0:00:00.952,0:00:03.476 ผมอยากจะเริ่มต้นด้วยการทำการทดลองอันหนึ่ง 0:00:04.857,0:00:08.307 ผมจะเล่นวิดีโอของวันฝนตกสามอัน 0:00:08.935,0:00:12.819 แต่ผมได้ทำการแทนเสียงหนึ่งในวิดีโอนั้น 0:00:12.843,0:00:15.217 โดยแทนที่จะใช้เสียงของฝนจริง ๆ 0:00:15.241,0:00:18.309 ผมได้ใส่เสียงทอดเบคอนลงไปแทน 0:00:19.137,0:00:23.109 ดังนั้นผมอยากให้คุณคิดดี ๆ ว่า[br]ในคลิปไหนกันแน่ที่เป็นเสียงเบคอน 0:00:23.695,0:00:25.607 (เสียงฝนตก) 0:00:27.394,0:00:29.300 (เสียงฝนตก) 0:00:31.627,0:00:33.532 (เสียงฝนตก) 0:00:40.611,0:00:41.893 โอเคครับ 0:00:43.064,0:00:45.638 จริง ๆ แล้ว ผมโกหก 0:00:45.662,0:00:46.932 เสียงทั้งหมดคือเสียงเบคอน 0:00:46.956,0:00:48.531 (เสียงทอดเบคอน) 0:00:52.276,0:00:54.303 (เสียงปรบมือ) 0:00:57.216,0:01:00.489 ที่ผมทำแบบนี้นั้น ไม่ใช่เพราะผม[br]อยากทำให้คุณหิว 0:01:00.513,0:01:02.162 ทุกครั้งที่คุณเห็นฉากฝนตก 0:01:02.186,0:01:08.106 แต่เพื่อแสดงให้คุณเห็นว่าสมองของเรานั้น[br]ถูกตั้งค่ามาให้เปิดรับหลอกลวง 0:01:08.696,0:01:10.794 เราไม่ได้กำลังมองหาความถูกต้องแม่นยำ 0:01:11.754,0:01:14.539 ดังนั้นในเรื่องของการตบตา 0:01:14.563,0:01:17.926 ผมอยากจะขออ้างคำพูดของ[br]หนึ่งในนักเขียนที่ผมชื่นชอบคนหนึ่ง 0:01:17.950,0:01:24.899 ในหนังสือเรื่อง "ความเสื่อมถอยของการ[br]หลอกลวง" ออสการ์ ไวลด์ ได้เสนอความคิดขึ้น 0:01:24.923,0:01:30.532 ว่าศิลปะที่ไม่ดีทั้งหมดนั้นมาจาก[br]การเลียนแบบธรรมชาติและการอยู่กับความจริง 0:01:31.096,0:01:36.340 และศิลปะที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดนั้นมาจาก[br]การโกหกหลอกลวงและการตบตา 0:01:37.030,0:01:40.063 และสื่อถึงสิ่งที่สวยงาม ที่ไม่มีอยู่จริง 0:01:40.087,0:01:44.001 ดังนั้น เมื่อคุณกำลังดูหนังอยู่ 0:01:44.890,0:01:46.402 แล้วโทรศัพท์ดัง 0:01:46.426,0:01:48.428 จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ดังจริง ๆ 0:01:48.942,0:01:53.196 มันถูกใส่เข้ามาทีหลังใน[br]ขั้นตอนหลังการผลิตงานในสตูดิโอ 0:01:53.220,0:01:56.074 เสียงทั้งหมดที่คุณได้ยินคือของปลอม 0:01:56.098,0:01:57.908 ทุก ๆ สิ่ง นอกเหนือไปจากบทพูด 0:01:57.932,0:01:59.086 ไม่ใช่ของจริง 0:01:59.110,0:02:02.770 เมื่อคุณดูหนังสักเรื่อง [br]แล้วคุณเห็นนกกระพือปีก 0:02:02.794,0:02:04.815 (เสียงนกกระพือปีก) 0:02:06.141,0:02:08.404 พวกเขาไม่ได้อัดเสียงนกจริง ๆ 0:02:08.428,0:02:13.422 มันฟังดูเหมือนจริงมากกว่า[br]ถ้าคุณอัดเสียงแผ่นกระดาษ 0:02:13.446,0:02:14.998 หรือเขย่าถุงมือที่ใช้ในครัว 0:02:15.022,0:02:17.374 (เสียงนกกระพือปีก) 0:02:18.849,0:02:21.792 เสียงของมวนบุหรี่ที่ไหม้อยู่ในระยะใกล้นั้น 0:02:21.816,0:02:23.813 (เสียงมวนบุหรี่ไหม้) 