WEBVTT 00:00:01.690 --> 00:00:04.609 ผมอยากจะพูดถึงการพัฒนา ศักยภาพของมนุษย์ 00:00:04.633 --> 00:00:09.723 และผมขอเริ่มจากเรื่องราว ที่มีอิทธิพลมากที่สุดของยุคสมัยใหม่ 00:00:09.747 --> 00:00:13.527 หลายท่านในที่นี้คงจะเคยได้ยินเรื่องของ กฎ 10,000 ชั่วโมง 00:00:13.551 --> 00:00:15.661 หรือบางทีก็กำลังใช้วิธีคิดนี้กับตัวเอง 00:00:15.685 --> 00:00:18.434 ง่าย ๆ คือ กฎนี้บอกว่า การที่จะเชี่ยวชาญ ในเรื่องอะไรก็ตาม 00:00:18.458 --> 00:00:21.394 จะต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างจดจ่อ ถึง 10,000 ชั่วโมง 00:00:21.418 --> 00:00:23.772 เพราะฉะนั้นคุณควรเริ่ม ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ NOTE Paragraph 00:00:23.796 --> 00:00:27.711 เช่นคนดังอย่าง ไทเกอร์ วูดส์ 00:00:27.735 --> 00:00:30.997 พ่อของเขาได้มอบไม้พัตเตอร์ให้กับเขา เมื่อตอนอายุ 7 เดือน 00:00:31.408 --> 00:00:34.512 ภายใน 10 เดือน เขาก็เริ่มที่จะเลียนแบบ การเหวี่ยงไม้ของพ่อ 00:00:34.973 --> 00:00:38.443 เมื่ออายุ 2 ขวบ คุณเข้าไปดูในยูทูบได้เลย ที่เขาออกรายการโทรทัศน์ 00:00:38.467 --> 00:00:40.125 เมื่ออายุ 21 00:00:40.149 --> 00:00:42.008 เขาเป็นโปรกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก 00:00:42.032 --> 00:00:43.684 นี่คือผลของกฎ 10,000 ชั่วโมง NOTE Paragraph 00:00:43.708 --> 00:00:46.259 อีกด้านหนึ่ง ในบรรดาหนังสือที่ขายดีที่สุด 00:00:46.283 --> 00:00:48.060 คือเรื่องของพี่น้องครอบครัวโพลการ์ 00:00:48.084 --> 00:00:51.290 ที่พ่อของพวกเธอตัดสินใจสอน การเล่นหมากรุกอย่างจริงจัง 00:00:51.314 --> 00:00:52.470 ตั้งแต่ยังอายุไม่มาก 00:00:52.494 --> 00:00:53.953 จริง ๆ เขาอยากแสดงให้เห็นว่า 00:00:53.977 --> 00:00:55.996 ด้วยการออกตัวเร็วในการฝึกฝนอย่างจดจ่อ 00:00:56.020 --> 00:00:58.438 เด็กทุกคนก็สามารถเป็น อัจฉริยะในเรื่องอะไรก็ได้ 00:00:58.462 --> 00:00:59.638 และอันที่จริง 00:00:59.662 --> 00:01:02.814 ลูกสาวสองคนจากสาม กลายมาเป็นปรมาจารย์ด้านหมากรุก NOTE Paragraph 00:01:02.838 --> 00:01:06.087 เมื่อผมได้เป็นนักเขียนแนววิทยาศาสตร์ ให้กับนิตยสาร Sport Illustrated 00:01:06.111 --> 00:01:07.267 ผมเริ่มสงสัย 00:01:07.291 --> 00:01:09.237 เพราะหากกฎ 10,000 ชั่วโมงนี้เป็นจริง 00:01:09.261 --> 00:01:11.859 เราก็น่าจะเห็นนักกีฬาเก่ง ๆ นำหน้าไปแล้ว 00:01:11.883 --> 00:01:13.632 จากการ "ฝึกฝนแบบเจาะจง" 00:01:13.656 --> 00:01:16.395 นี่คือการฝึกฝน ที่เน้นการแก้จุดบกพร่อง 00:01:16.419 --> 00:01:17.909 ไม่ใช่แค่เล่นเฉย ๆ 00:01:17.933 --> 00:01:20.289 อันที่จริงนักวิทยาศาสตร์ ได้ศึกษานักกีฬาแนวหน้า 00:01:20.313 --> 00:01:23.159 และพบว่านักกีฬาแนวหน้า ใช้เวลาไปกับการฝึกแบบเจาะจงมากกว่า 00:01:23.183 --> 00:01:24.339 ก็ไม่หน้าแปลกใจอะไร 00:01:24.363 --> 00:01:27.757 แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์ติดตาม ความก้าวหน้าของการพัฒนา 00:01:27.781 --> 00:01:29.119 พวกเขาพบรูปแบบดังนี้ 00:01:29.143 --> 00:01:31.778 จริง ๆ แล้วนักกีฬาแนวหน้า ใช้เวลาน้อยกว่า 00:01:31.802 --> 00:01:34.563 ในการฝึกแบบเจาะจง ในกีฬาประเภทสุดท้าย 00:01:34.587 --> 00:01:37.883 และมักจะมีช่วงที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "ช่วงทดลอง" 00:01:37.907 --> 00:01:40.162 ที่นักกีฬาจะทดลอง กิจกรรมกีฬาหลากหลายประเภท 00:01:40.186 --> 00:01:42.020 จนมีทักษะทัวไปและรอบด้าน 00:01:42.044 --> 00:01:44.197 ได้เรียนรู้ความชอบและทักษะของตัวเอง 00:01:44.221 --> 