้น
ที่ได้รับการทดสอบเป็นพันครั้ง
ในการสร้างชุมชน
ในโลกนี้และเท่าที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์
หนึ่งคือชุมชนแบบประเพณี
คุณเห็นได้เลยว่าหลายชุมชน
ของนิวเบอรี่พอร์ท แมสซาชูเซต
ที่ถูกกำหนดว่าเป็นชุมชนที่กระทัดรัด
และมีความหลากหลาย
สถานที่อาศัย ทำงาน จับจ่าย
สันทนาการ ที่เล่าเรียน --
ทั้งหมดนี้อยู่ในระยะที่เดินถึงกันได้
และได้รับการจำกัดความว่าเป็นเมืองคนเดิน
มันมีถนนเล็กๆ มากมาย
แต่ละถนนนั้นเดินได้อย่างสบาย
เราจะมาเปรียบเทียบมันกับอีกด้านหนึ่ง
สิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้น
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
การขยายตัวของชานเมือง
ชัดเลยว่าไม่กระทัดรัด ชัดว่าไม่หลากหลาย
และมันเดินถึงกันไม่ได้
เพราะมีถนนเชื่อมกันไม่กี่สายเท่านั้น
ส่วนถนนที่ไม่เชื่อมต่อกันนั้น
กลายเป็นว่าต้องรับภาระหนักเกิน
และคุณคงไม่อยากให้ลูกไปบนถนนนั่นหรอก
และผมอยากขอบคุณอเล็กซ์ แมคคลีน
ช่างภาพทางอากาศของเรา
สำหรับภาพสวยๆ หลายภาพ
ที่ผมนำมาแสดงให้คุณชมในวันนี้
ดังนั้นมันจึงสนุกที่จะแตกการขยายตัวนั้น
ให้เป็นส่วนๆ
มันเข้าใจได้ง่ายมาก
ที่ที่คุณอาศัยเท่านั้น
ที่ที่คุณทำงานเท่านั้น
ที่ที่คุณจับจ่ายเท่านั้น
และสถานที่ราชการขนาดมโหฬาร
โรงเรียนมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวัน
และแต่ละโรงเรียนจึงอยู่ห่างกันออกไปทุกที
และสัดส่วนของขนาดพื้นที่จอดรถ
ต่อขนาดของอาคารเรียน
บอกให้คุณทราบได้อย่างชัดเจน
ว่าไม่มีเด็กคนใดที่เคยเดินไปโรงเรียนนี้เลย
ไม่มีเด็กคนใดที่จะได้เดินไปโรงเรียนนี้
เด็กโตและเด็กเล็กขับไปส่ง
เด็กใหม่และรุ่นพี่
และแน่นอนว่าเรามี
สถิติรถชนเป็นหลักฐานพิสูจน์ให้เห็น
แล้วก็ตามมาด้วยการขยาย
สถานที่เทศบาลอื่นๆ ของเราให้ใหญ่ขึ้น
อย่างสนามเด็กเล่น--
มันเยี่ยมยอดมากที่เวสติน
ในบริเวณฟอร์ตลอร์เดอร์เดล
มีสนามฟุตบอลแปดสนาม
และสนามเบสบอลแปดสนาม
และสนามเทนนิสอีก 20 สนาม
แต่ดูที่ถนนที่นำคุณไปสู่สถานที่นี้สิ
คุณจะยอมให้ลูกของคุณขี่จักรยานไปเองไหม?
