1 00:00:06,837 --> 00:00:09,747 ในคริสต์ทศวรรษ 1980 โบโนโบที่ชื่อว่า "คานซี" 2 00:00:09,747 --> 00:00:13,637 เรียนรู้ที่จะสื่อสารกับมนุษย์ ด้วยวิธีที่ไม่เคยมีมาก่อน 3 00:00:13,637 --> 00:00:15,587 ไม่ใช่ผ่านคำพูดหรือท่าทาง 4 00:00:15,587 --> 00:00:20,798 แต่ใช้แผ่นป้ายสัญลักษณ์ ที่สื่อถือสิ่งของและการกระทำต่าง ๆ 5 00:00:20,798 --> 00:00:25,821 โดยใช้นิ้วชี้ไปที่สัญลักษณ์เหล่านี้ เป็นลำดับ เพื่อร้องขอบางสิ่ง 6 00:00:25,821 --> 00:00:28,401 หรือเพื่อตอบสิ่งที่นักวิจัยถาม 7 00:00:28,401 --> 00:00:32,101 หรือเพื่ออ้างถึงบางสิ่ง ที่ไม่ได้มีอยู่จริง 8 00:00:32,101 --> 00:00:37,041 ความสามารถของคานซีกระตุ้นให้เกิด การถกเถียงอย่างหนักหน่วงว่า 9 00:00:37,041 --> 00:00:40,151 คานซีได้เรียนรู้ภาษาไปแล้วหรือไม่ 10 00:00:40,151 --> 00:00:43,851 สิ่งที่เราเรียกว่าภาษานั้น เป็นมากกว่าแค่เรื่องของการสื่อสาร 11 00:00:43,851 --> 00:00:46,511 ภาษาเป็นเรื่องของการแบ่งปัน เรื่องราวต่าง ๆ ของเรา 12 00:00:46,511 --> 00:00:49,871 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่า ความคิดเห็น คำถาม อดีตหรืออนาคต 13 00:00:49,871 --> 00:00:52,801 เวลาและสถานที่ในจินตนาการ รวมถึงความคิด 14 00:00:52,801 --> 00:00:54,811 โดยพื้นฐานแล้ว ภาษาจึงมีลักษณะที่เปิดกว้าง 15 00:00:54,811 --> 00:00:59,005 และสามารถใช้พูดถึงสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด 16 00:00:59,005 --> 00:01:03,121 นักวิจัยหลายคนเชื่อว่า มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่มีภาษา 17 00:01:03,121 --> 00:01:07,741 เขาเชื่อว่าการสื่อสารของสัตว์ชนิดอื่น ที่ใช้เสียงร้องและท่าทางนั้นไม่ใช่ภาษา 18 00:01:07,741 --> 00:01:12,290 เสียงร้องและท่าทางแต่ละแบบนี้ ถูกใช้เพื่อสื่อถึงบางสิ่ง 19 00:01:12,290 --> 00:01:14,510 และมีขอบเขตของสิ่งที่สื่ออย่างจำกัด 20 00:01:14,510 --> 00:01:17,870 ซึ่งไม่สามารถรวมเข้ากัน เป็นความคิดที่ซับซ้อนได้ 21 00:01:17,870 --> 00:01:21,280 เช่น ลิงอาจมีเสียงร้องเตือนจำเพาะ 22 00:01:21,280 --> 00:01:24,550 ที่ใช้สำหรับสัตว์นักล่าบางชนิด เช่น งู 23 00:01:24,550 --> 00:01:29,459 แต่สำหรับภาษา เรามีวิธีพูดให้ "ระวังงู" หลายวิธีจนนับไม่ถ้วน 24 00:01:29,459 --> 00:01:33,404 ตอนนี้ เรายังไม่เห็นว่าการสื่อสารของสัตว์ จะมีความเปิดกว้าง 25 00:01:33,404 --> 00:01:34,724 เหมือนอย่างภาษาของมนุษย์ 26 00:01:34,724 --> 00:01:37,574 เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าสัตว์คิดอะไร 27 00:01:37,574 --> 00:01:40,053 จึงเป็นไปได้ว่าการนิยามภาษาเช่นนี้ 28 00:01:40,053 --> 00:01:43,103 หรือวิธีชี้วัดความเป็นภาษาของเรานี้ จะไม่เข้ากันกับภาษาของสัตว์ 29 00:01:43,103 --> 00:01:46,593 แต่เท่าที่เรารู้ มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่มีภาษา 30 00:01:46,593 --> 00:01:50,593 ในขณะที่มนุษย์พูดภาษาที่แตกต่างกัน ประมาณ 7,000 ภาษา 31 00:01:50,593 --> 00:01:53,323 เด็กทุกคนยังสามารถเรียนรู้ภาษาใดก็ได้ 32 00:01:53,323 --> 00:01:56,813 นั่นชี้ให้เห็นว่ากลไกทางชีววิทยา อยู่เบื้องหลังภาษา 33 00:01:56,813 --> 00:01:59,003 และเป็นเรื่องปกติสำหรับเราทุกคน 34 00:01:59,003 --> 00:02:01,663 แล้วภาษามีความหมายต่อมนุษย์อย่างไร 35 00:02:01,663 --> 00:02:05,931 มันช่วยให้เราทำอะไรได้บ้าง และเราได้มันมาได้อย่างไร 36 00:02:05,931 --> 00:02:10,210 แน่นอนว่าเรายังถกเถียงกันอยู่ว่า เราได้รับความสามารถนี้มาเมื่อไร 37 00:02:10,210 --> 00:02:13,720 ชิมแปนซีและโบโนโบ คือญาติที่ใกล้ชิดที่สุดของเรา 38 00:02:13,720 --> 00:02:17,870 แต่สายวิวัฒนาการที่กลายมาเป็นมนุษย์ ได้แยกออกจากลิงใหญ่ชนิดอื่น 39 00:02:17,870 --> 00:02:20,580 เมื่อประมาณกว่า 4 ล้านปีที่แล้ว 40 00:02:20,580 --> 00:02:24,350 ในระหว่างนั้น ยังมีอีกหลายสปีชีส์ ที่ทั้งหมดสูญพันธ์ไปแล้ว 41 00:02:24,350 --> 00:02:29,167 ซึ่งยากจะรู้แน่ชัดว่าพวกมันมีภาษา หรืออะไรบางอย่างเช่นนั้นหรือไม่ 42 00:02:29,167 --> 00:02:33,277 แต่ลิงใหญ่ก็ได้ให้คำใบ้ที่มีค่า ต่อการเข้าใจจุดกำเนิดของภาษา 43 00:02:33,277 --> 00:02:37,277 ภาษาอาจเริ่มจากการใช้ท่าทาง มากกว่าคำพูด 44 00:02:37,277 --> 00:02:40,662 ลิงใหญ่สื่อสารด้วยท่าทางต่อกัน ในป่าอย่างเป็นอิสระ 45 00:02:40,662 --> 00:02:42,622 มากกว่าที่จะใช้เสียงร้อง 46 00:02:42,622 --> 00:02:46,072 ภาษาอาจเริ่มต้นเป็นรูปเป็นร่าง ในสมัยไพลสโตซีน 47 00:02:46,072 --> 00:02:50,314 นั่นคือประมาณ 2-3 ล้านปีที่แล้ว พร้อมกับการกำเนิดของสกุลโฮโม 48 00:02:50,314 --> 00:02:54,509 ซึ่งวิวัฒนาการมาเป็นพวกเรา โฮโมเซเปียนส์ในท้ายที่สุด 49 00:02:54,509 --> 00:02:59,347 โฮโมมีสมองใหญ่ขึ้นสามเท่า เดินด้วยสองขา และมีมืออิสระที่ใช้เพื่อสื่อสาร 50 00:02:59,347 --> 00:03:02,497 เป็นไปได้ว่ามีการเปลี่ยนจาก การสื่อสารด้วยท่าทาง 51 00:03:02,497 --> 00:03:04,060 มาเป็นการสื่อสารด้วยภาษามือ 52 00:03:04,060 --> 00:03:07,060 จากการใช้นิ้วชี้ไปยังสิ่งต่าง ๆ และแสดงท่าทาง 53 00:03:07,060 --> 00:03:10,353 ไปสู่การสื่อสารอย่างเป็นนามธรรม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 54 00:03:10,353 --> 00:03:15,384 ความเป็นนามธรรมของการสื่อสารด้วยท่าทาง น่าจะลบล้างความจำเป็นของการมองเห็น 55 00:03:15,384 --> 00:03:18,394 และเป็นการตั้งฐานรองรับ การเปลี่ยนไปสู่ภาษาพูด 56 00:03:18,394 --> 00:03:21,484 การเปลี่ยนผ่านนี้น่าจะมาในภายหลัง 57 00:03:21,484 --> 00:03:25,956 การใช้เสียงพูดติดต่อกันยาว ๆ ขึ้นอยู่กับรูปร่างของทางเดินเสียง 58 00:03:25,956 --> 00:03:30,356 แม้แต่บรรพบุรุษที่ใกล้กับเรามากที่สุด อย่างนีแอนเดอทัล และเดนิโซแวน 59 00:03:30,356 --> 00:03:32,716 ก็ไม่ได้มีทางเดินเสียงที่เหมาะแก่การพูด 60 00:03:32,716 --> 00:03:34,986 พวกเขาจึงมีเสียงพูดที่จำกัด 61 00:03:34,986 --> 00:03:36,976 และรวมถึงการใช้ภาษาได้อย่างจำกัดด้วย 62 00:03:36,976 --> 00:03:40,156 มีเพียงมนุษย์เท่านั้น ที่มีทางเดินเสียงที่ดีที่สุด 63 00:03:40,156 --> 00:03:45,544 การพูดทำให้เราสามารถใช้มือเพื่อทำสิ่งต่าง ๆ เช่น ใช้เครื่องมือ และขนสิ่งของ 64 00:03:45,544 --> 00:03:48,074 ดังนั้นอาจเป็นเพราะการเกิดขึ้นของการพูด 65 00:03:48,074 --> 00:03:52,394 ไม่ใช่ตัวภาษาเอง ที่ทำให้สปีชีส์ของเรา ขึ้นมามีอำนาจ 66 00:03:52,394 --> 00:03:57,894 ภาษานั้นเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง กับความคิดที่ซับซ้อน การรับรู้ การเคลื่อนไหว 67 00:03:57,894 --> 00:04:01,998 ซึ่งยากที่จะแยกออกจากจุดกำเนิดทางชีววิทยา 68 00:04:01,998 --> 00:04:04,448 แต่ก็ยังมีสิ่งที่ลึกลับที่สุดอยู่ 69 00:04:04,448 --> 00:04:08,178 ความสามารถทางภาษาหล่อหลอม ความเป็นมนุษย์มากแค่ไหน 70 00:04:08,178 --> 00:04:11,338 และความเป็นมนุษย์ มีผลต่อรูปแบบของภาษาแค่ไหน 71 00:04:11,338 --> 00:04:15,638 อะไรมาก่อน ระหว่างภาพที่เป็นไปได้จำนวนมาก ที่เราสามารถจินตนาการได้ 72 00:04:15,638 --> 00:04:17,788 กับความสามารถของเรา ในการแบ่งปันสิ่งเหล่านั้น