00:01:48.184 และชะลอการฝึกให้เชี่ยวชาญ เมื่อเทียบกับคนรอบข้างที่ใช้เวลามากกว่า NOTE Paragraph 00:01:48.847 --> 00:01:50.977 เมื่อผมเห็นข้อเท็จจริงนี้ ผมพูดออกมาว่า 00:01:51.001 --> 00:01:54.438 "เฮ้ย นี่มันขัดแย้งกับ กฎ 10,000 ชั่วโมงไม่ใช่เหรอ" 00:01:54.462 --> 00:01:56.472 ผมจึงเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับสาขาอื่น ๆ 00:01:56.496 --> 00:01:59.627 ที่เกี่ยวโยงกับความจำเป็น ในการฝึกให้เชี่ยวชาญตั้งแต่แรกเริ่ม 00:01:59.651 --> 00:02:00.965 อย่างดนตรี 00:02:00.989 --> 00:02:02.841 ผลออกมากลับพบว่ามีรูปแบบที่คล้ายกัน NOTE Paragraph 00:02:02.865 --> 00:02:05.281 นี่คืองานวิจัยจากสถาบันดนตรีระดับโลก 00:02:05.305 --> 00:02:07.666 และสิ่งที่ผมอยากให้ทุกท่านให้ความสนใจ คือเรื่องนี้ 00:02:07.690 --> 00:02:11.508 นักดนตรีชั้นยอดไม่ได้เริ่ม โดยการใช้เวลาฝึกฝนอย่างเจาะจง 00:02:11.532 --> 00:02:12.771 มากกว่านักดนตรีทั่วไป 00:02:12.795 --> 00:02:14.186 จนกว่าจะถึงเครื่องดนตรีที่ 3 00:02:14.210 --> 00:02:16.289 พวกเขาก็เหมือนกัน ที่มีแนวโนมจะมีช่วงทดลอง 00:02:16.313 --> 00:02:18.728 ไม่เว้นนักดนตรีที่เราคิดว่า เก่งตั้งแต่ยังเล็ก 00:02:18.752 --> 00:02:19.958 อย่าง โหยว โหยว หม่า 00:02:19.982 --> 00:02:21.227 เขาก็มีช่วงทดลองเหมือนกัน 00:02:21.251 --> 00:02:24.083 เขาเพียงแค่ผ่านช่วงทดลองนั้น เร็วกว่านักดนตรีทั่ว ๆ ไป NOTE Paragraph 00:02:24.107 --> 00:02:27.295 อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ ก็แทบไม่ได้รับความสนใจ 00:02:27.319 --> 00:02:28.646 และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น 00:02:28.670 --> 00:02:31.718 คือหน้าแรกของหนังสือ "แม่เสือสอนลูก" 00:02:31.742 --> 00:02:34.840 ที่ผู้เขียนเล่าถึง การให้ลูกสาวไปเรียนไวโอลิน 00:02:34.864 --> 00:02:37.320 มักไม่มีใครจำได้ว่า ในตอนหลัง ๆ ของหนังสือ 00:02:37.344 --> 00:02:40.467 ที่ลูกสาวเธอมาหาเธอแล้วบอกว่า "แม่เลือกเอง ไม่ใช่หนู" 00:02:40.491 --> 00:02:41.641 และก็เลิกเล่นไปเลย NOTE Paragraph 00:02:41.665 --> 00:02:44.819 การที่ได้เห็นรูปแบบที่คล้ายกัน อย่างหน้าประหลาดใจ ของกีฬาและดนตรี 00:02:44.843 --> 00:02:47.831 ผมเริ่มสงสัยเกี่ยวกับแวดวง ที่ส่งผลต่อคนจำนวนมาก 00:02:47.855 --> 00:02:49.011 อย่างการศึกษา 00:02:49.035 --> 00:02:50.919 นักเศรษฐศาสตร์ได้ทำการทดลองแบบธรรมชาติ 00:02:50.943 --> 00:02:53.238 ในสถาบันอุดมศึกษาที่อังกฤษและสก็อตแลนด์ 00:02:53.262 --> 00:02:55.916 ระหว่างที่เขาศึกษา ระบบการศึกษาของทั้งสองแห่งคล้ายกัน 00:02:55.940 --> 00:02:59.193 เว้นแต่ว่าในอังกฤษ นักเรียนจะต้อง ฝึกเฉพาะทางในช่วงกลางวัยรุ่น 00:02:59.217 --> 00:03:01.422 โดยเลือกเรียนวิชาเฉพาะ 00:03:01.446 --> 00:03:04.676 และในสก็อตแลนด์ นักเรียนสามารถ ทดลองเรียนได้จนถึงระดับมหาวิทยาลัย 00:03:04.700 --> 00:03:05.851 หากพวกเขาต้องการ 00:03:05.875 --> 00:03:07.026 คำถามของเขาคือ 00:03:07.050 --> 00:03:09.833 ระหว่างการฝึกเฉพาะทางแต่เนิ่น ๆ หรือชะลอไปก่อน ดีกว่ากัน 00:03:09.857 --> 00:03:13.352 และเขาก็พบว่าคนที่ฝึกเฉพาะทางแต่เนิ่น ๆ มีรายได้ที่สูงกว่า 00:03:13.376 --> 00:03:15.538 เพราะว่ามีทักษะเฉพาะ และตรงสาขา 00:03:15.562 --> 00:03:18.164 คนที่ฝึกเฉพาะทางทีหลัง ได้โอกาสทดลองหลาย ๆ สิ่ง 00:03:18.188 --> 00:03:20.254 และพวกเขาก็เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง 00:03:20.278 --> 00:03:22.227 หรือที่เรียกว่า "การจับคู่ที่ตรงกัน" 00:03:22.251 --> 00:03:24.909 