และนี่ก็ทำให้เราต้องมี
คุณแม่นักบอลในตอนนี้
ตอนผมยังเด็ก ผมมีสนามฟุตบอลสนามเดียว
สนามเบสบอลเดียว และสนามเทนนิสเดียว
แต่ผมเดินไปเองได้
เพราะมันอยู่ในละแวกบ้านของผม
และส่วนสุดท้ายของการขยายตัว
ซึ่งทุกคนลืมนับ:
หากคุณจะแยกทุกอย่างให้ขาดออกจากกัน
แล้วมาเชื่อมต่อกันใหม่
ด้วยระบบคมนาคมเพียงอย่างเดียว
ภูมิทัศน์ของคุณก็จะเริ่มดูคล้ายเช่นนี้
หลักๆ ที่อยากจะสื่อก็คือ:
หากคุณอยากจะได้เมืองคนเดิน
คุณจะไม่สามารถเริ่มจากโมเดลแบบแผ่ขยาย
คุณต้องมีโครงหลักเป็นโมเดลแบบเมือง
นี่เป็นผลของการออกแบบในรูปแบบนั้น
เช่นเดียวกับอันนี้
และนี่เป็นสิ่งที่คนอเมริกันจำนวนมากอยากได้
แต่เราต้องเข้าใจว่า
มันเป็นความฝันที่มีสองส่วน
หากคุณฝันอยากได้ไอ้นี่
คุณก็คงต้องฝันว่าจะได้ไอ้นี้ด้วย
ซึ่งบ่อยครั้งมันก็ประหลาดสุดโต่ง
เมื่อเราสร้างภูมิทัศน์
เพื่อรองรับการใช้รถก่อนอย่างอื่น
และประสบการณ์ของการ
เข้าไปอยู่ในที่เหล่านี้--
(เสียงหัวเราะ)
นี่ไม่ได้ถูกโฟโต้ชอพท์นะครับ
วอลเตอร์ คูลาชถ่ายภาพสไลด์นี้
มันอยู่ในปานามาซิตี้
มันเป็นสถานที่จริงนะครับ
และสำหรับคนใช้รถใช้ถนน
มันก็ดูน่ารำคาญอยู่สักหน่อย
และหากเป็นคนเดินถนน
มันก็คงน่ารำคาญด้วย
ในสถานที่เหล่านี้
นี่เป็นสไลด์ที่นักวิทยาการระบาด
ได้แสดงให้เราดูมาซักพักแล้ว
(เสียงหัวเราะ)
ความจริงที่ว่าเรามีสังคม
ที่คุณขับรถไปยังที่จอดรถ
เพื่อที่จะขึ้นบันไดเลื่อนไปยังลู่วิ่ง
มันแสดงให้เห็นว่าเรากำลังทำอะไรผิดไปแน่
แต่เรารู้ว่าทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร
นี่เป็นสองโมเดลที่ขัดแย้งกัน
ผมให้ดูสไลด์นี้
ซึ่งเป็นเอกสารให้ความรู้
ของการสร้างเมืองใหม่
มาร่วม 30 ปีแล้ว
โดยแสดงให้เห็นว่าการแผ่ขยายเมืองและ
ชุมชนแบบดั้งเดิมนั้นมีทุกอย่างเหมือนกัน
มันแค่ความใหญ่โตเท่านั้น
ความใกล้ไกลจากกันของสิ่งต่างๆ
การกระจายตัวเข้าหากันอย่างไร
และคุณมีโครงข่ายถนนเชื่อมกัน
หรือว่าเป็นตรอกตัน
หรือเป็นระบบถนนแบบสะสม?
ดังนั้น เวลาที่เราดูบริเวณตัวเมือง
ที่ที่มีความหวังว่าจะได้เป็นเมืองคนเดิน
และส่วนใหญ่แล้ว ตัวเมืองของเมืองในอเมริกา
และเมือง และหมู่บ้าน
เรามองดูมันแล้วก็ว่าเราอยาก
ให้มีการใช้สอยที่สมดุลเหมาะสมกว่านี้
อะไรเล่าที่หายไป หรือไม่ถูกนำมาพูดถึง?
