1 00:00:17,602 --> 00:00:19,239 สวัสดีครับ ผมชื่อ คริสเตียน รัดเดอร์ (Christian Rudder) 2 00:00:19,239 --> 00:00:21,875 และผมก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง โอเคคิวปิด (OKCupid) 3 00:00:21,875 --> 00:00:24,502 ตอนนี้มันเป็นหนึ่งในเว็บหาคู่ ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา 4 00:00:24,502 --> 00:00:25,749 ก็เหมือน ๆ กับพนักงานส่วนใหญ่ที่นั่น 5 00:00:25,749 --> 00:00:27,296 ผมจบเอกคณิตศาสตร์ และอย่างที่คุณคาด 6 00:00:27,296 --> 00:00:28,644 พวกเราขึ้นชื่อในเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูล 7 00:00:28,644 --> 00:00:29,887 พวกเราได้นำมันมาใช้ในการหาคู่ 8 00:00:29,887 --> 00:00:31,717 พวกเราเรียกมันว่า อัลกอริทึมการจับคู่ (matching algorithm) 9 00:00:31,717 --> 00:00:33,428 อัลกอริทึมที่ว่าของ โอเค คิวปิด 10 00:00:33,428 --> 00:00:36,481 ช่วยเราในการตัดสินว่า คนสองคนนี้ควรไปเดทกันหรือไม่ 11 00:00:36,481 --> 00:00:38,765 มันเป็นหัวใจของบริษัทเราเลยล่ะ 12 00:00:38,765 --> 00:00:40,572 อัลกอริทึม ฟังดูเป็นคำหรูหรา 13 00:00:40,572 --> 00:00:43,047 ผู้คนชอบพูดถึงมันเหมือนว่ามันเป็นอะไรใหญ่โต 14 00:00:43,047 --> 00:00:45,148 แต่จริง ๆ แล้ว อัลกอริทึม ก็เป็นแค่วิธีในการแก้ปัญหา 15 00:00:45,148 --> 00:00:47,817 อย่างเป็นระบบและเป็นขั้นตอน 16 00:00:47,817 --> 00:00:49,949 มันไม่จำเป็นต้องมีอะไรหรูหราเลยสักนิด 17 00:00:49,949 --> 00:00:51,802 ในบทเรียนนี้ ผมจะอธิบายว่า 18 00:00:51,802 --> 00:00:53,657 เราคิดอัลกอริทึมของเราขึ้นมาได้อย่างไร 19 00:00:53,657 --> 00:00:55,660 คุณจะได้เห็นที่มาของมัน 20 00:00:55,660 --> 00:00:57,576 แล้วทำไมอัลกอริทึมทั้งหลายจึงสำคัญ 21 00:00:57,576 --> 00:00:59,045 ทำไมต้องมีบทเรียนอันนี้ 22 00:00:59,045 --> 00:01:02,457 สังเกตเห็นคำคำหนึ่งที่ผมได้พูดไปไหม 23 00:01:02,457 --> 00:01:05,029 พวกมันเป็นวิธีแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน 24 00:01:05,029 --> 00:01:05,841 บางทีคุณอาจจะรู้อยู่แล้วว่า 25 00:01:05,841 --> 00:01:08,470 คอมพิวเตอร์เก่งในเรื่องการทำงานเป็นขั้นตอน 26 00:01:08,470 --> 00:01:09,588 คอมพิวเตอร์ที่ปราศจากอัลกอริทึม 27 00:01:09,588 --> 00:01:12,933 ก็เป็นแค่ที่ทับกระดาษแพง ๆ 28 00:01:12,933 --> 00:01:15,430 และเนื่องจากคอมพิวเตอร์นั้น พบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน 29 00:01:15,430 --> 00:01:17,223 อัลกอริทึมจึงมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง 30 00:01:18,515 --> 00:01:20,267 คณิตศาสตร์เบื้องหลังอัลกอริทึมการจับคู่ ของโอเค คิวปิด นั้น 31 00:01:20,267 --> 00:01:21,811 เรียบง่ายจนน่าตกใจ 32 00:01:21,811 --> 00:01:22,629 มันใช้แค่ การบวก 33 00:01:22,629 --> 00:01:23,687 