1 00:00:00,553 --> 00:00:04,853 โอเค วันนี้ฉันจะมาพูดถึง วิธีที่คนพูดถึงความรัก 2 00:00:05,237 --> 00:00:06,387 โดยเฉพาะ 3 00:00:06,411 --> 00:00:09,846 สิ่งที่ผิดไปเวลาพูดถึงความรัก 4 00:00:10,673 --> 00:00:14,080 คนส่วนมากตกหลุมรักสองสามครั้ง 5 00:00:14,104 --> 00:00:15,569 ในช่วงชีวิตหนึ่ง 6 00:00:15,593 --> 00:00:19,803 และในภาษาอังกฤษ คำว่า ตกหลุม เป็นคำเปรียบเปรย 7 00:00:19,827 --> 00:00:22,841 ซึงมักใช้เวลาพูดถึงประสบการณ์ความรัก 8 00:00:23,592 --> 00:00:24,743 ไม่รู้คุณคิดอย่างไรนะ 9 00:00:24,767 --> 00:00:26,694 แต่เวลาฉันให้นิยามแก่คำเปรียบเปรยนี้ 10 00:00:26,718 --> 00:00:29,596 ฉันมักจะคิดเป็นภาพที่หลุดมาจากการ์ตูน 11 00:00:30,076 --> 00:00:31,372 คือ มีผู้ชายคนนึง 12 00:00:31,396 --> 00:00:33,113 กำลังเดินอยู่ข้างถนน 13 00:00:33,137 --> 00:00:36,249 ไม่รู้ตัวว่ากำลังเดินข้าม ท่อระบายน้ำที่เปิดอยู่ 14 00:00:36,273 --> 00:00:39,934 ก็เลยตกลงไป 15 00:00:39,958 --> 00:00:44,038 ฉันคิดภาพแบบนั้น เพราะว่าการตกลงไป ไม่ใช่การกระโดด 16 00:00:44,769 --> 00:00:46,801 การตก เป็นอุบัติเหตุ 17 00:00:46,825 --> 00:00:48,727 มันควบคุมไม่ได้ 18 00:00:48,751 --> 00:00:52,276 เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา โดยไม่ได้รับความยินยอม 19 00:00:52,300 --> 00:00:53,493 และนี่ 20 00:00:53,517 --> 00:00:57,084 เป็นวิธีที่เราพูดถึง การเริ่มต้นความสัมพันธ์ 21 00:00:58,336 --> 00:01:02,103 ฉันเป็นนักเขียน และเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ 22 00:01:02,127 --> 00:01:04,412 ซึ่งหมายถึง ฉันครุ่นคิดเรื่องคำเป็นอาชีพ 23 00:01:04,436 --> 00:01:08,586 หรือจะบอกว่า เขาจ้างฉันมาเถียง กับคนอื่นเรื่องภาษาก็ได้ 24 00:01:08,610 --> 00:01:12,810 และฉันอยากจะเถียงว่า คำเปรียบเปรยหลายคำที่เราใช้ 25 00:01:12,834 --> 00:01:14,401 เวลาพูดถึงความรัก 26 00:01:14,425 --> 00:01:16,248 อาจจะส่วนมากด้วยซ้ำ 27 00:01:16,272 --> 00:01:17,673 เป็นปัญหา 28 00:01:18,700 --> 00:01:20,593 เช่น เราตกหลุมรัก 29 00:01:21,766 --> 00:01:23,231 ความรักจู่โจม 30 00:01:23,255 --> 00:01:24,651 เราถูกบีบคั้น (crush = คนที่ชอบ) 31 00:01:25,331 --> 00:01:26,701 รักจนหน้ามืดตามัว 32 00:01:27,186 --> 00:01:28,983 อารมณ์ของเราพลุกพล่าน 33 00:01:29,738 --> 00:01:31,715 ความรักทำให้เราคลุ้มคลั่ง 34 00:01:31,739 --> 00:01:33,303 และทำให้ป่วยใจ 35 00:01:33,796 --> 00:01:35,156 หัวใจของเราเจ็บปวด 36 00:01:35,180 --> 00:01:37,186 และแตกสลาย 37 00:01:38,226 --> 00:01:41,370 สรุปได้ว่า เมื่อเรารักใครสักคน เราจะพูดเปรียบกับ 38 00:01:41,394 --> 00:01:44,047 ความรุนแรงหรือความเจ็บป่วย 39 00:01:44,071 --> 00:01:46,156 (เสียงหัวเราะ) 40 00:01:47,101 --> 00:01:48,252 จริง ๆ นะคะ 41 00:01:48,276 --> 00:01:50,259 เราถูกวางตำแหน่งให้เป็นเหยื่อ 42 00:01:50,283 --> 00:01:53,642 ของสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง และหลีกเลี่ยงไม่ได้ 43 00:01:54,547 --> 00:01:57,270 คำที่ฉันชอบที่สุดคือคำว่า smitten 44 00:01:57,294 --> 00:02:00,148 ซึ่งเป็นคำกริยาช่องสามของคำว่า smite 45 00:02:00,172 --> 00:02:03,240 และถ้าคุณเปิดดูในพจนานุกรม 46 00:02:03,264 --> 00:02:04,288 (เสียงหัวเราะ) 47 00:02:04,312 --> 00:02:08,830 คุณจะพบว่า มันแปลว่า ความเจ็บปวดร้ายแรง 48 00:02:08,854 --> 00:02:11,705 และรักหัวปรักหัวปรำ 49 00:02:13,716 --> 00:02:17,060 ฉันพยายามเชื่อมโยงคำว่า smite เข้ากับบริบทต่าง ๆ 50 00:02:17,084 --> 00:02:18,648 เช่น ในคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิม 51 00:02:19,560 --> 00:02:24,308 ในหนังสือเล่มที่สองของพันธสัญญาเดิม มี 16 ตัวอย่างที่อ้างถึงคำว่า smite 52 00:02:24,332 --> 00:02:28,105 ซึ่งเป็นคำที่ไบเบิลใช้ในการล้างแค้นของพระเจ้าที่พิโรธ 53 00:02:28,129 --> 00:02:29,850 (เสียงหัวเราะ) 54 00:02:29,874 --> 00:02:32,579 เราก็ใช้คำคำเดียวกันนี้ พูดถึงความรัก 55 00:02:32,603 --> 00:02:35,029 และใช้อธิบายพระคัมภีร์ตอน ภัยพิบัติจากฝูงตั๊กแตน 56 00:02:35,053 --> 00:02:36,081 (เสียงหัวเราะ) 57 00:02:36,105 --> 00:02:37,361 ใช่ไหมคะ 58 00:02:37,385 --> 00:02:39,477 แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร 59 00:02:39,501 --> 00:02:43,492 เราเชื่อมโยงความรัก กับความเจ็บปวดทรมานได้อย่างไร 60 00:02:43,516 --> 00:02:47,505 แล้วทำไมเราถึงผู้ถึงประสบการณ์ดีๆ แบบนี้ 61 00:02:47,529 --> 00:02:49,633 ราวกับว่าเราตกเป็นเหยื่อ 62 00:02:50,556 --> 00:02:52,247 นี่เป็นคำถามที่ยาก 63 00:02:52,271 --> 00:02:53,917 แต่ฉันมีทฤษฎี 64 00:02:53,941 --> 00:02:55,180 ในการพิจารณานี้ 65 00:02:55,204 --> 00:02:57,832 ฉันจะเน้นไปที่คำเปรียบเปรยคำหนึ่ง 66 00:02:57,856 --> 00:03:00,027 ที่เปรียบว่า ความรักเหมือนความคลุ้มคลั่ง 67 00:03:01,088 --> 00:03:03,795 ตอนแรกที่ฉันเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับความรัก 68 00:03:03,819 --> 00:03:06,580 ทุกแหล่งเปรียบเปรยความรัก เป็นความคลุ้มคลั่ง 69 00:03:06,604 --> 00:03:08,707 ในวัฒนธรรมตะวันตก 70 00:03:08,731 --> 00:03:12,668 มีการใช้ภาษาเปรียบความรัก เหมือนความเจ็บป่วยทางจิต 71 00:03:13,440 --> 00:03:15,367 ยกตัวอย่างสักเล็กน้อย 72 00:03:15,391 --> 00:03:16,734 วิลเลียม เชกสเปียร์กล่าวว่า 73 00:03:16,758 --> 00:03:18,191 ความรักเป็นแค่เพียงความคลุ้มคลั่ง 74 00:03:18,215 --> 00:03:19,532 จากบทกวี "ตามใจท่าน" 75 00:03:20,092 --> 00:03:21,349 ฟริดริค นิตเช่ กล่าวว่า 76 00:03:21,373 --> 00:03:23,876 มีความบ้าคลั่งอยู่ในความรักเสมอ 77 00:03:24,559 --> 00:03:27,425 รักของคุณทำให้ฉันเสียสติ 78 00:03:27,449 --> 00:03:29,518 (เสียงหัวเราะ) 79 00:03:29,542 --> 00:03:32,140 จากนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ บียอนเซ่ โนวส์ 80 00:03:32,164 --> 00:03:33,625 (เสียงหัวเราะ) 81 00:03:35,083 --> 00:03:37,917 ฉันตกหลุมรักครั้งแรกตอนอายุ 20 82 00:03:37,941 --> 00:03:41,120 เป็นความสัมพันธ์ที่วุ่นวายตั้งแต่เริ่ม 83 00:03:41,459 --> 00:03:44,664 ในสองปีแรก มันเป็นรักระยะไกล 84 00:03:44,688 --> 00:03:49,284 สำหรับฉัน มันเป็นรักที่ขึ้น ๆ ลง ๆ 85 00:03:49,794 --> 00:03:51,998 ฉันจำช่วงหนึ่งได้ 86 00:03:52,580 --> 00:03:55,925 ฉันนั่งอยู่บนเตียง ที่โรงแรมในอเมริกาใต้ 87 00:03:55,949 --> 00:03:59,645 นั่งมองคนที่ฉันรักเดินออกประตูไป 88 00:04:00,151 --> 00:04:01,764 มันดึกมากแล้ว 89 00:04:01,788 --> 00:04:03,048 ใกล้จะเที่ยงคืน 90 00:04:03,072 --> 00:04:05,049 เราทะเลาะกันตอนทานอาหารเย็น 91 00:04:05,073 --> 00:04:07,022 และเมื่อเรากลับมาที่ห้อง 92 00:04:07,046 --> 00:04:09,771 เขาโยนของใส่กระเป๋า และเดินตึงตังออกไป 93 00:04:11,141 --> 00:04:14,400 ฉันจำไม่ได้ว่าเราทะเลาะกันเรื่องอะไร 94 00:04:14,424 --> 00:04:18,479 แต่ฉันจำได้ดีเลยว่า ฉันรู้สึกอย่างไร ตอนมองเขาเดินออกไป 95 00:04:19,122 --> 00:04:22,667 ตอนนั้นฉันอายุ 22 เป็นครั้งแรก ที่ฉันมาเยือนประเทศที่กำลังพัฒนา 96 00:04:23,424 --> 00:04:25,679 และฉันอยู่ลำพัง 97 00:04:26,412 --> 00:04:29,779 อีก 1 อาทิตย์ถึงจะมีเที่ยวบินกลับบ้าน 98 00:04:29,803 --> 00:04:32,171 ฉันรู้ชื่อของเมืองที่ฉันอยู่ 99 00:04:32,195 --> 00:04:35,778 และเมืองที่ฉันต้องไปเพื่อบินกลับบ้าน 100 00:04:35,802 --> 00:04:39,058 แต่ฉันไม่รู้ว่าจะไปที่นั่นอย่างไร 