และก็อีกนั่นแหละ ในเมืองอเมริกันโดยทั่วไป
ที่คนอเมริกาส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่
มันคือการขาดแคลนที่อยู่
งานกับที่อยู่ไม่สมดุลกัน
และคุณจะพบว่า
เมื่อคุณนำที่อยู่อาศัยกลับเข้ามา
สิ่งอื่นๆ ก็จะเริ่มกลับเข้ามาด้วย
และที่อยู่อาศัยมักจะเป็นสิ่งแรกในจำนวนนั้น
และ แน่นอนว่า สิ่งที่
จะมาท้ายสุดและในที่สุด
ก็คือโรงเรียน
เพราะคนต้องย้ายเข้ามาเสียก่อน
ผู้บุกเบิกหนุ่มสาวต้องย้ายเข้ามา
เติบโตขึ้น มีลูก
และสู้ต่อไป แล้วโรงเรียนก็จะดีขึ้นในที่สุด
ส่วนอื่นๆ ของตอนนี้
ส่วนเมืองที่มีประโยชน์
คือ ทรานสิต
และคุณสามารถที่จะมีย่านคนเดิน
ที่น่าเดินได้โดยไม่ต้องมีมันก็ได้
แต่เมืองคนเดินที่ดีนั้นจะต้องมีทรานสิต
เพราะหากคุณไม่มีทางเข้าเมืองได้
ในฐานะคนเดินถนนแล้วล่ะก็
คุณก็จะใช้รถ
และหากคุณใช้รถ
เมืองนั้นก็จะปรับตัวเองเพื่อรองรับ
ความต้องการของคุณ
และถนนก็กว้างขึ้น
และที่จอดรถก็ใหญ่ขึ้น
และคุณก็จะไม่มีเมืองคนเดินอีกต่อไป
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเปลี่ยน
แต่ทุกครั้งที่เปลี่ยน
หรือการเปลี่ยนทุกครั้ง
ต้องเริ่มหรือจบลงด้วยการเดิน
และเราจึงต้องจำไว้ว่าต้องสร้างทางคนเดิน
รอบสถานีทรานสิตของเรา
รายการต่อไป เป็นข้อที่ใหญ่ที่สุด
นั่นคือทางเดินที่ปลอดภัย
มันเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ
ด้านการเดินส่วนใหญ่พูดถึง
มันเป็นสิ่งจำเป็น แต่แค่มันอย่างเดียว
ไม่เพียงพอที่จะทำให้คนออกมาเดินได้
และมีส่วนที่เคลื่อนที่ได้หลายส่วน
ที่รวมกันออกมาเป็นเมืองคนเดิน
อย่างแรกก็คือขนาดของบล้อค
นี่คือพอร์ตแลนด์ โอเรกอน
บล้อคที่มีชื่อเสียงขนาด 200 ฟุต
ดังเรื่องน่าเดิน
นี่คือ ซอล์ทเลคซิตี้
บล้อคที่มีชื่อเสียงขนาด 600 ฟุต
ดังเรื่องไม่น่าเดิน
หากคุณเปรียบเทียบทั้งสองที่นี้
มันเกือบจะเหมือนว่ามาจากคนละโลก
แต่สถานที่ทั้งสองนี้สร้างด้วยมือมนุษย์
และจริงๆแล้ว เมื่อคุณมีเมือง
ที่มีบล้อคขนาด 200 ฟุต
คุณให้มันมีถนนสองเลนก็ได้
หรือมีถนนสองถึงสี่เลนก็ได้
และ เมืองที่มีบล้อคขนาด 600 ฟุตนั้น
เป็นเมืองถนนหกเลน และนั่นแหละคือปัญหา
นี่เป็นสถิติอุบัติเหตุรถชน
เมื่อคุณเพิ่มขนาดบล้อคให้ใหญ่เป็นสองเท่า--
นี่เป็นการศึกษา 24 เมืองในแคลิฟอร์เนีย
เมือคุณขยายขนาดบล้อคเป็นสองเท่า
อุบัติเหตุถึงชีวิตเพิ่มเป็นเกือบสี่เท่า
บนถนนที่ไม่ใช่ไฮเวย์
ถ้าเช่นนั้นเรามีถนนกี่เลนดี?