การคูณ 34 00:01:23,687 --> 00:01:25,340 และการถอดราก นิดหน่อย 35 00:01:25,340 --> 00:01:27,611 แต่จุดที่ยากในการออกแบบมัน 36 00:01:27,611 --> 00:01:30,235 ก็คือว่า จะทำอย่างไรกับข้อมูลที่ดูลึกลับ 37 00:01:30,235 --> 00:01:31,212 อย่างแรงดึงดูดระหว่างคนสองคน 38 00:01:31,212 --> 00:01:33,810 และย่อยมันเป็นองค์ประกอบ ที่คอมพิวเตอร์สามารถนำไปวิเคราะห์ได้ 39 00:01:33,810 --> 00:01:36,360 เอาล่ะ สิ่งแรกที่จำเป็น สำหรับการจับคู่ก็คือ ข้อมูล 40 00:01:36,360 --> 00:01:38,382 อะไรบางอย่างที่อัลกอริทึมเอาไปใช้ 41 00:01:38,382 --> 00:01:40,412 วิธีที่ดีที่สุดที่จะได้ข้อมูลจากผู้คน 42 00:01:40,412 --> 00:01:41,747 ก็คือ การถามจากพวกเขานั่นเอง 43 00:01:41,747 --> 00:01:44,166 เราจึงตัดสินใจว่า โอเค คิวปิด ควรถามคำถามกับผู้ใช้งาน 44 00:01:44,166 --> 00:01:46,834 อย่างเช่น "ในอนาคต คุณต้องการมีลูกหรือไม่" 45 00:01:46,834 --> 00:01:48,754 และ "คุณแปรงฟันบ่อยแค่ไหน" 46 00:01:48,754 --> 00:01:50,227 "คุณชอบหนังสยองขวัญหรือไม่" 47 00:01:50,227 --> 00:01:53,514 หรือคำถามหนัก ๆ อย่าง "คุณเชื่อในพระเจ้าหรือไม่" 48 00:01:53,514 --> 00:01:55,308 ทีนี้ หลาย ๆ คำถามนั้นเป็นประโยชน์ 49 00:01:55,308 --> 00:01:56,381 สำหรับการจับคู่คนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน 50 00:01:56,381 --> 00:01:59,052 นั่นเกิดขึ้นเมื่อคู่ตอบคำถาม ไปในทางเดียวกัน 51 00:01:59,052 --> 00:02:01,471 เช่น คนสองคนที่เป็นแฟนหนังสยองขวัญ 52 00:02:01,471 --> 00:02:02,684 ก็น่าจะเข้ากันได้ดี 53 00:02:02,684 --> 00:02:03,843 มากกว่า กรณีที่คนนึงชอบ 54 00:02:03,843 --> 00:02:05,115 แต่อีกคนไม่ชอบ 55 00:02:05,115 --> 00:02:06,480 แล้วถ้าเกิดเป็นคำถามอย่างเช่น 56 00:02:06,480 --> 00:02:08,189 "คุณชอบที่จะตกเป็นจุดสนใจหรือไม่" ล่ะ 57 00:02:08,189 --> 00:02:10,729 ถ้าเกิดคู่รักทั้งสอง ตอบใช่ทั้งคู่ 58 00:02:10,729 --> 00:02:13,068 นั่นคงจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา 59 00:02:13,068 --> 00:02:14,447 พวกเราตะหนักดีถึงเรื่องเหล่านี้ 60 00:02:14,447 --> 00:02:15,614 เราจึงคิดว่าเราต้องการ 61 00:02:15,614 --> 00:02:17,581 ข้อมูลที่ลึกลงไปอีกสำหรับแต่ละคำถาม 62 00:02:17,581 --> 00:02:20,332 เราต้องการให้พวกเขา ไม่เพียงแค่ระบุคำตอบของพวกเขาเอง 63 00:02:20,332 --> 00:02:23,038 แต่ยังต้องระบุคำตอบที่อยากได้จากอีกคนด้วย 64 00:02:23,038 --> 00:02:24,207 ซึ่งมันให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก 65 00:02:24,207 --> 00:02:26,291 แต่เรายังต้องการอะไรเพิ่มอีกสักอย่าง 66 00:02:26,291 --> 00:02:28,835 บางคำถามนั้นบอกคุณเกี่ยวคนคนหนึ่ง ได้ดีกว่าคำถามอื่น 67 00:02:28,835 --> 00:02:31,795 เช่น คำถามเกี่ยวกับการเมือง อย่างเช่น 68 00:02:31,795 --> 00:02:34,589 "อย่างไหนแย่กว่าระหว่าง เผาหนังสือ กับ เผาธง" 69 00:02:34,589 --> 00:02:37,207 อาจเผยให้เห็นตัวตนของคนคนหนึ่ง ได้ดีกว่าคำถามเกี่ยวกับหนัง 70 00:02:37,207 --> 00:02:39,387 มันดูไม่มีเหตุผล ที่จะให้ทุกคำถามมีน้ำหนักเท่ากันหมด 71 00:02:39,387 --> 00:02:41,605 ดังนั้นเราจึงเพิ่มตัวแปรสุดท้ายเข้าไปอีกอันนึง 72 00:02:41,605 --> 00:02:43,440 สำหรับทุก ๆ คำถามที่ โอเค คิวปิด ถามคุณ 73 00:02:43,440 --> 00:02:44,642 คุณมีโอกาสที่จะบอกเรา 74 00:02:44,642 --> 00:02:46,223 ว่าคุณซีเรียสกับมันแค่ไหน 75 00:02:46,223 --> 00:02:49,089 ตั้งแต่เป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว ไปจนถึงเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย 76 00:02:49,089 --> 00:02:50,564 ทีนี้ สำหรับทุก ๆ คำถาม 77 00:02:50,564 --> 00:02:52,692 เราก็ได้ 3 สิ่งสำหรับอัลกอริทึมของเรา 78 00:02:52,692 --> 00:02:54,068 หนึ่ง คำตอบของคุณเอง 79 00:02:54,068 --> 00:02:56,362 สอง คำตอบที่คุณอยากให้คนอื่น 80 00:02:56,362 --> 00:02:57,196 คนที่เป็นว่าที่คู่ของคุณ 81 00:02:57,196 --> 00:02:58,781 ให้คำตอบ 82 00:02:58,781 --> 00:03:02,327 และสาม คำถามนี้สำคัญกับคุณแค่ไหน 83 00:03:02,327 --> 00:03:03,702 ด้วยข้อมูลทั้งหมดนี้ 84 00:03:03,702 --> 00:03:07,128 โอเคคิวปิด สามารถบอกได้ว่าคนสองคนนี้ จะไปกันได้ดีแค่ไหน 85 00:03:07,128 --> 00:03:09,458 อัลกอริทึมจะวิเคราะห์ตัวเลขและให้ผลลัพธ์ออกมา 86 00:03:09,458 --> 00:03:11,262 ลองมาดูตัวอย่างกัน 87 00:03:11,262 --> 00:03:13,712 ดูซิว่า เราทำการจับคู่คุณเข้ากับคนอื่นได้อย่างไร 88 00:03:13,712 --> 00:03:15,581 สมมติให้เขาชื่อ นายบี 89 00:03:15,581 --> 00:03:17,479 เปอร์เซ็นต์ที่คุณจะคู่กับ นายบี ขึ้นอยู่กับ 90 00:03:17,479 --> 00:03:19,424 คำถามที่คุณทั้งคู่ตอบ 91 00:03:19,424 --> 00:03:21,978 เราตั้งชื่อมันว่า ชุดคำถามทั่วไป "เอส" 92 00:03:21,978 --> 00:03:24,932 ในตัวอย่างนี้ เราใช้คำถามจากชุดคำถาม "เอส" 93 00:03:24,932 --> 00:03:26,434 เพียงแค่ 2 คำถาม 94 00:03:26,434 --> 00:03:28,310 นำมาคำนวนหาความเข้าคู่กัน 95 00:03:28,310 --> 00:03:30,144 และนี่เป็นตัวอย่างคำถาม 2 ข้อนั้น 96 00:03:30,144 --> 00:03:32,349 ข้อที่หนึ่ง "คุณเป็นคนซกมกแค่ไหน" 97 00:03:32,349 --> 00:03:34,669 คำตอบก็เป็นได้ตั้งแต่ 98 00:03:34,669 --> 00:03:35,618 ซกมกสุด ๆ 99 00:03:35,618 --> 00:03:36,398 ระดับปกติ 100 00:03:36,398 --> 00:03:38,172 และเรียบร้อยสุด ๆ 101 00:03:38,172 --> 00:03:39,755 สมมติว่าคำตอบของคุณคือ "เรียบร้อยสุด ๆ" 102 00:03:39,755 --> 00:03:42,581 คุณก็คงจะอยากให้คู่ของคุณตอบ "เรียบร้อยสุด ๆ" เช่นกัน 103 00:03:42,581 --> 00:03:45,202 และคำถามนี้ถือว่ามีความสำคัญกับคุณมาก 104 00:03:45,202 --> 00:03:46,498 