เพราะฉะนั้น อัตราการเติบโตจึงเร็วกว่า 00:03:24.933 --> 00:03:26.090 และใน 6 ปี 00:03:26.114 --> 00:03:27.749 พวกเขาก็มีรายได้มากกว่า 00:03:27.773 --> 00:03:30.973 ในขณะเดียวกัน คนที่ฝึกฝนเฉพาะทาง แต่เนิ่นเริ่มออกจากสายงานที่ทำ 00:03:30.997 --> 00:03:32.159 ในตัวเลขที่ค่อนข้างสูง 00:03:32.183 --> 00:03:34.692 เหตุผลสำคัญคือ พวกเขา ถูกบีบให้เลือกเร็วเกินไป 00:03:34.716 --> 00:03:36.605 พวกเขาจึงเลือกตัวเลือกที่ไม่ดี 00:03:36.629 --> 00:03:38.835 คนที่ฝึกฝนเฉพาะทางทีหลัง จึงเสียเปรียบในระยะแรก 00:03:38.859 --> 00:03:40.015 แต่ได้เปรียบในระยะยาว 00:03:40.039 --> 00:03:42.619 ผมคิดว่า หากเรามองการเลือกงาน เหมือนการออกเดท 00:03:42.643 --> 00:03:45.514 เราคงจะไม่บีบบำคับให้ผู้คน รีบตัดสินใจเร็วเกินไป NOTE Paragraph 00:03:45.538 --> 00:03:48.027 การพบรูปแบบดังกล่าวอีกครั้ง ทำให้ผมเริ่มสนใจ 00:03:48.051 --> 00:03:52.004 ที่จะศึกษาพื้นฐานการพัฒนา ของผู้คนที่ผมนับถือ 00:03:52.028 --> 00:03:54.615 อย่าง ดุค เอลลิงตัน ผู้ที่ขยาดการเรียนดนตรี 00:03:54.639 --> 00:03:56.833 แต่หันมาสนใจเบสบอล และการวาดภาพระบายสี 00:03:56.857 --> 00:03:59.914 หรือ มาเรียม มีร์ซาคานี ผู้ที่ตอนเด็ก ๆ ไม่เคยสนใจคณิตศาสตร์เลย 00:03:59.938 --> 00:04:01.523 ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักเขียนนวนิยาย 00:04:01.547 --> 00:04:04.059 แต่กลับได้กลายเป็น ผู้หญิงคนเดียว 00:04:04.083 --> 00:04:05.239 ที่ได้รับเหรียญฟิลด์ส์ 00:04:05.263 --> 00:04:07.535 รางวัลที่ทรงเกียรติที่สุด ในโลกของคณิตศาสตร์ 00:04:07.559 --> 00:04:09.774 หรือ วินเซนต์ แวน โก ที่มี 5 อาชีพที่แตกต่างกัน 00:04:09.798 --> 00:04:13.314 และเขาก็คิดว่าเป็นงานในฝันของตัวเอง ก่อนที่เขาจะเปล่งประกาย 00:04:13.338 --> 00:04:17.541 และในช่วง 20 ปลาย ๆ เขาได้หยิบ หนังสือชื่อ "คู่มือวาดเขียนเบื้องต้น" 00:04:18.068 --> 00:04:19.392 และผลก็ออกมาอย่างที่เห็น 00:04:19.874 --> 00:04:23.282 คล้อด แชนนอน วิศวกรไฟฟ้า ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน 00:04:23.306 --> 00:04:26.286 เขาได้ลงเรียนวิชาปรัชญา เพื่อที่จะเรียนให้ครบตามหลักสูตร 00:04:26.310 --> 00:04:29.504 และในชั้นเรียนนั้นเขาได้เรียนเรื่องตรรกะ ที่มีมานานเกือบศตวรรษ 00:04:29.528 --> 00:04:32.735 ว่าประโยคที่เป็นจริงหรือเท็จนั้น สามารถแทนด้วย 1 หรือ 0 00:04:32.759 --> 00:04:34.689 เหมือนการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ 00:04:34.713 --> 00:04:37.040 สิ่งนี่นำไปสู่การพัฒนาระบบเลขฐานสอง 00:04:37.064 --> 00:04:40.137 ที่เป็นพื้นฐานของ คอมพิวเตอร์ในทุกวันนี้ NOTE Paragraph 00:04:40.161 --> 00:04:42.869 คนสุดท้าย แบบอย่างของผม ฟรานเซส แฮสเซิลไบน์ 00:04:42.893 --> 00:04:44.141 นี่รูปผมกับเธอ 00:04:44.165 --> 00:04:47.316 เธอเริ่มทำงานอย่างมืออาชีพ ตอนอายุ 54 00:04:47.340 --> 00:04:49.646 และได้เติบโตเป็นซีอีโอ ขององค์กรลูกเสือหญิง 00:04:49.670 --> 00:04:50.846 ที่เธอได้ให้การช่วยเหลือ 00:04:50.870 --> 00:04:52.612 เธอเพิ่มสมาชิก ที่เป็นคนกลุ่มน้อย 00:04:52.636 --> 00:04:55.398 อาสาสมัครกว่า 130,000 คน 00:04:55.422 --> 00:04:58.835 และนี่คือเครื่องหมายวิชาพิเศษ ขณะที่เธอดำรงตำแหน่ง 00:04:58.859 --> 00:05:01.534 ตราระบบเลขฐานสอง สำหรับลูกเสือหญิงที่เรียนวิชาคอมพิวเตอร์ 00:05:01.558 --> 00:05:03.627 ทุกวันนี้ ฟรานเซสบริหารองค์กรพัฒนาผู้นำ 00:05:03.651 --> 00:05:05.858 ที่เธอทำงานทุก ๆ วันธรรมดา ในแมนแฮตตัน 00:05:05.882 --> 00:05:07.396 