ที่นี่แหละที่ผมกำลังจะบอกคุณ
ในสิ่งที่ผมบอกผู้ฟังทุกคนที่ผมได้พบ
นั่นคือการเตือนใจคุณ
ถึงเรื่องอุปสงค์จากการเหนี่ยวนำ
อุปสงค์จากการเหนี่ยวนำใช้ได้กับทั้ง
ไฮเวย์และถนนในเมือง
และอุปสงค์จากการเหนี่ยวนำบอกเราว่า
เมื่อเราขยายถนน
เพื่อยอมรับการจราจรที่ติดขัด
ตามที่เราคาดไว้
หรือการเดินทางที่เพิ่มขึ้น
ตามที่เราคาดไว้
จากระบบที่มันติดขัด
การจราจรที่ติดขัดนั่นแหละ
เป็นตัวหลักที่จำกัดอุปสงค์
และมันจึงทำให้ต้องขยายถนน
และมันก็มีการเดินทางแอบแฝงเหล่านั้น
ที่พร้อมที่จะเกิดขึ้น
คนไปอยู่ไกลขึ้นจากที่ทำงาน
แล้วต้องเลือกว่าเมื่อไหร่
จึงจะเดินทางมาทำงาน
และเลนเหล่านั้นก็เต็ม
ไปด้วยรถอีกอย่างรวดเร็ว
เราจึงต้องขยายถนนอีก
แล้วมันก็เต็มอีก
และเราก็ได้เรียนรู้ว่า
ในระบบที่ติดขัด
เรารองรับปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นทุกทีไม่ได้
นี่มาจากนิตยสารนิวส์วีค--
ก็ไม่ใช่เป็นสิ่งพิมพ์ลึกลับอะไร:
"วิศวกรทุกวันนี้รับรู้แล้ว
ว่าการสร้างถนนเพิ่ม
มักจะทำให้การจราจรติดขัดมากขึ้น"
ความรู้สึกของผมต่อการอ่านเรื่องนี้คือ
ขอผมได้เจอวิศวกรที่ว่านี่หน่อยเถอะ
เพราะพวกเขาไม่ใช่วิศวกรที่ผม--
มีพวกที่ยกเว้นไว้กลุ่มใหญ่
ที่ผมกำลังร่วมงานด้วยอยู่--
แต่พวกเขาไม่ใช่วิศวกร
ที่คนทั่วไปจะพบทำงานอยู่ในเมือง
ที่พวกเขาว่า "โอ ถนนนั่นรถแน่นเกินไป
เราต้องเพิ่มถนนอีกเลนแล้วล่ะ"
คุณจึงสร้างถนนเพิ่มอีกเลน รถก็เต็มถนนอีก
แล้วพวกเขาก็ว่า "บอกแล้วว่า
เราต้องมีเพิ่มอีกเลน"
นี่ใช้ได้กับทั้งไฮเวย์และ
กับถนนในเมืองหากการจราจรติดขัด
แต่สิ่งน่าประหลาดเกี่ยวกับ
เมืองอเมริกันส่วนใหญ่ที่ผมทำงานนั้น
เมืองที่ยิ่งธรรมดา
คือเมืองที่มีถนนมากมายที่
จริงๆแล้วใหญ่เกินไป
สำหรับการจราจรที่
พวกเขากำลังประสบอยู่
นี่เป็นกรณีในโอกลาโฮมาซิตี้
ตอนที่นายกเทศมนตรีวิ่ง
มาหาผมด้วยท่าทางทุกข์มาก
เพราะเขาได้รับการขนานนาม
ในนิตยสาร พรีเวนชั่น
ว่าเป็นเมืองที่ไม่เป็นมิตร
กับคนเดินเท้าที่สุดในประเทศ
นั่น มันไม่น่าจะเป็นไปได้จริงๆ
แต่แน่นอนว่ามันก็เพียงพอ
ที่จะทำให้นายกฯต้องทำอะไรซักอย่าง
เราได้ศึกษาความน่าเดิน
และสิ่งที่เราพบ เมื่อดูที่
การนับจำนวนรถบนถนน--
เรานับรถได้ 3,000-, 4,000-, 7,000- คัน
และเรารู้ว่าถนนสองเลนนั้นสามารถรับ
ปริมาณรถได้ 10,000 คันต่อวัน
ดูที่ตัวเลขเหล่านี้--
มันล้วนใกล้หรือต่ำกว่า 10,000 คัน
และเหล่านี้เป็นถนน
ที่ถูกจัดไว้
ในผังย่านตัวเมืองใหม่
ให้เป็นถนนกว้างสี่ถึงหกเลน
ดังนั้นเราจะเห็นได้ถึงการขาดความสัมพันธ์
ระหว่างจำนวนเลนของถนน
และจำนวนของรถที่ต้องการใช้ถนนเหล่านั้น
มันจึงเป็นงานที่ผมต้องออกแบบ
ถนนทุกสายในย่านตัวเมืองเสียใหม่
จากขอบฟุตบาทหนึ่งไปจรดอีกขอบหนึ่ง
