1 00:00:07,445 --> 00:00:09,421 ไม่ว่าในยุคสมัยใดหรือที่ไหน 2 00:00:09,421 --> 00:00:10,938 มนุษย์เราต่างสงสัย 3 00:00:10,938 --> 00:00:12,192 "ว่าเรามาจากที่ใด 4 00:00:12,192 --> 00:00:14,165 มาเพื่อทำสิ่งใดในโลก 5 00:00:14,165 --> 00:00:16,505 เมื่อตายไปแล้วเราจะเป็นอย่างไร" 6 00:00:16,505 --> 00:00:18,568 ศาสนาคือระบบความเชื่อ 7 00:00:18,568 --> 00:00:20,634 ที่เจริญและมีวิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ 8 00:00:20,634 --> 00:00:21,803 เพื่อตอบสนองต่อปริศนาเหล่านี้ 9 00:00:21,803 --> 00:00:23,924 และอื่น ๆ 10 00:00:23,924 --> 00:00:25,660 ที่เรารู้สึกว่าบางคำถาม 11 00:00:25,660 --> 00:00:27,834 จะได้รับการคลี่คลายได้ ก็ด้วยเพียงศรัทธาเท่านั้น 12 00:00:27,834 --> 00:00:29,214 และจากการตระหนักรู้ด้วยตนเอง 13 00:00:29,214 --> 00:00:31,385 ว่ามีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ว่าตัวของเรา 14 00:00:31,385 --> 00:00:33,584 มีอำนาจที่อยู่เหนือกว่าเรา ที่เราจะต้องขานรับ 15 00:00:33,584 --> 00:00:35,927 หรือมีแหล่งที่เป็นต้นกำเนิดของเราทุกคน 16 00:00:35,927 --> 00:00:38,342 และที่ซึ่งเราต้องย้อนกลับไป 17 00:00:39,342 --> 00:00:41,695 ฮินดูหมายถึงศาสนาของอินเดีย 18 00:00:41,695 --> 00:00:42,910 มันไม่ใช่ศาสนาเพียงศาสนาเดียว 19 00:00:42,910 --> 00:00:44,933 แต่เป็นการรวมกลุ่มความเชื่อที่คล้ายกัน 20 00:00:44,933 --> 00:00:46,858 และพิธีกรรมทางจิตวิญญาณต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน 21 00:00:46,858 --> 00:00:48,907 ย้อนกับไปเมื่อห้าพันปีก่อน 22 00:00:48,907 --> 00:00:50,373 ตั้งแต่ยุคของพระกฤษณะ 23 00:00:50,373 --> 00:00:51,850 ผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรม 24 00:00:51,850 --> 00:00:54,441 จนเป็นที่ถือกันว่า ท่านเป็นร่างอวตารของพระวิษณุ 25 00:00:54,441 --> 00:00:57,402 เทพที่กลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ 26 00:00:57,402 --> 00:00:59,637 ท่านทรงสอนว่าทุกชีวิตเป็นไปตามกรรม 27 00:00:59,637 --> 00:01:01,337 ซึ่งก็คือคือกฎแห่งเหตุและผล 28 00:01:01,337 --> 00:01:04,561 และเรานั้นต้องทำหน้าที่ของเรา ซึ่งก็คือการปฏิบัติธรรม 29 00:01:04,561 --> 00:01:06,473 ตามฐานะของตนในสังคม 30 00:01:06,473 --> 00:01:09,048 โดยไม่ต้องกังวลถึงผลลัพธ์ 31 00:01:09,048 --> 00:01:12,190 เมื่อตาย เราจะไปถือเกิดในร่างใหม่ 32 00:01:12,190 --> 00:01:13,655 หากเราทำตามธรรมของตน 33 00:01:13,655 --> 00:01:15,814 และทำหน้าที่ในชาติก่อนได้อย่างเหมาะสม 34 00:01:15,814 --> 00:01:17,185 เราจะได้รับกรรมดี 35 00:01:17,185 --> 00:01:20,352 ซึ่งจะส่งให้วิญญาณของเรา อยู่ในระดับสังคมที่สูงขึ้น 36 00:01:20,352 --> 00:01:21,934 ชีวิตในชาติหน้าของเรา 37 00:01:21,934 --> 00:01:24,888 จึงขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำในชาตินี้ 38 00:01:24,888 --> 