0:02:25.351,0:02:28.102 มันจะฟังเหมือนจริงกว่ามาก 0:02:28.126,0:02:30.971 ถ้าคุณบีบลูกบอลที่ห่อด้วยกระดาษแก้ว 0:02:30.995,0:02:32.213 แล้วปล่อยมือออก 0:02:32.237,0:02:35.380 (เสียงลูกบอลถูกปล่อยมือ) 0:02:35.869,0:02:37.272 ต่อยงั้นหรอ? 0:02:37.296,0:02:38.818 (เสียงต่อย) 0:02:38.842,0:02:40.774 อุ๊ปส์ เดี๋ยวขอผมเล่นอีกครั้งหนึ่ง 0:02:40.798,0:02:41.997 (เสียงต่อย) 0:02:42.535,0:02:46.271 เสียงนี้มักจะทำขึ้นโดยการปักมีดเข้าไปในผัก 0:02:46.295,0:02:47.717 และมักจะเป็นกะหล่ำปลี 0:02:48.661,0:02:50.113 (เสียงมีดปักกะหล่ำปลี) 0:02:50.788,0:02:53.752 อันต่อไป คือเสียงหักกระดูก 0:02:53.776,0:02:56.001 (กระดูกหัก) 0:02:56.670,0:02:59.004 จริง ๆ แล้ว ไม่มีใครถูกทำอันตราย 0:02:59.028,0:03:00.428 มันเป็นเพียงแค่ 0:03:01.163,0:03:04.418 การหักผักขึ้นช่าย หรือไม่ก็ผักกะหล่ำแช่แข็ง 0:03:04.442,0:03:06.483 (เสียงหักกะหล่ำแช่แข็งหรือผักขึ้นช่าย) 0:03:06.947,0:03:08.179 (เสียงหัวเราะ) 0:03:09.253,0:03:13.968 การสร้างเสียงที่ตรงนั้น[br]ไม่ได้ง่ายเหมือนกับ 0:03:13.992,0:03:15.899 การเดินไปห้างสรรพสินค้า 0:03:15.923,0:03:18.619 แล้วไปยังแผนกผักผลไม้ 0:03:18.643,0:03:21.018 แต่มันมักจะซับซ้อนมากกว่านั้นมาก 0:03:21.042,0:03:24.065 ดังนั้น เรามาแยกองค์ประกอบ 0:03:24.089,0:03:26.413 ของการสร้างซาวด์เอฟเฟกต์กัน 0:03:26.437,0:03:29.786 หนึ่งในเรื่องที่ผมชอบคือเรื่องของ[br]แฟรงค์ เซราฟีนี 0:03:29.810,0:03:31.661 เขาเป็นผู้ที่มีคุณูปการ[br]คนหนึ่งต่อคลังเสียงของเรา 0:03:31.685,0:03:35.247 และเป็นนักออกแบบเสียงที่ยอดเยี่ยมให้กับ[br]ภาพยนตร์เรื่อง Tron, Star Trek และอื่น ๆ 0:03:36.291,0:03:41.549 เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมบริษัทพาราเมาต์ที่[br]ได้รับรางวัลออสการ์สาขาลำดับเสียงยอดเยี่ยม 0:03:41.573,0:03:43.504 สำหรับเรื่อง [br]"ล่าตุลาแดง (The Hunt for Red October)" 0:03:43.528,0:03:46.918 ในหนังคลาสสิคเกี่ยวกับสงครามเย็นนี้ [br]ในทศวรรษที่ 90 0:03:46.942,0:03:51.727 พวกเขาได้รับคำสั่งให้สร้างเสียง[br]ของใบพัดเรือดำน้ำ 0:03:51.751,0:03:53.096 แต่พวกเขาก็มีปัญหาเล็ก ๆ อยู่อย่างหนึ่ง 0:03:53.120,0:03:56.640 ก็คือพวกเขาไม่สามารถหาเรือดำน้ำได้[br]ในเวสต์ฮอลลีวูด 0:03:56.664,0:04:00.322 ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้ว [br]สิ่งที่พวกเขาทำก็คือ 0:04:00.346,0:04:03.701 พวกเขาไปที่สระว่ายน้ำของเพื่อนคนหนึ่ง 0:04:03.725,0:04:08.260 แล้วแฟรงค์ก็กระโดดลงสระ[br]ด้วยท่างอเข่าหรือบอมบา 0:04:09.069,0:04:11.265 พวกเขาติดตั้งไมค์ไว้ใต้น้ำ 0:04:11.289,0:04:14.065 และไมค์เหนือหัวด้านบนนอกสระว่ายน้ำ 0:04:14.089,0:04:17.342 