สำหรับคุณแล้วทุกอย่างต้องหมดจดเรียบร้อย 105 00:03:46,498 --> 00:03:47,212 คุณเป็นคนเรียบร้อย 106 00:03:47,212 --> 00:03:48,296 คุณต้องการให้อีกคนเป็นระเบียบเรียบร้อย 107 00:03:48,296 --> 00:03:49,248 ก็แค่นั้นเอง 108 00:03:49,248 --> 00:03:51,015 ส่วนนาย บี นั้นต่างออกไปเล็กน้อย 109 00:03:51,015 --> 00:03:53,539 เขาตอบว่า "เรียบร้อยสุด ๆ" สำหรับตัวเขา 110 00:03:53,539 --> 00:03:55,171 แต่ตอบว่า "ระดับปกติ" ก็โอเคสำหรับเขา 111 00:03:55,171 --> 00:03:56,740 สำหรับคำตอบของอีกคน 112 00:03:56,740 --> 00:03:58,748 และเขาก็ไม่ค่อยซีเรียสกับคำถามนี้สักเท่าไร 113 00:03:58,748 --> 00:04:00,308 ทีนี้ลองมาดูคำถามที่สองกัน 114 00:04:00,308 --> 00:04:01,896 มันมาจากหนึ่งในตัวอย่างก่อนโน้น 115 00:04:01,896 --> 00:04:03,653 "คุณชอบที่จะตกเป็นจุดสนใจใช่หรือไม่" 116 00:04:03,653 --> 00:04:05,231 คำตอบเป็นได้แค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ 117 00:04:05,231 --> 00:04:06,407 ทีนี้คุณตอบว่า "ไม่ใช่" 118 00:04:06,407 --> 00:04:08,235 คำตอบที่คุณอยากให้อีกคนตอบ คือ "ไม่ใช่" 119 00:04:08,235 --> 00:04:10,862 และคำถามนี้ก็ไม่ค่อยสำคัญกับคุณสักเท่าไร 120 00:04:10,862 --> 00:04:12,419 ส่วน นาย บี คำตอบของเขาคือ "ใช่" 121 00:04:12,419 --> 00:04:14,087 คำตอบที่เขาอยากให้อีกคนตอบ คือ "ไม่ใช่" 122 00:04:14,087 --> 00:04:16,332 เพราะเขาต้องการเป็นจุดเด่น 123 00:04:16,332 --> 00:04:19,335 และคำถามนี้ก็ค่อนข้างสำคัญกับเขามาก 124 00:04:19,335 --> 00:04:21,716 เราลองมาวิเคราะห์ผลทั้งหมดนี้กัน 125 00:04:21,716 --> 00:04:22,855 อันดับแรก คือ 126 00:04:22,855 --> 00:04:24,376 เนื่องจากเราต้องอาศัยคอมพิวเตอร์ 127 00:04:24,376 --> 00:04:26,162 เราจึงต้องกำหนดค่าต่าง ๆ เป็นตัวเลข 128 00:04:26,162 --> 00:04:29,041 สำหรับคำตอบเช่น "ค่อนข้างสำคัญ" หรือ "สำคัญมาก" 129 00:04:29,041 --> 00:04:31,335 เพราะคอมพิวเตอร์เข้าใจแต่ตัวเลข 130 00:04:31,335 --> 00:04:33,523 พวกเราที่ โอเคคิวปิด กำหนดค่าต่าง ๆ ตามนี้ 131 00:04:33,523 --> 00:04:35,858 "ไม่สำคัญเลย" มีค่าเท่ากับ 0 132 00:04:35,858 --> 00:04:38,307 "สำคัญเล็กน้อย" มีค่าเท่ากับ 1 133 00:04:38,307 --> 00:04:40,302 "ค่อนข้างสำคัญ" มีค่าเท่ากับ 10 134 00:04:40,302 --> 00:04:42,426 "สำคัญมาก" มีค่าเท่ากับ 50 135 00:04:42,426 --> 00:04:46,353 "เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย" มีค่าเท่ากับ 250 136 00:04:46,353 --> 00:04:48,852 อัลกอริทึมก็จะทำการคำนวนง่าย ๆ 2 อย่าง 137 00:04:48,852 --> 00:04:51,941 อย่างแรก คุณพึงพอใจคำตอบของ นายบี แค่ไหน 138 00:04:51,941 --> 00:04:55,568 หรือก็คือ ความเป็นไปได้ของคะแนนของนายบี ตามระดับของคุณเป็นเท่าไร 139 00:04:55,568 --> 00:04:58,138 คุณบอกว่า คำตอบของนายบี 140 00:04:58,138 --> 00:04:59,947 สำหรับคำถามแรกเกี่ยวกับความซกมก 141 00:04:59,947 --> 00:05:01,448 สำคัญมากสำหรับคุณ 142 00:05:01,448 --> 00:05:04,041 มันจึงมีค่า 50 คะแนน และนายบีก็ตอบได้ถูกใจคุณ 143 00:05:04,041 --> 00:05:05,947 ส่วนคำถามที่สองมีค่าแค่ 1 144 00:05:05,947 --> 00:05:07,558 เพราะคุณบอกว่ามันสำคัญแค่เล็กน้อยเท่านั้น 145 00:05:07,558 --> 00:05:09,036 และนายบีก็ตอบไม่เข้าเป้า 146 00:05:09,036 --> 00:05:12,392 ดังนั้นคะแนนจากคำตอบของนายบี จึงเท่ากับ 50 เต็ม 51 147 00:05:12,392 --> 00:05:14,023 หรือ คะแนนความพึงพอใจเท่ากับ 98% 148 00:05:14,023 --> 00:05:15,220 ถือว่าดีทีเดียว 149 00:05:15,220 --> 00:05:16,832 และ คำถามที่สองของที่อัลกอริทึมจะคำนวน 150 00:05:16,832 --> 00:05:18,918 ก็คือนายบีจะพึงพอใจคุณแค่ไหน 151 00:05:18,918 --> 00:05:20,768 สำหรับนายบี คำถามเรื่องระดับความซกมก 152 00:05:20,768 --> 00:05:22,353 มีค่าแค่ 1 คะแนน 153 00:05:22,353 --> 00:05:24,745 ส่วนคำถามข้อที่สองมีค่า 10 คะแนน 154 00:05:24,745 --> 00:05:27,156 ดังนั้นคะแนนเต็ม 11 ซึ่งคือ 1 บวก 10 155 00:05:27,156 --> 00:05:28,324 คุณก็ทำได้ 10 คะแนน 156 00:05:28,324 --> 00:05:30,617 คุณทั้งคู่พึงพอใจกับคำถามที่สองของแต่ละฝ่าย 157 00:05:30,617 --> 00:05:32,611 คุณได้คะแนน 10 เต็ม 11 158 00:05:32,611 --> 00:05:35,240 เท่ากับสำหรับนายบีแล้ว คุณมีความพึงพอใจ 91% 159 00:05:35,240 --> 00:05:36,117 มันก็ไม่เลวนัก 160 00:05:36,117 --> 00:05:38,286 ขั้นตอนสุดท้ายก็คือ นำค่าเปอร์เซ็นต์ทั้งสองค่านั้น 161 00:05:38,286 --> 00:05:40,454 ทำให้เป็นค่าเดียวกันสำหรับคุณทั้งสอง 162 00:05:40,454 --> 00:05:42,747 โดยอัลกอริทึมจะนำค่าทั้งสองมาคูณกัน 163 00:05:42,747 --> 00:05:44,500 แล้วถอดรากที่ n 164 00:05:44,500 --> 00:05:46,792 โดย n คือจำนวนของคำถามทั้งหมด 165 00:05:46,792 --> 00:05:49,861 แต่ s ซึ่งคือจำนวนคำถามในตัวอย่างนี้ 166 00:05:49,861 --> 00:05:51,507 มีแค่ 2 ข้อ 167 00:05:51,507 --> 00:05:54,093 เปอร์เซ็นต์การจับคู่จึงเท่ากับ 168 00:05:54,093 --> 00:05:58,154 รากที่สองของ 98% คูณ 91% 169 00:05:58,154 --> 00:06:00,304 ซึ่งเท่ากับ 94% 170 00:06:00,304 --> 00:06:03,194 94% ก็คือโอกาสที่คุณจะเข้ากันได้กับนายบี 171 00:06:03,194 --> 00:06:04,561 มันเป็นค่าตัวเลขที่แสดงว่า 172 00:06:04,561 --> 00:06:06,405 คุณน่าจะมีความสุขด้วยกันแค่ไหน 173 00:06:06,405 --> 00:06:07,749 โดยอาศัยจากข้อมูลที่เรามี 174 00:06:07,749 --> 00:06:10,131 แล้วทำไมอัลกอริทึมนี้ถึงต้องเอาค่ามาคูณกัน 175 00:06:10,131 --> 00:06:12,284 แทนที่จะแค่หาค่าเฉลี่ยก็พอ 176 00:06:12,284 --> 00:06:14,530 แถมยังมีการถอดรากอีกทำไมกัน 177 00:06:14,530 --> 00:06:16,479 ทั่วไปแล้ว สูตรคณิตนี้มีชื่อว่า ค่าเฉลี่ยเรขาคณิต (Geometric