และเธอก็อายุเพียง 104 ปี 00:05:07.420 --> 00:05:08.939 ใครจะรู้ว่า ต่อไปเธอจะทำอะไร NOTE Paragraph 00:05:08.963 --> 00:05:10.113 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:05:10.740 --> 00:05:13.592 เราไม่ค่อยจะได้ยินเรื่องราว ของการพัฒนาแบบนี้ใช่ไหมครับ 00:05:13.616 --> 00:05:15.167 เรามักไม่ค่อยได้ยินงานวิจัย 00:05:15.191 --> 00:05:18.314 ที่พบว่านักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล มีความเป็นไปได้กว่า 22 เท่า 00:05:18.338 --> 00:05:19.820 ที่จะมีงานอดิเรกนอกเหนือจากงาน 00:05:19.844 --> 00:05:21.087 เหมือนนักวิทยาศาสตร์ทั่วไป 00:05:21.111 --> 00:05:22.269 เราไม่เคยได้ยินเลย 00:05:22.293 --> 00:05:24.738 แม้นักดนตรีที่มีชื่อเสียง หรือผลงานที่โด่งดัง 00:05:24.762 --> 00:05:26.724 เราก็มักจะไม่ได้ยิน เกี่ยวกับการพัฒนา NOTE Paragraph 00:05:26.748 --> 00:05:28.879 ยกตัวอย่างเช่น นักกีฬาคนนี้ ที่ผมติดตาม 00:05:28.903 --> 00:05:31.363 นี่คือตอนที่เขาอายุ 6 ขวบ ใส่ชุดรักบี้ทีมสก็อตติช 00:05:31.387 --> 00:05:33.591 เขาลองทั้งเทนนิส สกี มวยปล้ำ 00:05:33.615 --> 00:05:36.831 แม่ของเขาจริง ๆ แล้วเป็นผู้ฝึกสอนเทนนิส แต่เธอปฏิเสธที่จะสอนเขา 00:05:36.855 --> 00:05:39.051 เพราะเขามักจะไม่ยอม เขวี้ยงลูกบอลกลับมาดี ๆ 00:05:39.075 --> 00:05:41.304 เขาเล่นบาสเกตบอล ปิงปอง ว่ายน้ำ 00:05:41.328 --> 00:05:43.497 เมื่อผู้ฝึกสอนต้องการให้เขา เข้าพัฒนามากขึ้น 00:05:43.521 --> 00:05:44.672 เพื่อจะได้เล่นกับเด็กโต 00:05:44.696 --> 00:05:47.671 เขาปฏิเสธ เพราะเขาต้องการ พูดคุยเล่นเรื่องนักมวยปล้ำมือโปร 00:05:47.695 --> 00:05:49.231 กับเพื่อน ๆ หลังการฝึกซ้อม 00:05:49.255 --> 00:05:50.751 และเขาก็ยังคงลองเล่นกีฬาอื่น ๆ 00:05:50.775 --> 00:05:53.765 แฮนด์บอล วอลเล่บอล ฟุตบอล แบตมินตัน สเกตบอร์ด 00:05:53.789 --> 00:05:56.011 เด็กที่ไม่จริงจังอะไรคนนี้เป็นใครกัน 00:05:56.674 --> 00:05:58.530 นี่คือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ 00:05:58.554 --> 00:06:01.754 ที่โด่งดังในทุก ๆ ด้าน เหมือนกับไทเกอร์ วูดส์ 00:06:01.778 --> 00:06:05.061 แม้แต่แฟนเทนนิสก็ไม่ค่อยรู้ 00:06:05.085 --> 00:06:06.597 เรื่องราวการพัฒนาของเขาหรอก 00:06:06.621 --> 00:06:09.221 ทำไมล่ะ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องธรรมดาก็เถอะ NOTE Paragraph 00:06:09.245 --> 00:06:12.424 ผมคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ เรื่องของไทเกอร์นั้นซับซ้อน 00:06:12.448 --> 00:06:14.835 แต่ก็เป็นเพราะมันดูเป็นเรื่องที่ เล่าแล้วเข้าใจง่าย 00:06:14.859 --> 00:06:17.855 และเราสามารถนำไปใช้กับอะไรก็ได้ ที่เราอยากพัฒนา 00:06:17.879 --> 00:06:19.241 ในชีวิตของเรา 00:06:19.265 --> 00:06:20.861 แต่ผมคิดว่าความคิดแบบนี้มีปัญหา 00:06:20.885 --> 00:06:24.416 เพราะปรากฏว่าจากหลายแง่มุม กอล์ฟเป็นแบบอย่างที่แย่มาก 00:06:24.440 --> 00:06:26.696 สำหรับอะไรก็ตามที่มนุษย์ต้องการเรียนรู้ NOTE Paragraph 00:06:26.720 --> 00:06:28.050 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:06:28.074 --> 00:06:29.237 กอล์ฟเป็นตัวอย่างที่ดี 00:06:29.261 --> 00:06:32.732 ของ "สภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอ่อนโยน" ตามที่นักจิตวิทยาโรบิน โฮกาธ เรียก 00:06:32.756 --> 00:06:35.965 สภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอ่อนโยน จะมีขั้นตอนและเป้าหมายที่ชัดเจน 00:06:35.989 --> 00:06:37.839 กฎที่ชัดเจนและไม่เปลี่ยนแปลง 00:06:37.863 --> 00:06:41.115 เมื่อคุณทำอะไรคุณจะได้ผลตอบรับ ที่เร็ว และตรงไปตรงมา 00:06:41.139 --> 00:06:43.339 หากคุณทำอีกในปีหน้า ก็เหมือนที่คุณทำปีที่แล้ว 00:06:43.363 --> 00:06:45.799 หมากรุก ก็เป็น สภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอ่อนโยน 00:06:45.823 --> 00:06:47.205 ขอได้เปรียบของปรมาจารย์ 00:06:47.229 --> 00:06:49.692 คือการการใช้ความรู้ ของรูปแบบที่เกิดซ้ำ ๆ 00:06:49.716 --> 00:06:51.765 นั้นก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมหุ่นยนต์ถึงเล่นได้ 00:06:51.789 --> 00:06:55.032 ที่ขั้วตรงข้าม คือ สภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบบิดเบี้ยว 00:06:55.056 --> 00:06:57.276 ที่ขั้นตอนและเป้าหมาย อาจจะไม่ชัดเจน 00:06:57.300 --> 00:06:58.881 กฎอาจเปลี่ยน 00:06:58.905 --> 00:07:01.449 คุณอาจได้หรือไม่ได้รับผลตอบรับ เมื่อคุณทำอะไร 00:07:01.473 --> 00:07:03.414 มันอาจจะถูกเลื่อน หรือไม่ถูกต้องแม่นยำ 00:07:03.438 --> 00:07:06.116 งานในปีหน้า อาจจะไม่เหมือนปีที่แล้ว NOTE Paragraph 00:07:06.140 --> 00:07:10.352 แล้วสภาพแบบไหนกัน ที่ดูเหมือนโลกที่เรากำลังอยู่ตอนนี้ 00:07:10.376 --> 00:07:12.844 อันที่จริง ความจำเป็นในการคิด เพื่อที่จะปรับตัวได้ 00:07:12.868 --> 00:07:14.979 และการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกัน 00:07:15.003 --> 00:07:17.340 เป็นพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลง รูปแบบการคิดของเรา 00:07:17.364 --> 00:07:19.197 เมื่อคุณมองที่แผนภาพนี้ 00:07:19.221 --> 00:07:22.551 วงกลมตรงกลางด้านขวา อาจดูใหญ่สำหรับคุณ 00:07:22.575 --> 00:07:24.011 และสมองของคุณถูกถึงดูด 00:07:24.035 --> 00:07:26.170 ไปที่ความสัมพันธ์ ระหว่างองค์ประกอบและภาพรวม 00:07:26.194 --> 00:07:28.856 ในขณะที่คนที่ไม่เคยเห็นภาพ ของยุคสมัยใหม่ 00:07:28.880 --> 00:07:31.505 ที่ต้องใช้ความสามารถในการปรับตัว ทางความคิด 00:07:31.529 --> 00:07:34.605 ก็จะสามารถมองเห็นได้ทันทีว่า วงกลมตรงกลางทั้งสองมีขนาดเท่ากัน NOTE Paragraph 00:07:35.073 --> 00:07:38.145 เราอยู่ในโลกที่มีสภาพบิดเบี้ยว 00:07:38.169 --> 00:07:41.680 และการมุ่งพัฒนาความเชี่ยวชาญ อาจะไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ 00:07:41.704 --> 00:07:44.037 ยกตัวเอย่างเช่น งานวิจัยในหลายประเทศ 00:07:44.061 --> 00:07:46.879 ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง จำนวนปีของพ่อแม่ในการศึกษา 00:07:46.903 --> 00:07:48.067 คะแนนสอบของตัวเอง 00:07:48.091 --> 00:07:49.498 และจำนวนปีในการศึกษา ของตัวเอง 00:07:49.522 --> 00:07:52.226 ความแตกต่างคือ บางคนเรียนโดยมุ่งอาชีพเฉพาะทาง 00:07:52.250 --> 00:07:54.411 บางคนเรียนแบบกว้างไม่เจาะจง 00:07:54.435 --> 00:07:57.206 รูปแบบที่พบคือ คนที่เรียนมาตรงกับสายงาน 00:07:57.230 --> 00:07:59.614 มักจะได้งานหลังเรียนจบ 00:07:59.638 --> 00:08:01.670 และจะทำเงินได้มากกว่าในทันที 00:08:01.694 --> 00:08:04.099 แต่ไม่สามารถปรับตัวได้ กับโลกที่เปลี่ยนแปลง 00:08:04.123 --> 00:08:06.860 พวกเขาเลยใช้เวลาน้อยกว่า ในการทำงานโดยภาพรวม 00:08:06.884 --> 00:08:09.786 ทำให้พวกเขาชนะในช่วงสั้น ๆ แต่ต้องแพ้ในระยะยาว NOTE Paragraph 00:08:09.810 --> 00:08:13.189 ลองพิจารณาการศึกษา ที่ใช้เวลา 20 ปี ที่ผู้เชี่ยวชาญ 00:08:13.213 --> 00:08:16.013 ทำนายเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ 00:08:16.037 --> 00:08:20.115 คนที่ทำนายสิ่งต่าง ๆ ได้แย่ที่สุด คือพวกผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย 00:08:20.139 --> 00:08:23.327 ผู้ที่ใช้เวลาทั้งชีวิต ไปกับการแก้ปัญหา เพียงหนึ่งหรือสองปัญหา 00:08:23.351 --> 00:08:26.461 และมองโลกทั้งโลก ด้วยตาข้างเดียว หรือติ๊ต่างเอา 00:08:26.485 --> 00:08:27.994 บางคนคือแย่จริง ๆ 00:08:28.018 --> 00:08:30.446 แม้ว่าจะสั่งสมประสบการณ์และคุณวุฒิมามาก 00:08:30.470 --> 00:08:35.289 คนที่ทำนายได้ดีที่สุด คือคนที่มี ความคิดใหม่ ๆ และมีความสนใจรอบด้าน NOTE Paragraph 00:08:35.789 --> 00:08:37.764 ในบางสาขาอย่างการแพทย์ 00:08:37.788 --> 00:08:40.975 การพัฒนาความเชี่ยวชาญ เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้และจำเป็น 00:08:40.999 --> 00:08:42.159 ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร 00:08:42.183 --> 00:08:44.112 ที่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นดาบสองคม 00:08:44.136 --> 00:08:47.776 ไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการผ่าตัด เพื่อแก้ไขอาการปวดเข่า 00:08:47.800 --> 00:08:49.787 และมีการศึกษาควบคุมด้วยยาหลอก 00:08:49.811 --> 00:08:51.727 มีคนไข้บางรายถูก "ผ่าตัดแบบหลอก ๆ" 00:08:51.751 --> 00:08:53.714 นั่นหมายความว่า แพทย์ลงมีดแล้ว 00:08:53.738 --> 00:08:55.919 ทำเสียงนั่นนี่ให้เหมือนว่ากำลังผ่าตัด 00:08:55.943 --> 00:08:57.612 และก็เย็บปิดเหมือนเดิม 00:08:57.636 --> 00:08:59.121 และก็ได้ผลดีทีเดียว 00:08:59.145 --> 00:09:02.298 แม้ว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็ยังคงทำแบบเดิมต่อไป 00:09:02.322 --> 00:09:03.472 เป็นล้าน ๆ NOTE Paragraph 00:09:04.043 --> 00:09:08.260 หากการฝึกให้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่กลเม็ดในโลกที่บิดเบี้ยว แล้วอะไรล่ะ 00:09:08.284 --> 00:09:10.045 นี่เป็นเรื่องที่ยากที่จะพูดถึง 00:09:10.069 --> 00:09:12.283 เพราะมันไม่ได้เป็นเส้นตรงแบบนี้ 00:09:12.307 --> 00:09:14.623 บางครั้งมันก็ดูคดเคี้ยว วนไปวนมา 00:09:14.647 --> 00:09:15.940 หรือมองเห็นเป็นภาพกว้าง ๆ 00:09:15.964 --> 00:09:17.535 มันอาจจะดูเหมือนว่าอยู่รั้งท้าย 00:09:17.559 --> 00:09:20.389 แต่ผมอยากจะพูดถึงกลเม็ดที่ได้ผล 00:09:20.413 --> 00:09:24.160 หากเราดูงานวิจัยทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม จะพบว่ามีการเพิ่มขึ้นของจำนวน 00:09:24.184 --> 00:09:26.949 สิทธิบัตรที่มีผลในวงกว้าง ไม่ได้ถือครองโดยบุคคล 00:09:26.973 --> 00:09:29.845 ที่มีความสามารถแบบลึกมาก ๆ ในด้านใดด้านหนึ่งของเทคโนโลยี 00:09:29.869 --> 00:09:31.706 ที่สำนักงานสิทธิบัตรอเมริกา จัดประเภท 00:09:31.730 --> 00:09:34.702 และถือโดยกลุ่มบุคคล หรือบุคคล 00:09:34.726 --> 00:09:37.992 ที่ทำงานข้ามสาขาทางเทคโนโลยี 00:09:38.016 --> 00:09:40.208 และมักจะผสานหลาย ๆ สิ่ง จากหลายแวดวงเข้าด้วยกัน NOTE Paragraph 00:09:40.232 --> 00:09:43.663 บุคคลหนึ่งที่ผมชื่นชมผลงานของเขา เป็นคนที่อยู่แถวหน้าของวงการ 00:09:43.687 --> 00:09:45.580 คือชายญี่ปุ่นนาม กุนเป โยโคอิ 00:09:45.604 --> 00:09:48.381 โยโคอิ ทำคะแนนได้ไม่ดี ในการสอบวิชาอิเล็กทรอนิกส์ 00:09:48.405 --> 00:09:51.701 เขาจึงต้องหันไปทำงานที่ไม่ยากมาก อย่างการเป็นช่างซ่อมบำรุง 00:09:51.725 --> 00:09:53.546 ที่บริษัทเกมไพ่ในเกียวโต 00:09:53.570 --> 00:09:56.616 เขารู้ตัวดีว่าตัวเอง ไม่มีทักษะการทำงานที่ทันสมัย 00:09:56.640 --> 00:09:59.564 แต่ก็มีข้อมูลบางอย่าง ที่เขาสามารถเข้าถึงได้ 00:09:59.588 --> 00:10:02.562 ที่ทำให้เขาสามารถผสมผสานบางสิ่ง ที่มีอยู่แล้วเข้ากัน 