และนี่ก็คือเสียงที่ได้จากไมค์ใต้น้ำ 0:04:17.366,0:04:18.901 (เสียงใต้น้ำ) 0:04:19.608,0:04:21.114 และเมื่อเพิ่มเสียงไมค์ด้านบนเข้าไป 0:04:21.138,0:04:23.091 ก็จะได้เป็นเสียงแบบนี้ 0:04:23.115,0:04:25.490 (เสียงน้ำกระเด็น) 0:04:25.514,0:04:29.961 แล้วทีนี้ พวกเขาก็นำเสียงนั้นมา[br]แล้วลดระดับเสียงของมันไปหนึ่งระดับ 0:04:29.985,0:04:32.461 คล้าย ๆ กับการลดความเร็วของเพลงลง 0:04:32.850,0:04:35.266 (เสียงน้ำกระเด็นที่ระดับเสียงลดลง) 0:04:35.929,0:04:38.697 จากนั้นพวกเขาก็เอาคลื่นความถี่สูงออก[br]หลาย ๆ ความถี่ 0:04:38.721,0:04:40.996 (เสียงน้ำกระเด็น) 0:04:41.020,0:04:43.076 แล้วก็ลดระดับเสียงลงไปอีกหนึ่งระดับ 0:04:44.314,0:04:46.602 (เสียงน้ำกระเด็นที่ระดับเสียงลดลง) 0:04:46.626,0:04:49.132 จากนั้นพวกเขาก็เพิ่ม[br]เสียงน้ำกระเด็นเข้าไปอีกนิดหน่อย 0:04:49.156,0:04:51.440 จากไมโครโฟนด้านบน 0:04:51.464,0:04:54.629 (เสียงน้ำกระเด็น) 0:04:54.653,0:04:57.191 และจากการทำวน ๆ แบบนี้กับเสียงไปเรื่อย ๆ 0:04:57.215,0:04:58.405 พวกเขาก็ได้สิ่งนี้ 0:04:58.429,0:05:01.270 (เสียงใบพัดเรือดำน้ำหมุน) 0:05:04.463,0:05:10.991 ความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโยลีนั้นถูก[br]เชื่อมโยงเข้าด้วยกันเพื่อลวงให้เราคิด 0:05:11.015,0:05:14.186 ว่าเราอยู่ในเรือดำน้ำ 0:05:14.868,0:05:18.229 แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณ[br]สร้างเสียงของคุณขึ้นมา 0:05:18.253,0:05:20.647 แล้วคุณนำไปรวมเข้ากับรูปภาพ 0:05:20.671,0:05:24.722 คุณก็จะอยากให้เสียงเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่ง[br]ของโลกแห่งเรื่องราวนั้น ๆ 0:05:25.397,0:05:29.431 และหนึ่งในทางที่ดีที่สุดก็คือ[br]การเพิ่มเสียงก้องเข้าไป 0:05:29.997,0:05:32.612 ดังนั้น นี่จึงเป็นอุปกรณ์เสียงชิ้นแรก[br]ที่ผมอยากจะพูดถึง 0:05:33.198,0:05:38.320 เสียงสะท้อนกลับ หรือเสียงก้อง[br]คือการคงอยู่ของเสียง 0:05:38.344,0:05:40.275 หลังจากที่เสียงต้นนั้นหายไป 0:05:40.299,0:05:42.867 ดังนั้นมันก็คล้าย ๆ กับ 0:05:42.891,0:05:45.927 การสะท้อนทั้งหมดที่เกิดจากวัสดุ 0:05:45.951,0:05:48.838 วัตถุ และกำแพงรอบ ๆ เสียงนั้น 0:05:48.862,0:05:51.074 ยกตัวอย่างเช่น เสียงยิงปืน 0:05:51.098,0:05:54.100 เสียงต้นของมันนั้นอยู่ไม่ถึงครึ่งวินาที 0:05:56.138,0:05:57.288 (เสียงยิงปืน) 0:05:57.747,0:05:59.436 เมื่อเพิ่มเสียงก้องเข้าไปนั้น 0:05:59.460,0:06:02.677 เราสามารถทำให้มันมีเสียงราวกับว่า[br]เสียงนั้นถูกอัดในห้องน้ำ 0:06:03.470,0:06:05.033 (เสียงปืนก้องในห้องน้ำ) 0:06:05.057,0:06:08.562 หรือเหมือนกับว่าเสียงนั้นถูกอัดใน[br]ห้องสวดมนต์หรือโบสถ์ 0:06:08.887,0:06:10.440 (เสียงปินก้องในโบสถ์) 0:06:11.043,0:06:13.047 หรือในหุบเขาลึก 0:06:14.199,0:06:15.960 (เสียงปืนก้องในหุบเขาลึก) 0:06:15.984,0:06:18.637 ดังนั้น เสียงก้องนั้นให้ข้อมูลมากมายกับเรา 0:06:18.661,0:06:23.591 เกี่ยวกับพื้นที่ระหว่างผู้ฟัง[br]และแหล่งกำเนิดเสียงดั้งเดิม 0:06:23.615,0:06:25.724 ถ้าเปรียบเทียบเสียงเป็นรสชาติ 0:06:25.748,0:06:29.932 เสียงสะท้อนก็เหมือนกับกลิ่นของเสียงนั่นเอง 0:06:30.309,0:06:32.467 แต่เสียงสะท้อนทำอะไรได้มากกว่านั้นมาก 0:06:32.491,0:06:36.401 การได้ยินเสียงที่มีการสะท้อนน้อยกว่า 0:06:36.425,0:06:38.508 สิ่งที่เกิดขึ้นในฉากนั้น 0:06:38.532,0:06:41.552 จะเป็นการบอกเราทันที 0:06:41.576,0:06:44.219 ว่าเรากำลังฟังเสียงผู้บรรยายอยู่ 0:06:44.243,0:06:49.034 ผู้บรรยายที่ไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์[br]ที่เกิดขึ้นในฉาก 0:06:50.471,0:06:54.662 เช่นเดียวกัน ในช่วงเวลาของความใกล้ชิด[br]ผูกพันธ์ทางอารมณ์ในโรงภาพยนตร์นั้น 0:06:54.686,0:06:56.633 มักจะไม่มีเสียงสะท้อนเลย 0:06:56.657,0:07:00.627 เพราะว่ามันจะให้ความรู้สึกเหมือนกับ[br]ว่ามีใครสักคนพูดใส่หูของเราโดยตรง 0:07:01.024,0:07:02.985 ในทางตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง 0:07:03.009,0:07:05.505 การเพิ่มเสียงสะท้อนไปที่เสียงพูดมาก ๆ 0:07:05.529,0:07:08.906 จะทำให้เราคิดว่าเรากำลังฟังเหตุการณ์[br]ที่เกิดขึ้นในอดีต 0:07:09.637,0:07:12.946 หรืออาจเหมือนกับว่าเรานั้นอยู่ในหัวของ[br]ตัวละครสักตัวหนึ่ง 0:07:13.946,0:07:16.422 หรือการที่เรากำลังฟังเสียงของพระเจ้า 0:07:16.446,0:07:18.708 หรือ ฟังสิ่งที่ทรงพลังมากกว่าในภาพยนตร์ 0:07:18.732,0:07:20.219 มอร์แกน ฟรีแมน 0:07:20.243,0:07:21.527 (เสียงหัวเราะ) 0:07:21.551,0:07:22.718 ดังนั้น 0:07:22.742,0:07:24.972 (เสียงปรบมือ) 0:07:25.502,0:07:29.373 ว่าแต่ว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมืออื่น ๆ[br] 0:07:29.397,0:07:31.257 ที่นักออกแบบเสียงใช้กันคืออะไรล่ะ 0:07:32.186,0:07:34.489 จริง ๆ แล้ว สิ่งนี้สำคัญมากเลยทีเดียว 0:07:39.901,0:07:41.198 คือความเงียบนั่นเอง 0:07:41.807,0:07:45.411 เพียงแค่ความเงียบไม่กี่ชั่วขณะ[br]ก็สามารถทำให้เราเพ่งความสนใจได้ 0:07:45.881,0:07:48.321 และในโลกตะวันตก 0:07:48.345,0:07:50.468 เราไม่ค่อยคุ้นชินกับความเงียบเวลาพูดมากนัก 0:07:50.492,0:07:53.521 เพราะมันถูกมองว่าทำให้อึดอัดและไม่สุภาพ 0:07:54.537,0:07:58.110 ดังนั้นความเงียบที่มาก่อน[br]การสื่อสารด้วยการพูดนั้น 0:07:59.021,0:08:01.081 สามารถก่อให้เกิดความตึงเครียดได้มากมาย 0:08:01.105,0:08:04.810 แต่คุณลองจินตนาการถึงภาพยนตร์ฮอลลีวูด[br]ใหญ่ ๆ สักเรื่องหนึ่งดูสิ 0:08:04.834,0:08:09.178 