00:01:28,253 วัฎจักรการเกิดใหม่นี้เรียกว่า สังสาระ 39 00:01:28,253 --> 00:01:30,199 มันเป็นไปได้สำหรับผู้ที่เคร่งศาสนามาก ๆ 40 00:01:30,199 --> 00:01:32,611 ที่ตลอดชีวิตได้ทำกรรมดีเอาไว้มากพอ 41 00:01:32,611 --> 00:01:34,409 ที่จะสามารถหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้ 42 00:01:34,409 --> 00:01:36,869 การหลุดพ้นที่ว่านี้เรียกว่า โมกษะ 43 00:01:36,869 --> 00:01:39,817 ฮินดูสอนว่าทุกสิ่งเป็นหนึ่งเดียว 44 00:01:39,817 --> 00:01:40,765 ทั้งจักรวาล 45 00:01:40,765 --> 00:01:43,856 คือสัจธรรมเดียวที่อยู่เหนืออื่นใด ที่เรียกว่า พรหม 46 00:01:43,856 --> 00:01:45,717 และพรหมมีอยู่เพียงหนึ่งเดียว 47 00:01:45,717 --> 00:01:47,260 แต่มีเทพอยู่ในพรหมมากมาย 48 00:01:47,260 --> 00:01:50,179 แต่ละองค์มีบทบาท รูปลักษณะ และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน 49 00:01:50,179 --> 00:01:52,470 ตามธรรมเนียมต่าง ๆ 50 00:01:52,470 --> 00:01:54,387 พระพรหมคือผู้สร้าง 51 00:01:54,387 --> 00:01:56,089 พระวิษณุคือผู้รักษา 52 00:01:56,089 --> 00:01:58,624 ซึ่งบางครั้งทรงร่างมนุษย์ 53 00:01:58,624 --> 00:02:00,910 และพระศิวะคือผู้ทำลาย 54 00:02:00,910 --> 00:02:02,572 หรือนาฏราช 55 00:02:02,572 --> 00:02:06,069 ทุรคาคือพระมารดาผู้ปกป้องที่ดุดัน 56 00:02:06,069 --> 00:02:07,939 พระคเณศมีเศียรเป็นช้าง 57 00:02:07,939 --> 00:02:11,486 เป็นองค์อุปถัมภ์ความสำเร็จ 58 00:02:11,486 --> 00:02:14,717 ฮินดูเป็นศาสนาที่ใหญ่เป็นลำดับสามของโลก 59 00:02:14,717 --> 00:02:17,075 และถึงแม้ว่าชาวฮินดูส่วนมาก จะอยู่ในประเทศอินเดีย 60 00:02:17,075 --> 00:02:19,123 แต่พวกเขาก็อาศัยอยู่ในทุกทวีป 61 00:02:19,123 --> 00:02:21,288 ถึงหนึ่งพันล้านคน 62 00:02:22,010 --> 00:02:23,366 เอาล่ะ ไปทางตะวันตกกันบ้าง 63 00:02:23,366 --> 00:02:24,978 ข้ามทะเลทรายและภูเขา 64 00:02:24,978 --> 00:02:28,253 ไปยังอู่ข้าวอู่น้ำเมื่อประมาณ 4,000 ปีก่อน 65 00:02:28,253 --> 00:02:30,040 ศาสนายูดาห์เกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าทรงเรียก 66 00:02:30,040 --> 00:02:32,842 อับราฮัมและซาราห์ ให้อพยพจากเมโสโปเตเมีย 67 00:02:32,842 --> 00:02:35,486 ไปยังดินแดนแห่งคานาอัน 68 00:02:35,486 --> 00:02:38,481 เพื่อตอบแทนศรัทธาของพวกเขา ที่มีต่อพระเจ้าองค์เดียวนั้น 69 00:02:38,481 --> 00:02:39,885 ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดใหม่ 70 00:02:39,885 --> 00:02:42,436 ในยุคพหุเทวนิยมในตอนนั้น 71 00:02:42,436 --> 00:02:45,652 พระเจ้าสัญญาจะให้แผ่นดิน และทายาทกับพวกเขามากมาย 72 00:02:45,652 --> 00:02:47,736 ด้วยพันธสัญญานี้ จึงกำเนิดประเทศอิสราเอล 73 00:02:47,736 --> 00:02:49,436 และผู้ที่พระเจ้าทรงเลือก 74 00:02:49,436 --> 00:02:50,734 แต่การอาศัยในดินแดนนั้น 75 00:02:50,734 --> 00:02:52,236 และการรวมให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน 76 00:02:52,236 --> 00:02:54,356 เป็นเรื่องยากมาก 77 00:02:54,356 --> 00:02:56,947 ชาวอิสราเอลตกเป็นทาสในอียิปต์ 78 00:02:56,947 --> 00:02:58,897 แต่พระเจ้าทรงปลดปล่อยพวกเขา 79 00:02:58,897 --> 00:03:00,456 ด้วยความช่วยเหลือ จากศาสดาโมเสส 80 00:03:00,456 --> 00:03:02,112 ผู้ได้รับบัญญัติสิบประการ 81 00:03:02,112 --> 00:03:04,532 และบัญญัติอีกหลายร้อยประการ ในเวลาต่อมา 82 00:03:04,532 --> 00:03:06,296 พวกเขาพิชิตดินแดนแห่งพันธสัญญา 83 00:03:06,296 --> 00:03:09,376 แต่รักษามันเอาไว้ได้เพียงไม่กี่ร้อยปี 84 00:03:09,376 --> 00:03:11,402 อิสราเอลอยู่ในจุดตัดผ่าน 85 00:03:11,402 --> 00:03:12,771 ของกองทัพมากมาย 86 00:03:12,771 --> 00:03:14,309 ตลอดหลายศตวรรษ 87 00:03:14,309 --> 00:03:15,509 ในปี ค.ศ. 70 88 00:03:15,509 --> 00:03:16,912 พวกโรมันทำลายโบสถ์ 89 00:03:16,912 --> 00:03:19,277 ในนครเยรูซาเลม เมืองหลวงของพวกเขา 90 00:03:19,277 --> 00:03:21,154 ฉะนั้น ศาสนาจึงเปลี่ยนแปลงไป 91 00:03:21,154 --> 00:03:22,487 จากศาสนาที่มีโบสถ์ 92 00:03:22,487 --> 00:03:23,897 มีการบูชายัญและนักบวช 93 00:03:23,897 --> 00:03:25,970 ไปเป็นศาสนายึดถือคัมภีร์แทน 94 00:03:25,970 --> 00:03:28,263 ด้วยเหตุนี้ยูดาห์จึงเป็นศาสนา 95 00:03:28,263 --> 00:03:31,270 แห่งสัญลักษณ์ ความยำเกรง และความหมายอันล้ำซึ้ง 96 00:03:31,270 --> 00:03:33,901 ที่ผูกพันกับวรรณกรรม ที่เกี่ยวกับประวัติของมัน 97 00:03:33,901 --> 00:03:35,366 คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์หลายเล่มคัมภีร์ ประกอบรวมกัน 98 00:03:35,366 --> 00:03:37,358 เป็นทานัคหรือไบเบิ้ลของฮีบรู 99 00:03:37,358 --> 00:03:39,572 และบันทึกถึงการอภิปราย และการตีความมากมาย 100 00:03:39,572 --> 00:03:42,238 ถูกรวบรวมเอาไว้เป็นประมวลบันทึก 101 00:03:42,238 --> 00:03:43,458 แห่งความหมายเชิงลึก 102 00:03:43,458 --> 00:03:45,061 ที่เรียกว่า ทัลมุด 103 00:03:45,061 --> 00:03:47,977 ชาวยิวเสาะหาความหมายมากมาย ที่เปี่ยมไปด้วยสัญลักษณ์ในชีวิตประจำวัน 104 00:03:47,977 --> 00:03:49,110 ณ มื้ออาหารในวันปัสกา 105 00:03:49,110 --> 00:03:50,946 ทุกสิ่งทุกอย่างในรายการอาหาร เป็นสัญลักษณ์ของ 106 00:03:50,946 --> 00:03:53,696 มุมมองของการหลุดพ้น จากความเป็นทาส 107 00:03:53,696 --> 00:03:55,016 ความสำคัญต่อการเติบโต 108 00:03:55,016 --> 00:03:56,867 ถูกเน้นย้ำให้เมื่อเด็ก 109 00:03:56,867 --> 00:03:59,171 มีอายุถึงบาร์และบัทมิซวาห์ 110 00:03:59,171 --> 00:04:01,443 ซึ่งคือการฉลองแห่งเจริญสู่วัย ที่ได้มาซึ่งความรับผิดชอบ 111 00:04:01,443 --> 00:04:02,380 ต่อการกระทำของตน 112 00:04:02,380 --> 00:04:03,644 และการฉลองการร้อยเรียง 113 00:04:03,644 --> 00:04:04,692 ชีวิตของตน 114 00:04:04,692 --> 00:04:06,678 ให้เข้าสู่ศรัทธา ประวัติศาสตร์ และบันทึกอักษร 115 00:04:06,678 --> 00:04:08,357 ของคัมภีร์ของชาวยิว 