00:10:02.586 --> 00:10:05.155 ในแบบที่ผู้เชี่ยวชาญ มองไม่ได้จากมุมมองแคบ ๆ นั้น 00:10:05.179 --> 00:10:08.679 เขาจึงผสานเทคโนโลยีที่เด่น ๆ จากอุตสาหกรรมเครื่องคิดเลข 00:10:08.703 --> 00:10:11.619 เข้ากับเทคโนโลยีจากอุตสาหกรรม การผลิตนามบัตร 00:10:11.643 --> 00:10:13.084 และเขาก็ได้พัฒนาเกมพกพา 00:10:13.108 --> 00:10:14.462 และมันได้สะเทือนวงการ 00:10:14.486 --> 00:10:16.708 จนได้เปลี่ยนบริษัทเกมไพ่ 00:10:16.732 --> 00:10:20.303 ที่ก่อตั้งบนอาคารไม้ชั้นล่าง ในศตวรรษที่ 19 00:10:20.327 --> 00:10:22.084 สู่องค์กรที่ผลิตของเล่นและเกม 00:10:22.108 --> 00:10:24.334 คุณคงจะเคยได้ยินชื่อของบริษัทนี้ บริษัทนินเทนโด NOTE Paragraph 00:10:24.358 --> 00:10:25.655 ปรัชญาการสร้างสรรค์ ของเขา 00:10:25.679 --> 00:10:28.860 คือ "การมองรอบ ๆ กับเทคโนโลยีที่คนทิ้งแล้ว" 00:10:28.884 --> 00:10:31.812 ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว และใช้มันในรูปแบบใหม่ 00:10:31.836 --> 00:10:33.775 ผลงานที่โดงดังที่สุดของเขาคือ 00:10:33.799 --> 00:10:34.979 เกมบอย 00:10:35.003 --> 00:10:37.440 เทคโนโลยีที่ถูกล้อเลียนอยู่บ่อย ๆ 00:10:37.464 --> 00:10:41.279 ที่ปล่อยออกมาพร้อมกับคู่แข่งที่มีสี อย่าง ซากา และ อาตาริ 00:10:41.303 --> 00:10:42.965 และก็ชนะขาดลอย 00:10:42.989 --> 00:10:45.629 เพราะโยโคอิรู้ดีว่า ลูกค้าต้องการอะไร 00:10:45.653 --> 00:10:46.803 ไม่ใช่สี 00:10:46.827 --> 00:10:50.788 แต่คือ ความทนทาน สะดวกพกพา ราคาไม่แพง แบตเตอรี่อึด 00:10:50.812 --> 00:10:52.112 การมีเกมให้เลือก 00:10:52.136 --> 00:10:54.589 นี่คือเกมบอยของผม ที่ผมเจอในห้องเก็บของ NOTE Paragraph 00:10:54.613 --> 00:10:55.773 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:10:55.797 --> 00:10:57.351 คิดถึงวันวานเหมือนกัน 00:10:57.375 --> 00:10:59.120 แต่คุณก็เห็นหนิ ว่าไฟยังติด 00:10:59.144 --> 00:11:01.035 ผมลองเปิดและเล่นเกมเตอตริส 00:11:01.059 --> 00:11:03.045 ซึ่งผมประทับใจมาก 00:11:03.069 --> 00:11:05.533 เพราะถ่านหมดอายุไปแล้ว ในปี 2007 และ 2013 NOTE Paragraph 00:11:05.557 --> 00:11:06.901 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:11:07.489 --> 00:11:11.078 ข้อได้เปรียบนี้ ก็เอาไปใช้ได้ กับวงการอื่น ๆ เหมือนกัน 00:11:11.102 --> 00:11:14.574 ในการศึกษาที่น่าประหลาดใจ เกี่ยวกับเหตุผลที่นักเขียนการ์ตูน 00:11:14.598 --> 00:11:17.438 สามารถสร้างการ์ตูน ที่ดังกระฉ่อนได้ 00:11:17.462 --> 00:11:18.771 มีงานวิจัยสองชิ้นที่พบว่า 00:11:18.795 --> 00:11:22.327 มันไม่เกี่ยวกับจำนวนปีของประสบการณ์ 00:11:22.351 --> 00:11:25.217 ไม่เกี่ยวกับทรัพยากรของสำนักพิมพ์ 00:11:25.241 --> 00:11:27.457 ไม่เกี่ยวกับจำนวนการ์ตูนที่เคยตีพิมพ์ 00:11:27.481 --> 00:11:31.949 แต่เป็นจำนวนประเภทของหนังสือ ที่ผู้สร้างได้ทำงานมา 00:11:31.973 --> 00:11:33.295 และสิ่งที่น่าสนใจคือ 00:11:33.319 --> 00:11:36.968 บุคคลที่มีความสนใจรอบด้าน ไม่สามารถแทนที่ได้ 00:11:36.992 --> 00:11:38.786 ด้วยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ 00:11:39.154 --> 00:11:42.124 เราอาจไม่สามารถทำแบบนั้นได้ 00:11:42.148 --> 00:11:44.957 เพราะก่อนหน้านี้ พวกเขาดูเหมือนรั้งท้าย 00:11:44.981 --> 00:11:48.677 และเรามักไม่สนับสนุน คนที่ไม่น่าจะก้าวหน้าได้เร็ว 00:11:48.701 --> 00:11:49.878 หรือไม่มีความเชี่ยวชาญ 00:11:49.902 --> 00:11:52.749 อันที่จริงเจตนาดี ของการสนับสนุนคนที่หัวไว 00:11:52.773 --> 00:11:55.625 