เรื่องที่เต็มไปด้วยเสียงระเบิด[br]และเสียงปืนกล 0:08:10.389,0:08:13.984 เสียงดังนั้นกลายเป็นเสียงที่ไม่ดังอีกต่อไป[br]เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง 0:08:14.008,0:08:15.952 ดังนั้น ตามรูปแบบของหยินและหยาง 0:08:15.976,0:08:19.113 ความเงียบนั้นต้องการความดัง[br]และความดังก็ต้องการความเงียบเช่นกัน 0:08:19.137,0:08:21.535 เพื่อให้อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดผลขึ้นมา 0:08:22.350,0:08:23.727 แต่ความเงียบหมายถึงอะไรล่ะ 0:08:23.751,0:08:26.689 จริง ๆ แล้ว มันขึ้นกับว่ามันถูกใช้อย่างไร[br]ในหนังแต่ละเรื่อง 0:08:27.416,0:08:30.595 ความเงียบอาจนำเราเข้าไปในหัวของตัวละคร 0:08:30.619,0:08:32.237 หรือกระตุ้นให้เกิดความคิด 0:08:32.261,0:08:35.314 เรามักเชื่อมโยงความเงียบเข้ากับ 0:08:36.654,0:08:37.972 การไตร่ตรอง 0:08:38.558,0:08:39.815 การเพ่งสมาธิ 0:08:41.185,0:08:42.752 การครุ่นคิด 0:08:44.569,0:08:47.671 แต่นอกจากจะมีเพียงแค่หนึ่งความหมาย 0:08:47.695,0:08:49.865 ความเงียบนั้นกลับกลายเป็นเหมือนผ้าใบว่าง ๆ 0:08:49.889,0:08:54.414 ที่ผู้ชมนั้นต่างได้รับการเชิญชวน[br]ให้มาวาดลวดลายและระบายความคิดของพวกเขาเอง 0:08:54.962,0:08:58.638 แต่ผมต้องบอกให้ชัดเจนก่อนว่า[br]จริง ๆ แล้วความเงียบนั้นไม่มีอยู่จริง 0:08:59.192,0:09:03.637 และผมรู้ว่ามันฟังดูเหมือนแถลงการณ์[br]TED Talk ที่อวดฉลาดมากที่สุด 0:09:04.835,0:09:10.140 แต่ถึงแม้ว่าคุณจะเข้าไปในห้อง[br]ที่ไม่มีเสียงสะท้อนเลย 0:09:10.164,0:09:12.229 รวมถึงไม่มีเสียงจากภายนอกเข้ามา 0:09:12.253,0:09:15.370 คุณก็จะยังคงได้ยิน[br]เสียงเลือดของคุณสูบฉีดอยู่ดี 0:09:16.004,0:09:20.321 และในโรงภาพยนตร์ ในยุคก่อนนั้น[br]ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่เงียบ 0:09:20.345,0:09:22.265 เพราะว่ามีเสียงของเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ 0:09:22.716,0:09:25.163 และถึงแม้จะเป็นโลกดอลบีทุกวันนี้ 0:09:26.034,0:09:29.315 ก็ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่เงียบอย่างแท้จริง[br]ถ้าคุณลองฟังไปรอบ ๆ ตัวคุณ 0:09:30.485,0:09:32.710 เพราะมันมักจะมีเสียงรบกวนอยู่เสมอ ๆ 0:09:32.734,0:09:35.661 ทีนี้ เมื่อความเงียบนั้นไม่มีอยู่จริง 0:09:35.685,0:09:39.256 แล้วผู้สร้างภาพยนตร์กับ[br]นักออกแบบเสียงใช้อะไรกันล่ะ 0:09:39.280,0:09:43.776 จริง ๆ แล้วพวกเขาใช้สิ่งที่มีความหมาย[br]คล้าย ๆ กัน นั่นก็คือ เสียงบรรยากาศ 0:09:44.307,0:09:48.176 เสียงบรรยากาศคือเสียงพื้นหลัง[br]ที่มีเอกลักษณ์หนึ่งเดียว 0:09:48.200,0:09:51.248 ที่มีความจำเพาะต่อสถานที่แต่ละที่ 0:09:51.272,0:09:53.121 ในแต่ละที่จะมีเสียงเฉพาะหนึ่งเสียง 0:09:53.145,0:09:55.121 