Mean) 178 00:06:16,479 --> 00:06:17,881 ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่ใช้ในการหาค่าเฉลี่ยของข้อมูล 179 00:06:17,881 --> 00:06:19,076 ที่มีพิสัยของข้อมูลกว้าง 180 00:06:19,076 --> 00:06:20,861 และมีที่มาของข้อมูลหลากหลาย 181 00:06:20,861 --> 00:06:23,164 อีกนัยก็คือ มันเหมาะที่จะใช้กับการหาคู่มาก 182 00:06:23,164 --> 00:06:24,248 คุณมีข้อมูลที่มีพิสัยกว้าง 183 00:06:24,248 --> 00:06:26,206 คุณมีการให้คะแนนที่หลากหลายมาตรฐาน 184 00:06:26,206 --> 00:06:27,156 อย่างที่เคยพูดถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ 185 00:06:27,156 --> 00:06:28,006 เกี่ยวกับการเมือง 186 00:06:28,006 --> 00:06:29,201 เกี่ยวกับศาสนา 187 00:06:29,201 --> 00:06:30,395 หรือในทุก ๆ เรื่อง 188 00:06:30,395 --> 00:06:32,256 ลึก ๆ แล้ว มันดูเข้าท่า 189 00:06:32,256 --> 00:06:34,918 คนสองคนที่มีระดับความพึงพอใจต่อกันที่ 50% 190 00:06:34,918 --> 00:06:36,052 ควรจะเข้ากันได้ดีกว่า 191 00:06:36,052 --> 00:06:39,180 กรณีระดับความพอใจ ที่คนนึงได้ 0 แต่อีกคนได้ 100 192 00:06:39,180 --> 00:06:40,847 เพราะความรักเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน 193 00:06:40,847 --> 00:06:43,147 หลังจากที่เราปรับแก้เล็กน้อย สำหรับค่าความคลาดเคลื่อน 194 00:06:43,147 --> 00:06:45,770 ในกรณีที่ชุดคำถามมีคำถามน้อยมาก ๆ 195 00:06:45,770 --> 00:06:47,234 เหมือนที่ทำในตัวอย่าง 196 00:06:47,234 --> 00:06:48,811 มันก็พร้อมใช้งานได้จริง 197 00:06:48,811 --> 00:06:50,191 เมื่อใดก็ตามที่ โอเคคิวปิด จับคู่ระหว่างคนสองคน 198 00:06:50,191 --> 00:06:52,234 มันก็จะทำไปตามขั้นตอนอย่างที่ได้กล่าวไป 199 00:06:52,234 --> 00:06:54,484 เริ่มจาก รวบรวมคำตอบของคุณ 200 00:06:54,484 --> 00:06:56,619 ต่อมา เปรียบเทียบคำตอบและความชอบของคุณ 201 00:06:56,619 --> 00:06:59,740 กับคนอื่น ด้วยคณิตศาสตร์ง่าย ๆ 202 00:06:59,740 --> 00:07:02,453 การที่เราสามารถ นำปรากฎการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตจริง 203 00:07:02,453 --> 00:07:05,167 แล้วทำให้เป็นอะไรที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้ 204 00:07:05,167 --> 00:07:05,742 ผมคิดว่าสิ่งนี้ 205 00:07:05,742 --> 00:07:08,565 เป็นทักษะที่สำคัญที่สุด ที่ใครก็ควรมีในทุกวันนี้ 206 00:07:08,565 --> 00:07:10,919 เหมือนกับที่คุณใช้ประโยค ในการเล่าเรื่องราวแก่คนอื่น 207 00:07:10,919 --> 00:07:13,665 คุณก็ใช้อัลกอริทึม ในการเล่าเรื่องราวแก่คอมพิวเตอร์ 208 00:07:13,665 --> 00:07:14,921 ถ้าคุณได้เรียนรู้ภาษาของมัน 209 00:07:14,921 --> 00:07:16,381 คุณก็จะสามารถออกไปบอกเล่าเรื่องราวของคุณได้ 210 00:07:16,381 --> 00:07:18,768 นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากให้คุณทำดู