116 00:04:08,357 --> 00:04:11,266 มีชาวยิว 14 ล้านคนทั่วโลกในปัจจุบัน 117 00:04:11,266 --> 00:04:12,738 6 ล้านคนอยู่ในอิสราเอล 118 00:04:12,738 --> 00:04:14,119 ซึ่งได้รับอิสระ 119 00:04:14,119 --> 00:04:17,233 หลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในสงครามโลกครั้งที่สอง 120 00:04:17,233 --> 00:04:19,824 และอีก 5 ล้านคนอยู่ในสหรัฐฯ 121 00:04:20,408 --> 00:04:23,806 แต่ตอนนี้ มาย้อนเวลากลับไป 2,500 ปีก่อน และกลับไปที่อินเดีย 122 00:04:23,806 --> 00:04:25,116 ที่ซึ่งศาสนาพุทธถือกำเนิดขึ้น 123 00:04:25,116 --> 00:04:27,883 จากเจ้าชายหนุ่มนามว่า สิทธัตถะ 124 00:04:27,883 --> 00:04:29,137 ในคืนที่ทรงมาจุติในครรภ์ ของพระมารดา 125 00:04:29,137 --> 00:04:30,696 พระนางมายา 126 00:04:30,696 --> 00:04:32,886 พระมารดาของพระองค์ทรงพระสุบิน 127 00:04:32,886 --> 00:04:35,809 ว่ามีช้างเผือกมาหาที่ข้างพระองค์ 128 00:04:35,809 --> 00:04:37,806 สิบเดือนต่อมา เจ้าชายสิทธัตถะก็ประสูติ 129 00:04:37,806 --> 00:04:39,558 ท่ามกลางทรัพย์สมบัติมากมาย 130 00:04:39,558 --> 00:04:41,974 เมื่อได้ทรงออกไปจากราชฐาน 131 00:04:41,974 --> 00:04:43,088 ที่ทรงอาศัยอยู่เมื่อครั้งเป็นมาณพ 132 00:04:43,088 --> 00:04:44,516 ก็ได้เสด็จไปเห็น ความทุกข์ทรมานของมนุษย์ 133 00:04:44,516 --> 00:04:45,926 ที่พระองค์ไม่เคยได้พบมาก่อน 134 00:04:45,926 --> 00:04:49,310 จึงทรงออกไปค้นหา ต้นตอแห่งทุกข์ทันที 135 00:04:49,310 --> 00:04:51,502 เหตุใดมนุษย์ต้องเผชิญทุกข์ 136 00:04:51,502 --> 00:04:54,605 เราต้องเวียนว่ายตายเกิด เป็นร้อยครั้งพันครั้งด้วยหรือ 137 00:04:54,605 --> 00:04:56,019 แรกเริ่มทรงคิดว่าปัญหานั้น 138 00:04:56,019 --> 00:04:58,055 เกิดจากการยึดติดวัตถุ 139 00:04:58,055 --> 00:04:59,943 พระองค์จึงทรงสละสมบัติ 140 00:04:59,943 --> 00:05:01,669 ทรงไปเป็นภิกขาจาร 141 00:05:01,669 --> 00:05:04,994 ทว่า นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทรงมีความสุข มากขึ้นแต่อย่างใด 142 00:05:04,994 --> 00:05:07,693 จนเมื่อทรงได้ยินครูสอนดนตรี ที่บอกกับศิษย์ว่า 143 00:05:07,693 --> 00:05:09,947 "อย่าขึ้นสายให้ตึงนัก มันจะขาดเอาได้ 144 00:05:09,947 --> 00:05:11,657 แต่ก็อย่าให้หย่อนยานจนเกินไป 145 00:05:11,657 --> 00:05:13,584 เพราะเสียงจะไม่ดัง" 146 00:05:13,584 --> 00:05:14,752 ทันใดนั้นเอง พระองค์ทรงตระหนักว่า 147 00:05:14,752 --> 00:05:16,916 การทุ่มเทสุดโต่งเพื่อหาคำตอบนั้น 148 00:05:16,916 --> 00:05:18,343 ไม่ถูกต้อง 149 00:05:18,343 --> 00:05:20,847 "ทางสายกลางระหว่าง ความฟุ่มเฟือยกับความข้นแค้น" 150 00:05:20,847 --> 00:05:22,133 น่าจะเหมาะสมที่สุด 151 00:05:22,133 --> 00:05:24,419 และเมื่อทรงนั่งสมาธิที่ใต้ต้นโพธิ์ 152 00:05:24,419 --> 00:05:26,588 คำตอบอื่น ๆ ก็พรั่งพรูเข้ามา 153 00:05:26,588 --> 00:05:29,344 ทุกชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ 154 00:05:29,344 --> 00:05:31,209 ซึ่งเกิดจากความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ 155 00:05:31,209 --> 00:05:34,556 เพื่อตนเองโดยการเบียดเบียนผู้อื่น 156 00:05:34,556 --> 00:05:36,058 การปฏิบัติตามหลักแปดประการ 157 00:05:36,058 --> 00:05:38,224 จะสอนให้เราลดกิเลส 158 00:05:38,224 --> 00:05:40,641 และจึงเป็นการลดความทุกข์ลงได้ 159 00:05:40,641 --> 00:05:43,799 วันนั้น เจ้าชายสิทธัตถะ ได้กลายเป็นพระพุทธเจ้า 160 00:05:43,799 --> 00:05:45,307 ซึ่งหมายถึง ผู้รู้แจ้ง 161 00:05:45,307 --> 00:05:47,681 ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว แต่ทรงเป็นองค์แรก 162 00:05:47,681 --> 00:05:49,152 แนวทางของพระพุทธเจ้าเรียกว่า 163 00:05:49,152 --> 00:05:50,414 อริยมรรค 164 00:05:50,414 --> 00:05:51,916 และถึงแม้ว่าการปฏิบัติตามนั้น อาจไม่ได้ทำได้โดยง่าย 165 00:05:51,916 --> 00:05:52,991 แต่มันก็ได้ชี้ทาง 166 00:05:52,991 --> 00:05:55,060 ให้ผู้คนหลายล้านได้รู้แจ้ง 167 00:05:55,060 --> 00:05:57,144 ซึ่งนั่นก็คือความหมายของศาสนาพุทธ 168 00:05:57,144 --> 00:05:58,285 นั่นคือมีความกรุณา 169 00:05:58,285 --> 00:05:59,080 รู้ตน 170 00:05:59,080 --> 00:05:59,934 สงบ 171 00:05:59,934 --> 00:06:01,807 และแน่วแน่ 172 00:06:01,807 --> 00:06:03,989 นับแต่พระองค์ตรัสรู้ใต้พระศรีมหาโพธิ์ 173 00:06:03,989 --> 00:06:06,097 จวบจนปรินิพพานเมื่อชรา 174 00:06:06,097 --> 00:06:08,251 พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนวิธีสู่ความรู้แจ้ง 175 00:06:08,251 --> 00:06:09,008 มีวาจาชอบ 176 00:06:09,008 --> 00:06:09,805 มีเป้าหมายชอบ 177 00:06:09,805 --> 00:06:11,939 จิตตั้งมั่นแต่ในความเป็นจริง 178 00:06:11,939 --> 00:06:14,688 และมีใจมุ่งรักผู้อื่น 179 00:06:14,688 --> 00:06:17,181 ชาวพุทธจำนวนมากเชื่อว่า มีพระเจ้าหรือเทพ 180 00:06:17,181 --> 00:06:20,269 แต่การกระทำนั้นสำคัญกว่าความเชื่อ 181 00:06:20,269 --> 00:06:21,808 มีชาวพุทธเกือบหนึ่งพันล้านคน 182 00:06:21,808 --> 00:06:23,117 ในโลกของเราทุกวันนี้ 183 00:06:23,117 --> 00:06:27,057 ส่วนมากอยู่ในเอเชียตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้และใต้ 184 00:06:27,948 --> 00:06:31,221 เมื่อ 2,000 ปีก่อน ศาสนาคริสต์ถือกำเนิดขึ้น 185 00:06:31,221 --> 00:06:33,237 ในดินแดนแห่งพันธสัญญาของยิว 186 00:06:33,237 --> 00:06:36,439 เช่นเดียวกับที่ชาวฮินดูเชื่อว่า พระกฤษณะคือเทพในร่างมนุษย์ 187 00:06:36,439 --> 00:06:38,609 ชาวคริสต์ก็กล่าวถึงพระเยซูลักษณะนั้น 188 00:06:38,609 --> 00:06:40,361 ศาสนาคริสต์แยกตัวออกมา จากศาสนายูดาห์ 189 00:06:40,361 --> 00:06:43,463 เช่นเดียวกับที่ศาสนาพุทธ แยกตัวออกมาจากศาสนาฮินดู 190 00:06:43,463 --> 00:06:45,946 พระเจ้าของอับราฮัม ส่งเทวทูตกาเบรียล 191 00:06:45,946 --> 00:06:47,860 ลงมาเพื่อมาขอให้หญิงสาวชื่อ แมรี 192 00:06:47,860 --> 00:06:50,195 เป็นมารดาของพระบุตรของพระองค์ 193 00:06:50,195 --> 00:06:51,694 พระบุตรนั้นคือ พระเยซู 194 00:06:51,694 --> 00:06:53,214 ผู้ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวของช่างไม้ 195 00:06:53,214 --> 00:06:55,136 โดยมีแมรีและโจเซฟผู้สามีเป็นพ่อแม่ 196 00:06:55,136 --> 00:06:56,859 จนกระทั่งอายุ 30 ปี 197 00:06:56,859 --> 00:06:58,644 จึงทรงเริ่มรับใช้ประชาชน 198 00:06:58,644 --> 00:07:00,808 ในฐานะผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า 199 00:07:00,808 --> 00:07:02,816 ด้วยความที่ทรงให้ความสำคัญ ในเรื่องศาสนา 200 00:07:02,816 --> 00:07:04,060 น้อยกว่าความยุติธรรมและเมตตา 201 00:07:04,060 --> 00:07:06,612 พระเยซูทรงรักษาผู้ป่วยเพื่อดึงผู้คนเข้ามา 202 00:07:06,612 --> 00:07:09,608 แล้วจึงสอนให้พวกเขารู้จักพระบิดาบนสวรรค์ 203 00:07:09,608 --> 00:07:12,524 ความรัก, การให้อภัย และการเอาใจใส่ 204 00:07:12,524 --> 00:07:14,737 จากนั้น พระองค์ทรงเชิญทุกคนนั่งร่วมโต๊ะกัน 205 00:07:14,737 --> 00:07:17,489 เพื่อบรรยายถึงอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า 206 00:07:17,489 --> 00:07:21,576 คนจรจัด คนบาป และนักบุญ ต่างกินร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกัน 207 00:07:21,576 --> 00:07:22,612 พระองค์มีเวลาเพียงสามปีเท่านั้น 208 00:07:22,612 --> 00:07:24,381 ก่อนที่แนวคิดปรัชญาของพระองค์ ที่ต่างจากคนทั่วไป 209 00:07:24,381 --> 00:07:25,659 จะส่งผลร้ายต่อพระองค์ 210 00:07:25,659 --> 00:07:26,860 พระองค์ทรงถูกจับโดยศัตรู 211 00:07:26,860 --> 00:07:28,635 และถูกตัดสินประหารชีวิตโดยกรุงโรม 212 00:07:28,635 --> 00:07:29,840 ด้วยวิธีการตามโทษฐานความผิด 213 00:07:29,840 --> 00:07:32,511 ข้อผู้ที่ปลุกปั่นประชาชน 214 00:07:32,511 --> 00:07:34,114 ซึ่งก็คือการตรึงไม้กางเขน จนถึงแก่ความตาย 215 00:07:34,114 --> 00:07:36,197 แต่ไม่นานหลังจากที่พระศพถูกฝัง 216 00:07:36,197 --> 00:07:38,194 บรรดาหญิงกลุ่มหนึ่งก็พบว่า หลุมศพของพระองค์นั้นว่างเปล่า 217 00:07:38,194 --> 00:07:39,520 และบอกต่อข่าวนั้นไปอย่างรวดเร็ว 218 00:07:39,520 --> 00:07:42,553 ว่าพระองค์นั้นทรงฟื้นจากความตาย 219 00:07:42,553 --> 00:07:43,940 ชาวคริสต์กลุ่มแรกบรรยายว่า 220 00:07:43,940 --> 00:07:46,023 ทรงฟื้นคืนชีพของพระองค์ 221 00:07:46,023 --> 00:07:49,118 บันดาลใจคนให้เชื่อมั่นว่า ว่าสาส์นจากพระองค์นั้นเป็นความจริง 222 00:07:49,118 --> 00:07:53,307 สาส์นนั้นคือ จงรักกันและกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน 223 00:07:53,307 --> 00:07:55,350 ชาวคริสต์ฉลองการประสูติของพระองค์ 224 00:07:55,350 --> 00:07:57,443 ในเดือนธันวาคม ในวันคริสต์มาส 225 00:07:57,443 --> 00:07:59,706 ฉลองการทนทุกข์ ความตาย และคืนชีพ ของพระองค์ 226 00:07:59,706 --> 00:08:01,915 