และในห้องแต่ละห้อง[br]ก็จะมีเสียงเฉพาะอีกหนึ่งเสียง 0:09:55.145,0:09:56.718 ที่เรียกว่าเสียงสภาพบรรยากาศของห้อง 0:09:56.742,0:09:59.165 และนี่คือเสียงที่อัดมาจาก[br]ตลาดแห่งหนึ่งในโมร็อกโก 0:09:59.189,0:10:02.129 (เสียงคน เสียงดนตรี) 0:10:05.470,0:10:08.238 และนี่ก็คือเสียงที่อัดจาก[br]ไทม์สแควร์ในนิวยอร์ก 0:10:08.843,0:10:13.366 (เสียงการจราจร เสียงแตรรถ เสียงคน) 0:10:15.449,0:10:19.071 เสียงสภาพบรรยากาศของห้องนั้นคือการเพิ่ม[br]เสียงรบกวนทั้งหมดในห้องเข้าไป 0:10:19.095,0:10:21.484 ทั้งเสียงการระบายอากาศ การทำความร้อน[br]เสียงตู้เย็น 0:10:21.508,0:10:24.419 และนี่ก็คือเสียงที่อัดจาก[br]อะพาร์ตเมนต์ของผมในบรุกลิน 0:10:24.443,0:10:29.321 (คุณจะได้ยินเสียงระบายอากาศ เสียงกาต้มน้ำ[br]เสียงตู้เย็น และเสียงจราจร) 0:10:35.422,0:10:39.726 เสียงบรรยากาศนั้นทำงาน[br]ในรูปแบบพื้นฐานที่สุด 0:10:40.718,0:10:43.572 มันสามารถพูดเข้าสู่สมองของเราได้โดยตรง[br]โดยอาศัยจิตใต้สำนึก 0:10:44.538,0:10:50.387 ดังนั้น นกที่ร้องจิ๊บ ๆ อยู่นอกหน้าต่าง[br]อาจบ่งบอกถึงภาวะปกติ 0:10:50.937,0:10:53.728 ซึ่งอาจเป็นเพราะว่า [br]ในฐานะที่เราเป็นสปีชีส์ ๆ หนึ่ง 0:10:53.752,0:10:57.889 เราคุ้นเคยกับเสียงนั้นในทุก ๆ เช้า[br]มาเป็นเวลาหลายล้านปี 0:10:58.360,0:11:02.303 (เสียงนกร้อง) 0:11:05.839,0:11:09.480 ในทางตรงกันข้าม เสียงทางอุตสาหกรรม[br]นั้นเพิ่งมาถึงเรา 0:11:09.504,0:11:10.995 เมื่อไม่นานมานี้ 0:11:11.969,0:11:14.027 ถึงแม้ว่าผมจะชอบมันมาก[br]โดยส่วนตัวก็ตาม 0:11:14.051,0:11:16.464 เสียงนั้นได้ถูกใช้โดยหนึ่งในฮีโร่ของผม[br]เดวิด ลินช์ 0:11:16.488,0:11:18.423 และนักออกแบบเสียงของเขา อลัน สเปร็ต 0:11:18.447,0:11:21.009 เสียงทางอุตสาหกรรมมักมี[br]ความหมายแฝงในแง่ลบ 0:11:21.033,0:11:23.787 (เสียงเครื่องจักร) 0:11:28.092,0:11:32.948 ทีนี้ ซาวด์เอฟเฟคก็สามารถกระตุ้น[br]ความทรงจำทางอารมณ์ของเราได้ 0:11:34.869,0:11:37.226 ในบางครั้ง มันอาจสำคัญมากจนกระทั่ง 0:11:37.250,0:11:39.824 มันกลายเป็นตัวละครสักตัวหนึ่งในหนัง 0:11:40.569,0:11:45.174 เสียงฟ้าผ่านั้นอาจแสดงถึงการแทรกแทรง[br]หรือการบันดาลโทสะของเทพเจ้า 0:11:46.373,0:11:49.338 (เสียงฟ้าผ่า) 0:11:51.957,0:11:55.932 เสียงระฆังในโบสถ์อาจทำให้เรานึกถึง[br]การผ่านไปของเวลา 0:11:55.956,0:11:57.861 หรือบางทีอาจหมายถึงความตายของเราเอง 0:11:59.827,0:12:03.341 (เสียงระฆัง) 0:12:07.773,0:12:12.263 และเสียงแก้วแตกนั้นอาจแสดงถึง[br]จุดจบของความสัมพันธ์ 0:12:12.287,0:12:13.515 หรือความเป็นเพื่อนกัน 0:12:14.390,0:12:16.191 (เสียงแก้วแตก) 0:12:16.788,0:12:20.341 นักวิทยาศาสตร์ต่างเชื่อว่าเสียง[br]ที่ไม่ประสานกันอย่างลงตัวนั้น 