และเราได้ออกแบบทุกถนนที่ตัดผ่าน 50 บล๊อค
และเรากำลังลงมือสร้างมันอยู่
ถนนที่ไม่รู้จะกว้างไปถึงไหนนั้น
กำลังถูกทำให้แคบลง และ
กำลังอยู่ในระยะก่อสร้าง
โปรเจ็คนี้ยังไม่เสร็จดี
ถนนโดยทั่วไปอย่างนี้ คุณก็ทราบ
เมื่อคุณทำเช่นนั้น
คุณก็สามารถแทรกเกาะกลางถนนได้
ใส่เลนจักรยานเพิ่มลงไป
เราได้เพิ่มจำนวนที่จอดรถ
ข้างถนนได้อีกเท่าตัว
เราได้เพิ่มเครือข่ายจักรยานเต็มรูปแบบ
โดยที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีอยู่เลย
แต่ไม่ใช่ว่าทุกที่จะมีเงินอย่าง
โอกลาโฮม่าซิตี้
เพราะพวกเขามีเศรษฐกิจการขุดเจาะ
ที่กำลังไปได้สวยอยู๋ในขณะนี้
เมืองทั่วไป อย่าง ซีดาร์ แรพิดส์
ที่พวดเขามีระบบถนนสี่เลน
กับระบบเดินรถทางเดียวครึ่งๆกลางๆทั้งหมด
และมันก็เห็นได้ยากอยู่
แต่สิ่งที่เราได้ทำ -- ที่เรากำลังทำ;
กำลังถูกดำเนินการอยู่ในขณะนี้
มันอยู่ระหว่างงานวิศวกรรม--
คือการปรับระบบสี่เลนทั้งหมด
และระบบเดินรถทางเดียวครึ่งๆ กลางๆ
มาเป็นระบบถนนสองเลนทั้งหมด
รถวิ่งสองทางทั้งหมด
จากการทำเช่นนั้น เรากำลังเพิ่ม
ที่จอดรถข้างถนนได้ถึง 70 เปอร์เซ็น
ซึ่งพ่อค้าชอบมาก
และมันช่วยป้องกันทางเดิน
ที่จอดรถนั้นทำให้ทางเดินมีความปลอดภัย
และเรากำลังเพิ่มเครือข่าย
จักรยานที่เป็นจริงเป็นจังมากขึ้น
แล้วเลนถนนเองเล่า
มันเหลือกว้างเท่าไร?
นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
มาตรฐานได้เปลี่ยนไปแล้ว
อย่างที่อังเดร ดูอานนี่ได้กล่าวไว้
ถนนโดยทั่วไปที่แบ่งที่ดินในอเมริกา
ทำให้เรารู้ว่าโลกกลม
(เสียงหัวเราะ)
นี่เป็นถนนแบ่งเขตที่ดิน
นอกวอชิงตันจากปีช่วงปี 1960s
ดูความกว้างของถนนให้ดีนะครับ
นี่เป็นถนนแบ่งเขตจากช่วงปี 1980s
1960s, 1980s
มาตรฐานได้เปลี่ยนไปอย่างมากเสียจน
เพื่อนบ้านเก่าของผมจากเซ้าท์บีช
เมื่อมันถึงเวลาที่ต้องซ่อมถนน
ที่ระบายน้ำได้ไม่ดี
เขาต้องขยายถนนและ
เบียดเอาทางเดินของเราไปครึ่งนึง
เพราะมาตรฐานตอนนั้นถนนกว้างขึ้น
คนขับรถเร็วขึ้นเมื่อถนนกว้างขึ้น
เขาก็รู้กันดี
วิศวกรปฏิเสธความจริงนี้
แต่คนในเมืองรู้กันดี
ดังนั้น ในเบอร์มิงแฮม มิชิแกน
เขาต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้ถนนที่แคบลง
พอร์ตแลนด์ โอเรกอน
เป็นที่รู้จักกันดีว่าน่าเดิน
ได้ริเริ่มโครงการ "ถนนเส้นเล็ก"
ในย่านที่อยู่อาศัยของเมือง
เรารู้ว่าถนนเส้นเล็กนั้นปลอดภัยกว่า
วินซ์ เกรแฮม นักพัฒนาที่ดิน
ในโครงการ l'On ของเขา
ซึ่งเราได้ทำงานด้วยในเซาท์ แคโรไลนา
เขาไปตามงานประชุมและโชว์
ถนน 22 ฟุตที่น่าทึ่งของเขาในงาน
นี่เป็นถนนทางเดินรถสองทาง
ที่มีทางเดินรถแคบมาก
และเขาก็แสดงภาพ
นักปรัชญาชื่อดังผู้นี้
ที่กล่าวว่า "ทางกว้างคือถนน
ที่นำไปสู่การทำลายล้าง...