ในสัปดาห์ศักดิ์สิทธ์ช่วงฤดูใบไม้ผลิ 227 00:08:01,915 --> 00:08:03,246 ในพิธีศีลล้างบาป 228 00:08:03,246 --> 00:08:04,686 ซึ่งคือการชำระล้างขจัดบาป 229 00:08:04,686 --> 00:08:06,961 และการต้อนรับเข้าสู่สังคมชาวคริสต์ 230 00:08:06,961 --> 00:08:08,787 ระลึกถึงการล้างบาปของพระเยซูเอง 231 00:08:08,787 --> 00:08:10,958 เมื่อพระองค์สละชีวิตช่างไม้ 232 00:08:10,958 --> 00:08:12,430 ในพิธีศีลมหาสนิท 233 00:08:12,430 --> 00:08:14,461 ชาวคริสต์กินขนมปังและดื่มไวน์ 234 00:08:14,461 --> 00:08:17,127 ซึ่งถือเสมือนร่างกายและพระโลหิต ของพระเยซู 235 00:08:17,127 --> 00:08:19,593 ระลึกถึงอาหารมื้อสุดท้ายของพระองค์ 236 00:08:19,593 --> 00:08:22,017 ทั่วโลกมีชาวคริสต์อยู่สองพันล้านคน 237 00:08:22,017 --> 00:08:25,821 เท่ากับเกือบหนึ่งในสามของประชากรโลก 238 00:08:27,081 --> 00:08:29,568 ศาสนาอิสลามถือกำเนิดขึ้น เมื่อ 1,400 ปีที่แล้ว 239 00:08:29,568 --> 00:08:31,359 เมื่อบุรุษผู้เปี่ยมคุณธรรม 240 00:08:31,359 --> 00:08:33,028 ทำสมาธิอยู่ในถ้ำ 241 00:08:33,028 --> 00:08:34,743 กลางทะเลทรายอาหรับ 242 00:08:34,743 --> 00:08:36,996 พระองค์คือพระมูฮัมหมัด 243 00:08:36,996 --> 00:08:39,249 ผู้ส่งสาส์นศักดิ์สิทธิ์ได้มาหาพระองค์ 244 00:08:39,249 --> 00:08:41,162 เช่นเดียวกันกับเทวทูตกาเบรียล 245 00:08:41,162 --> 00:08:43,335 หรือที่เรียกในในภาษาอาหรับ ญิบรีล 246 00:08:43,335 --> 00:08:46,002 เพื่อนำพระวจนะของพระอัลลอฮ์ 247 00:08:46,002 --> 00:08:48,028 หรือพระเจ้าองค์เดียวของอับราฮัม มาให้กับพระองค์ 248 00:08:48,028 --> 00:08:49,212 ในช่วงไม่กี่ปีต่อมา 249 00:08:49,212 --> 00:08:50,849 สาสน์จากพระเจ้าก็ถูกส่งมาเรื่อย ๆ 250 00:08:50,849 --> 00:08:53,108 และพระองค์ก็ทรงจดจำเอาไว้และสอนผู้คน 251 00:08:53,108 --> 00:08:55,814 โคลงที่ทรงใช้สวดนั้น เต็มไปด้วยคำคม 252 00:08:55,814 --> 00:08:56,846 คำคล้องจองที่สละสลวย 253 00:08:56,846 --> 00:08:58,981 และอุปมาปริศนา 254 00:08:58,981 --> 00:09:01,764 แต่พระมูฮัมหมัดเป็นพ่อค้า ไม่ใช่นักกวี 255 00:09:01,764 --> 00:09:03,321 หลายคนจึงเชื่อว่าโคลงเหล่านั้น 256 00:09:03,321 --> 00:09:05,015 เป็นพระวจนะจากพระเจ้าจริง ๆ 257 00:09:05,015 --> 00:09:08,011 ผู้ที่มีความเชื่อเหล่านี้ กลายเป็นชาวมุสลิมกลุ่มแรก 258 00:09:08,011 --> 00:09:11,016 คำว่ามุสลิมแปลว่าผู้ภักดี 259 00:09:11,016 --> 00:09:14,334 หมายถึงผู้ที่เชื่อฟังพระประสงค์ ของพระผู้เป็นเจ้า 260 00:09:14,334 --> 00:09:16,368 ฐานบัญญัติห้าประการ 261 00:09:16,368 --> 00:09:18,516 หรือหน้าที่สำคัญของชาวมุสลิมได้แก่ 262 00:09:18,516 --> 00:09:21,626 ชาฮาดา คือการปฏิญาณตนของชาวมุสลิมที่ว่า 263 00:09:21,626 --> 00:09:24,681 ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระอัลลอฮ์ 264 00:09:24,681 --> 00:09:27,502 และพระมูฮัมหมัด คือศาสดาองค์สุดท้ายของพระองค์ 265 00:09:27,502 --> 00:09:31,436 ซาลัต คือทำละหมาดวันละห้าครั้ง โดยหันหน้าไปทางกรุงเมกกะ 266 00:09:31,436 --> 00:09:34,050 ซะกาต คือชาวมุสลิมทุกคน 267 00:09:34,050 --> 00:09:37,852 ต้องบริจาครายได้สุทธิ ร้อยละ 2 ถึง 3 ให้กับผู้ยากไร้ 268 00:09:37,852 --> 00:09:41,163 เซาว์ คือพวกเขาต้องอดอาหาร ระหว่างช่วงเวลาที่ตะวันยังไม่ตกดิน 269 00:09:41,163 --> 00:09:43,001 ในเดือนรอมฎอนตามปฏิทินจันทรคติ 270 00:09:43,001 --> 00:09:44,551 เพื่อฝึกความยึดมั่นศรัทธา 271 00:09:44,551 --> 00:09:46,598 และความไว้วางใจในพระเจ้า 272 00:09:46,598 --> 00:09:49,510 และฮัจญ์ ซึ่งคือในชั่วชีวิตหนึ่ง ของชาวมุสลิม 273 00:09:49,510 --> 00:09:51,605 หากเป็นไปได้ พวกเขาต้องไปแสวงบุญ 274 00:09:51,605 --> 00:09:53,499 ที่นครเมกกะอันศักดิ์สิทธิ 275 00:09:53,499 --> 00:09:54,440 ฝึกตนให้พร้อมไว้ 276 00:09:54,440 --> 00:09:55,941 เมื่อถึงเวลาที่พวกเขา จะต้องยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า 277 00:09:55,941 --> 00:09:58,061 เพื่อรับการพิพากษาว่าควรหรือไม่ 278 00:09:58,061 --> 00:10:00,388 ที่พวกเขาจะมีชีวิตนิรันดร์ อยู่กับพระองค์ 279 00:10:00,388 --> 00:10:01,522 พระวจนะของพระเจ้า 280 00:10:01,522 --> 00:10:04,340 ที่ได้ถูกเผยแผ่ต่อพระศาสดา มาตลอด 23 ปี 281 00:10:04,340 --> 00:10:06,161 ถูกรวบรวมเอาไว้ในพระคัมภีร์กุรอาน 282 00:10:06,161 --> 00:10:09,995 ซึ่งแปลตามตรงได้ว่าว่า "การสวด" 283 00:10:09,995 --> 00:10:12,355 ชาวมุสลิมเชื่อว่า นี่คือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เพียงเล่มเดียว 284 00:10:12,355 --> 00:10:14,244 ที่ไร้ซึ่งทุจริตจากมนุษย์ 285 00:10:14,244 --> 00:10:15,745 หลายคนยังยกย่องอีกว่า 286 00:10:15,745 --> 00:10:17,157 มันเป็นวรรณกรรมที่งดงามที่สุด 287 00:10:17,157 --> 00:10:19,315 ในภาษาอาหรับ 288 00:10:19,315 --> 00:10:21,662 ศาสนาอิสลามเป็นศาสนา ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก 289 00:10:21,662 --> 00:10:25,714 นับถือโดยชาวมุสชิมทั่วโลก มากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยล้านคน 290 00:10:27,020 --> 00:10:28,973 ศาสนาได้ทำหน้าที่ เป็นมุมมองหนึ่งของวัฒนธรรม 291 00:10:28,973 --> 00:10:30,803 มานับตั้งแต่มันถือกำเนิดขึ้น 292 00:10:30,803 --> 00:10:34,137 และมีรูปแบบต่าง ๆ มากมาย 293 00:10:34,137 --> 00:10:35,572 แต่สิ่งที่ทุกศาสนามีร่วมกัน 294 00:10:35,572 --> 00:10:37,720 ก็คือการแสวงหาความหมาย 295 00:10:37,720 --> 00:10:38,861 ที่อยู่เหนือความทะนงตนอันว่างเปล่า 296 00:10:38,861 --> 00:10:41,634 และการมีชีวิตอยู่ โดยมิได้รู้ซึ้งถึงความเป็นจริง 297 00:10:41,634 --> 00:10:42,732 เหนือกว่าบาป 298 00:10:42,732 --> 00:10:43,564 ความทุกข์ 299 00:10:43,564 --> 00:10:45,665 และความตาย 300 00:10:45,665 --> 00:10:47,248 เหนือความกลัว 301 00:10:47,248 --> 00:10:49,376 และเหนือกว่าตัวเราเอง