0:12:20.365,0:12:25.136 เช่น เสียงเครื่องเป่าทองเหลือง[br]หรือเครื่องเป่าลมไม้ที่ดังมาก ๆ 0:12:26.438,0:12:30.882 อาจทำให้เรานึกถึงเสียงสัตว์[br]ที่เห่าหอนอยู่ในธรรมชาติ 0:12:30.906,0:12:34.033 แล้วก็ทำให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิด[br]หรือหวาดกลัว 0:12:34.506,0:12:37.437 (เสียงเครื่องเป่า) 0:12:40.714,0:12:43.886 ตอนนี้เราก็ได้พูดถึงเสียงในฉาก[br]เรียบร้อยแล้ว 0:12:44.298,0:12:48.931 แต่ในบางครั้ง แหล่งกำเนิดของเสียงนั้น[br]ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ 0:12:48.955,0:12:51.479 ซึ่งเราเรียกเสียงแบบนี้ว่าเสียงนอกฉาก 0:12:51.503,0:12:52.951 หรือเสียง "อคูสมาติก" 0:12:53.641,0:12:55.275 เสียงอคูสมาติก 0:12:55.887,0:13:00.920 จริง ๆ แล้ว คำว่า "อคูสมาติก" นั้นมาจาก[br]พีทาโกรัสที่อยู่ในยุคกรีกโบราณ 0:13:00.944,0:13:04.535 ผู้ที่เคยสอนหนังสืออยู่ด้านหลังผ้าคลุม[br]หรือผ้าม่านมาเป็นเวลาหลายปี 0:13:04.559,0:13:07.749 โดยไม่เปิดเผยหน้าตาและรูปลักษณ์[br]ของเขาจริง ๆ ต่อลูกศิษย์ของเขา 0:13:07.773,0:13:10.561 ผมคิดว่านักคณิตศาสตร์[br]และนักปรัชญาคงต่างคิดว่า 0:13:11.727,0:13:12.878 เมื่อทำแบบนั้นแล้ว 0:13:13.584,0:13:17.621 ลูกศิษย์ของพวกเขาจะเพ่งความสนใจไปที่เสียง 0:13:17.645,0:13:19.609 คำพูด และความหมายของมัน 0:13:19.633,0:13:22.803 มากกว่าสนใจตัวเขาที่กำลังพูดอยู่ 0:13:22.827,0:13:25.526 ซึ่งก็จะคล้าย ๆ กับพ่อมดแห่งออซ 0:13:25.550,0:13:30.364 หรือพี่เบิ้มในภาพยนตร์เรื่อง 1984 0:13:30.388,0:13:33.654 ที่แยกเสียงพูดออกจากแหล่งกำเนิดเสียง 0:13:33.678,0:13:35.569 แยกสาเหตุและผลลัพธ์ออกจากกัน 0:13:36.379,0:13:40.174 คล้าย ๆ กับการสร้างความรู้สึกของการมีอยู่[br]ทุกหนทุกแห่งหรือมองเห็นได้จากจุด ๆ เดียว 0:13:40.198,0:13:42.278 แล้วก็ก่อให้เกิดอำนาจ 0:13:43.156,0:13:46.217 มีสิ่งหนึ่งที่ทำกันต่อมาอย่างเคร่งครัด[br]ในการใช้เสียงอคูสมาติก 0:13:47.129,0:13:53.739 เมื่อก่อน แม่ชีที่อยู่ในโบสถ์ในกรุงโรม[br]และเวนิสต่างร้องเพลงในห้องต่าง ๆ 0:13:53.763,0:13:57.622 ในจุดที่สูงขึ้นไปใกล้ ๆ กับเพดาน 0:13:57.646,0:14:01.586 และสร้างภาพลวงตาเหมือนกับว่าเรากำลัง[br]ฟังเสียงของเทพเทวดาบนท้องฟ้า 0:14:02.390,0:14:06.080 ริชาร์ด วาร์กเนอร์ ได้สร้างวงออเคสตร้า[br]ที่ถูกซ่อนไว้ลับ ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม 0:14:06.104,0:14:09.940 ซึ่งอยู่ในหลุมระหว่างเวทีและผู้ชม 0:14:09.964,0:14:15.007 และหนึ่งในฮีโร่ของผม เอเฟ็กซ์ ทวิน ก็ซ่อน[br]อยู่ในมุมมืดของผับได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน 0:14:15.420,0:14:20.163 ผมคิดว่าสิ่งที่ศิลปินที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้[br]รู้ก็คือว่า