ทางแคบคือถนนที่นำไปสู่ชีวิต"
(เสียงหัวเราะ)
(เสียงปรบมือ)
มันใช้ได้ดีเยี่ยมกับคนทางใต้
ตานี้: เรื่องจักรยาน
จักรยานและการขี่จักรยานนั้นเป็นการรณรงค์
ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
ในเมืองอยู่ไม่กี่เมืองในอเมริกา
แต่หากคุณสร้างทางให้เขา เขาก็มา
ในฐานะนักวางผัง ผมไม่อยากจะว่านะ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมกล่าวได้
คือประชากรผู้ขี่จักรยานแปรผันตรงกับ
ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจักรยาน
ผมได้ขอให้เพื่อนผมชื่อ ทอม เบรนนาน
จาก เนลสัน\ไนการ์ด ในพอร์ตแลนด์
ส่งภาพของขบวนจักรยานที่คนขี่ไปทำงาน
เขาส่งภาพนี้มา ผมถาม
"วันรณรงค์ขี่จักรยานมาทำงาน?"
เขาว่า "ไม่ใช่ วันอังคารธรรมดาๆ"
เมื่อคุณทำอย่างที่พอร์ตแลนด์ได้ทำและ
ลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานสำหรับจักรยาน--
เมืองนิวยอร์คมีจำนวนผู้ขับขี่จักรยาน
เพิ่มเป็นสองเท่ามาตั้งหลายครั้งแล้ว
โดยการทาสีเลนจักรยานเป็นสีเขียวสดใส
แม้กระทั่งเมืองผู้ใช้รถอย่าง
ลองบีช แคลิฟอร์เนีย
จำนวนผู้ขับขี่จักรยานเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
ตามโครงสร้างพื้นฐาน
และ อะไรเล่าที่ทำให้เป็นเช่นนั้น
หากคุณรู้จักถนนสาย 15
ที่นี่ในวอชิงตัน ดีซี
เชิญ พบกับ เลนจักรยานใหม่
ในชิคาโก้ ของราห์ม อีมานูเอล
เลนที่มีบัฟเฟอร์ ทางขนานสำหรับจอดรถ
ดึงขอบถนนออกเป็นผลสำเร็จ
จักรยานขับขี่อยู่ระหว่าง
รถที่จอดอยู่กับขอบถนน
เหล่านี้สร้างนักขี่
อย่างไรก็ดี อย่างในพาซาดีน่า
หากทุกเลนเป็นเลนจักรยาน
แปลว่าไม่มีเลนใดเลยที่เป็นเลนจักรยาน
และนี่คือนักปั่นรายเดียว
ที่ผมพบในพาซาดีน่า ดังนั้น...
(เสียงหัวเราะ)
ที่จอดรถข้างถนนที่ผมได้พูดถึง --
มันเป็นราวกั้นเหล็กที่จำเป็น
ที่ปกป้องขอบถนนและคนเดินเท้า
จากพาหนะที่สัญจรไปมา
นี่คือฟอร์ทลอเดอร์เดล;
คุณสามารถจอดบนข้างหนึ่งของถนนได้
ส่วนอีกข้าง คุณจอดไม่ได้
มันเป็นชั่วโมงแห่งความสุขของข้างที่จอดได้
และเป็นความทุกข์ของอีกฝั่ง
และต้นไม้เองก็เป็นตัวทำให้รถวิ่งช้าลง
พวกเขาขับช้าลงเมื่อมีต้นไม้อยู่ข้างถนน
และแน่นอนว่าบางที
พวกเขาก็หยุดเร็วมากทีเดียว
รายละเอียดเล็กๆน้อยๆทั้งนั้น --
รัศมีวงเลี้ยวของขอบถนน
มันคือหนึ่งฟุต หรือ 40 ฟุต?