เรามักจะลดขั้นตอน ซึ่งกลับทำให้ได้ผลที่ตรงข้าม 00:11:55.649 --> 00:11:56.946 รวมถึงวิธีการเรียนสิ่งใหม่ 00:11:56.970 --> 00:11:58.555 ในระดับพื้นฐาน NOTE Paragraph 00:11:58.579 --> 00:12:02.425 ในงานวิจัยเมื่อปีที่แล้ว นักเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เกรด 7 ในสหรัฐฯ 00:12:02.449 --> 00:12:05.325 ได้ถูกสุ่ม และให้เรียนรู้ ด้วยวิธีที่แตกต่างกัน 00:12:05.349 --> 00:12:07.925 บางคนก็ได้เรียนด้วย "การฝึกที่ละประเภท" 00:12:07.949 --> 00:12:09.691 เหมือนกับเวลาคุณได้โจทย์ประเภท A 00:12:09.715 --> 00:12:12.624 คุณจะได้ AAAA BBBB ไปเรื่อย ๆ 00:12:12.648 --> 00:12:14.073 การพัฒนาเร็วมาก 00:12:14.097 --> 00:12:15.248 เด็ก ๆ มีความสุข 00:12:15.272 --> 00:12:16.436 ทุกอย่างเรียบร้อยดี 00:12:16.460 --> 00:12:20.498 แต่เด็กอีกกลุ่มได้เรียนแบบ "การฝึกเว้นช่วง" 00:12:20.522 --> 00:12:23.778 นั่นหมายถึง คุณจะได้ โจทย์ทุกรูปแบบในคราวเดียว 00:12:23.802 --> 00:12:25.146 และมาจากการสุ่ม 00:12:25.170 --> 00:12:28.097 การพัฒนาเกิดขึ้นช้า เด็ก ๆ หงุดหงิด 00:12:28.121 --> 00:12:30.784 แต่แทนที่จะเรียนรู้ แค่กระบวนการทำงาน 00:12:30.808 --> 00:12:34.621 เด็ก ๆ ได้เรียนรู้การใช้กลวิธี เพื่อจัดการโจทย์ประเภทต่าง ๆ 00:12:34.645 --> 00:12:36.240 และเมื่อถึงเวลาสอบ 00:12:36.264 --> 00:12:39.698 กลุ่มที่เรียนแบบเว้นช่วง นำโด่งกลุ่มที่เรียนแบบฝึกที่ละประเภท 00:12:39.722 --> 00:12:41.129 ไม่ได้ใกล้กันเลย NOTE Paragraph 00:12:41.825 --> 00:12:45.445 ผมมองว่าผลงานวิจัยนี้ นั้นขัดต่อความเข้าใจ 00:12:45.469 --> 00:12:46.818 แนวคิดของการเริ่มได้เร็วในช่วงแรก 00:12:46.842 --> 00:12:49.121 ไม่ว่าจะทำงานอะไรหรือเรียนอะไร 00:12:49.145 --> 00:12:50.764 หรือแต่เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ 00:12:50.788 --> 00:12:53.481 บางที่ก็สามารถส่งผลเสียในระยะยาวได้เช่นกัน 00:12:53.505 --> 00:12:56.288 และโดยธรรมชาติแล้ว มีวิธีการมากมายที่จะประสบความสำเร็จ 00:12:56.312 --> 00:12:57.680 เพราะยังมีผู้คน 00:12:57.704 --> 00:13:01.925 และผมคิดว่าเรายังคงมักจะสนับสนุน แต่คนที่จะเดินไปตามเส้นทางแบบไทเกอร์ 00:13:01.949 --> 00:13:03.736 ในขณะที่โลกก็บิดเบี้ยวมากขึ้น 00:13:03.760 --> 00:13:06.689 และเราต้องการคนที่จะเดินไปในเส้นทาง แบบโรเจอร์เหมือนกัน 00:13:06.713 --> 00:13:09.271 หรือนักฟิสิกส์หรือนักคณิตศาสตร์ ที่มีชื่อเสียง 00:13:09.295 --> 00:13:12.719 และนักเขียนที่เก่งกาจอย่าง ฟรีแมน ไดสันกล่าวไว้ 00:13:12.743 --> 00:13:15.638 และไดสันได้เสียชีวิตลงเมื่อวานนี้ 00:13:15.662 --> 00:13:17.937 และผมหวังว่าจะพูดเพื่อให้เกียรติเขา 00:13:17.961 --> 00:13:22.854 เขากล่าวว่า สำหรับระบบนิเวศที่สมดุล เราต้องการทั้งนกและกบ 00:13:22.878 --> 00:13:24.181 กบที่อยู่ข้างล่างในโคลน 00:13:24.205 --> 00:13:26.303 มองเห็นสิ่งเล็ก ๆ 00:13:26.327 --> 00:13:29.084 นกที่บินสูงอยู่ข้างบน มองไม่เห็นรายละเอียดเหล่านั้น 00:13:29.108 --> 00:13:31.156 แต่ด้วยการผสานความรู้จากกบ 00:13:31.180 --> 00:13:32.491 เราต้องการทั้งคู่ 00:13:32.515 --> 00:13:34.210 ไดสันกล่าวว่า ปัญหาอยู่ที่ 00:13:34.234 --> 00:13:36.909 เราเอาแต่พร่ำบอกให้ทุกคนเป็นกบ 00:13:36.933 --> 00:13:38.135 และผมคิดว่า 00:13:38.159 --> 00:13:39.611 ในโลกที่บิดเบี้ยวนี้ 00:13:39.635 --> 00:13:41.786 หลายสิ่งก็เริ่มไม่ชัดเจน NOTE Paragraph 00:13:41.810 --> 00:13:43.102 ขอบคุณมากครับ NOTE Paragraph 00:13:43.126 --> 00:13:46.086 (เสียงปรบมือ)