ในการซ่อนแหล่งกำเนิดเสียงนั้น 0:14:20.187,0:14:21.850 คุณกำลังทำให้เกิดความรู้สึกลึกลับ 0:14:21.874,0:14:23.943 สิ่งนี้สามารถพบเห็นได้ในโรงภาพยนตร์[br]ซ้ำแล้วซ้ำอีก 0:14:23.967,0:14:27.047 อย่างฮิตช์ค็อกและริดลีย์ สก็อต[br]ในภาพยนตร์เรื่อง "เอเลี่ยน" 0:14:27.071,0:14:29.463 การได้ยินเสียงโดยที่ไม่รู้แหล่งที่มา[br]ของเสียงนั้น 0:14:29.487,0:14:32.712 จะทำให้เกิดความรู้สึกตึงเครียดบางอย่าง 0:14:34.530,0:14:40.144 เช่นเดียวกัน มันก็สามารถลดข้อจำกัด[br]ทางด้านภาพบางอย่างที่ผู้กำกับมี 0:14:40.168,0:14:43.858 และแสดงบางสิ่งที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น[br]ระหว่างการถ่ายทำ 0:14:43.882,0:14:45.967 และถ้าเสียงเหล่านี้ดูเป็นทฤษฎีเกินไปหน่อย 0:14:45.991,0:14:48.397 ผมก็อยากจะเล่นวิดีโอสั้น ๆ พวกนี้ 0:14:49.289,0:14:51.816 (เสียงบีบของเล่น) 0:14:52.383,0:14:55.034 (เสียงพิมพ์ดีด) 0:14:55.761,0:14:58.267 (เสียงกลอง) 0:14:59.164,0:15:01.485 (เสียงปิงปอง) 0:15:02.484,0:15:05.444 (เสียงลับคมมีด) 0:15:05.786,0:15:08.832 (เสียงเก่าแผ่น) 0:15:09.405,0:15:10.591 (เสียงเลื่อย) 0:15:10.615,0:15:12.072 (เสียงผู้หญิงกรีดร้อง) 0:15:12.663,0:15:16.458 สิ่งที่ผมพยายามจะสาธิตให้เห็น[br]ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ 0:15:17.930,0:15:20.119 ก็คือเสียงนั้นเป็นภาษาภาษาหนึ่ง 0:15:20.516,0:15:23.658 มันอาจลวงเราโดยการพาเราไปยัง[br]สถานที่อื่น ๆ บนโลกใบนี้ 0:15:24.571,0:15:26.087 มันอาจเปลี่ยนอารมณ์เรา 0:15:26.579,0:15:28.000 มันอาจกำหนดจังหวะของสิ่งต่าง ๆ 0:15:29.482,0:15:32.936 มันอาจทำให้เราหัวเราะ[br]หรือทำให้เราหวาดกลัวได้ 0:15:34.698,0:15:38.048 โดยส่วนตัวแล้ว ผมตกหลุมรักกับภาษานั้น 0:15:38.072,0:15:39.389 เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา 0:15:39.413,0:15:44.020 และด้วยเหตุผลบางอย่างก็ได้[br]ทำให้มันกลายเป็นอาชีพ 0:15:45.274,0:15:48.500 และผมคิดว่าด้วยงานของพวกผม[br]ผ่านคลังเสียงนั้น 0:15:48.524,0:15:54.320 เรากำลังขยายคลังคำศัพท์ของภาษานั้น 0:15:55.797,0:15:59.279 และด้วยวิธีนี้เอง พวกผมก็อยากที่จะนำเสนอ[br]เครื่องมือที่เหมาะสม 0:15:59.303,0:16:00.943 ให้กับนักออกแบบเสียง 0:16:00.967,0:16:02.315 ผู้สร้างภาพยนตร์ 0:16:02.339,0:16:04.174 และนักออกแบบวิดีโอเกมและแอป 0:16:04.748,0:16:07.883 เพื่อให้พวกเขาได้บอกเล่าเรื่องราว[br]ที่ดีขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ 0:16:08.382,0:16:11.114 หรือแม้กระทั่งสร้างความหลอกลวงที่งดงาม[br]มากยิ่งขึ้นไปอีก 0:16:11.138,0:16:12.425 ยังไงก็ ขอบคุณมากที่มาฟังครับ 0:16:12.449,0:16:15.968 (เสียงปรบมือ)