ขอบถนนนั้นจะโค้งโฉบขนาดไหนถึงจะ
กำหนดความเร็วของรถที่วิ่งผ่าน
และความกว้างของถนนที่คุณจะต้องข้าม
และ ผมก็ชอบนี่มาก
เพราะว่านี่คือสื่อสารมวลชนไร้ความลำเอียง
"บ้างก็ว่าทางเข้าซิตี้เซนเตอร์
ดูไม่เชื้อเชิญให้คนเดินเท้าเข้าไป"
เมื่อทุกมุมมองของภูมิทัศน์นั้นโค้งไปหมด
เป็นแอโร่ไดนามิกส์
เป็นรูปร่างเรขาคณิตที่ไหลต่อเนื่อง
มันบ่งชัดว่านี่เป็นสถานที่สำหรับยานพาหนะ
เราจะไม่ยอมให้รายละเอียด เรื่องจำเพาะ
เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งมาก่อเรื่องได้
และที่นี่ เห็นไหม ถนนนี้:
จริงอยู่ มันจะระบายน้ำ
ฝนพันปีได้ในเวลาหนึ่งนาที
แต่สุภาพสตรีที่น่าสงสารคนนี้
ต้องปีนขึ้นขอบถนนทุกวัน
ดังนั้น อย่างเร็วเลยคือ การเดินที่สบาย
จะต้องมาจากความจริง
ที่ว่าสัตว์ทั้งมวลล้วนมองหา
โอกาส และ ที่หลบภัยไปพร้อมๆกัน
เราต้องการที่จะมองเห็นผู้ที่คอยล่าเรา
แต่เราก็อยากรู้สึกว่าเราหลบได้มิดชิดด้วย
และดังนั้นเราจึงชอบสถานที่ที่มีขอบเขตที่ดี
และหากคุณไม่มีขอบเขตนั่นให้เขา
เขาก็ไม่อยากจะอยู่ที่นั่นหรอก
อัตราส่วนความสูงต่อความกว้าง
เท่าไหร่จึงจะดี?
หนึ่งต่อหนึ่ง หรือสามต่อหนึ่ง?
หากคุณให้มันเกินหนึ่งต่อหกแล้ว
คุณก็จะรู้สึกไม่สบายแล้วล่ะ
คุณไม่รู้สึกถึงการโอบปิด
ขณะที่ หกต่อหนึ่งในซอลส์เบิร์ก
ดูน่ารื่นรมย์ทีเดียว
ตรงข้ามกับซอล์ทเบิร์ก คือ ฮูสตัน
อาคารจอดรถนั่นแหละ
ที่เป็นตัวปัญหาหลักในที่นี้
อย่างไรก็ตาม ฟันที่หลอๆอยู่
พวกที่ดินว่างเปล่านั่นก็เป็นปัญหาได้
และหากคุณมีมุมที่ขาดหายไปเพราะ
พรบ. ที่ดินที่ล้าสมัยแล้วล่ะก็
คุณก็จะมีบริเวณจมูกแหว่งในย่านของคุณ
และนั่นเป็นสิ่งที่เรามีในย่านของผม
พรบ.ที่ดินกำหนดไม่ให้
ผมสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆในที่นั้น
อย่างที่คุณอาจทราบมา
ว่ามีการเปลี่ยนโซนนิ่งในวอชิงตัน ดีซี
เพื่อให้โอกาสเปลี่ยนที่เช่นนี้
ให้กลายเป็นที่เช่นนี้
เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากจึงจะทำได้
บ้านทรงสามเหลี่ยม
ดูแปลกดีที่จะสร้าง
แต่หากคุณสร้างขึ้นมาสักหลัง
โดยทั่วไปแล้วคนก็จะชอบกัน
ดังนั้นคุณจะต้องเติมจมูกที่แหว่งๆเหล่านั้น
และ อย่างสุดท้าย การเดินที่น่าสนใจ:
สัญลักษณ์ของความเป็นมนุษย์
เราเป็นหนึ่งในสัตว์สังคม
ไม่มีอะไรที่ทำให้เราสนใจไปได้
มากกว่าคนอื่นๆ
เราต้องการสัญญาณของมนุษย์คนอื่น
ดังนั้นอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่งที่เพอร์เฟค
มันเป็นสิ่งที่ดีมาก
นี่คือแกรนด์ แรพิดส์ เมืองที่น่าเดินมาก
แต่ไม่มีใครเดินบนถนนนี้เลย
ถนนที่เชื่อมระหว่าง
โรงแรมที่ดีที่สุดสองแห่ง
เพราะ หากทางซ้าย
คุณมีอาคารจอดรถจ่อหน้า
และทางซ้าย
คุณมีอาคารจัดประชุม
ที่เห็นได้ชัดว่าถูกออกแบบมา
ให้ชื่นชมอาคารจอดรถนั้น
แล้วมันก็ไม่ได้ดึงดูดผู้คนมากเท่าไหร่
นายกเทศมนตรีสมัยที่สิบ นายกฯ โจ ไรลีย์
แห่งชาร์ลสตัน เซ้าท์แคโรไลน่า
ได้สอนพวกเราว่า
ตึกขนาดเพียง 25 ฟุต
ก็บังที่จอดรถขนาด 250 ฟุตได้แล้ว
อันนี้ เรียกว่า เชีย เพ็ท การาจ
มันอยู่ในเซ้าท์บีช
ชั้นล่างที่ใช้งานได้
ผมอยากที่จะจบด้วยโปรเจคนี้
ที่ผมอยากจะให้คุณดู
ออกแบบโดย เมเลคา อาร์คิเทคส์
อยู่ในโคลัมบัส โอไฮโอ
ทางด้านซ้ายคือย่านศูนย์การประชุม
เต็มไปด้วยคนเดินเท้า
ทางด้านขวา เป็นย่ายชอร์ท นอร์ท
-- ย่านชนเผ่า
ร้านอาหารยอดเยี่ยม
ร้านค้าดีๆ แต่ย่ำแย่
ขายไม่ดีเอาเสียเลย
เพราะมันมีสะพาน
และไม่มีใครเดินจากฝั่งศูนย์ประชุม
มายังย่านนี้เลย
แต่ เมื่อเขาสร้างถนนไฮเวย์เสียใหม่
เขาได้ขยายสะพานขึ้นอีก 80 ฟุต
ขอโทษที -- เขาสร้างสะพานขึ้นใหม่
เหนือทางไฮเวย์นั้น
ทางเมืองจ่ายเงินสร้างไป 1.9 ล้านดอลล่าร์
เขามอบสถานที่นี้ให้แก่นักพัฒนาคนหนึ่ง
ซึ่งเขาได้สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา
และตอนนี้ ชอร์ทนอร์ท
ก็กลับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
และทุกคนก็ว่า หนังสือพิมพ์นะ
ไม่ใช่นิตยสารผังเมือง
หนังสือพิมพ์กล่าวว่า
มันเป็นเพราะสะพานนั่นเอง
เอาล่ะ นั่นก็คือทฤษฏีความน่าเดินทั่วไป
ลองคิดถึงเมืองที่คุณอยู่ดูนะครับ
คิดดูว่าคุณจะนำไปปรับใช้ได้อย่างไร
คุณจะต้องทำสี่สิ่งนี้ไปพร้อมกันทั้งหมด
ดังนั้น หาที่ที่คุณมี
ทั้งสี่สิ่งนี้มากที่สุด
และซ่อมมันเท่าที่คุณจะทำได้
ซ่อมสิ่งที่ต้องซ่อมในที่เหล่านั้น
ผมขอขอบคุณที่คุณให้ความสนใจ
และขอขอบคุณทีคุณมาร่วมรับฟังในวันนี้
(เสียงปรบมือ)