101 00:04:39,842 --> 00:04:43,019 ฉันไม่มีคู่มือเดินทาง และมีเงินนิดเดียว 102 00:04:43,043 --> 00:04:44,813 และฉันยังพูดภาษาสเปนไม่ได้ 103 00:04:45,547 --> 00:04:47,644 คนที่บ้าบิ่นกว่าฉัน 104 00:04:47,668 --> 00:04:50,098 คงเห็นสถานการณ์นี้เป็นโอกาสอันดีงาม 105 00:04:50,122 --> 00:04:51,952 แต่ฉันตัวแข็ง 106 00:04:52,406 --> 00:04:54,223 ทำได้แค่นั่งอยู่ตรงนั้น 107 00:04:54,738 --> 00:04:56,781 และร้องไห้น้ำตาแตก 108 00:04:57,357 --> 00:04:59,728 แต่ถึงจะมีความตื่นตระหนก 109 00:04:59,752 --> 00:05:02,322 ก็ยังมีเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นในหัวว่า 110 00:05:02,346 --> 00:05:04,683 ว้าว นี่มันดราม่าสุด ๆ 111 00:05:04,707 --> 00:05:07,406 ฉันต้องทำเรื่องความรักนี่ถูกแล้วแน่ ๆ 112 00:05:07,430 --> 00:05:09,218 (เสียงหัวเราะ) 113 00:05:09,242 --> 00:05:13,762 เพราะว่า ส่วนหนึ่งของฉันอยาก ทุกข์ทรมานในรัก 114 00:05:14,226 --> 00:05:17,666 มันฟังดูแปลกสำหรับฉันในตอนนี้ แต่ตอนอายุ 22 115 00:05:17,690 --> 00:05:20,835 ฉันอยากจะมีประสบการณ์ดราม่า 116 00:05:20,859 --> 00:05:26,057 ตอนนั้น ฉันไม่มีเหตุผล โกรธเกรี้ยว และหมดหวัง 117 00:05:26,081 --> 00:05:27,305 และพอใจอย่างน่าประหลาด 118 00:05:27,329 --> 00:05:30,705 ฉันคิดว่า นี่ช่วยยืนยันความรู้สึก 119 00:05:30,729 --> 00:05:32,568 ที่ฉันมีต่อผู้ชายที่เพิ่งทิ้งฉันไป 120 00:05:34,163 --> 00:05:38,526 ฉันคิดว่า ในจุดๆ หนึ่ง ฉันอยากจะรู้สึกคลุ้มคลั่งนิดๆ 121 00:05:38,550 --> 00:05:42,082 เพราะฉันคิดว่า นั่นเป็นวิถีแห่งความรัก 122 00:05:43,141 --> 00:05:44,948 มันไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ 123 00:05:44,972 --> 00:05:47,426 เพราะจากข้อมูลวิกีพิเดีย 124 00:05:47,450 --> 00:05:49,723 มีหนัง 8 เรื่อง 125 00:05:49,747 --> 00:05:51,744 เพลง 14 เพลง 126 00:05:51,768 --> 00:05:54,965 อัลบั้มเพลง 2 อัลบั้มและนิยาย 1 เรื่อง ที่ใช้ชื่อว่า "Crazy Love" 127 00:05:55,837 --> 00:05:58,963 หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เขาก็กลับมาที่ห้อง 128 00:05:58,987 --> 00:06:00,138 เราคืนดีกัน 129 00:06:00,162 --> 00:06:02,979 และใช้เวลา 1 สัปดาห์ที่เหลือ เที่ยวกันอย่างมีความสุข 130 00:06:03,003 --> 00:06:04,435 จากนั้น เมื่อฉันกลับถึงบ้าน 131 00:06:04,459 --> 00:06:09,443 ฉันก็คิดว่า นั่นมันแย่ แต่ก็วิเศษมาก 132 00:06:09,989 --> 00:06:11,704 นี่คงเป็นความโรแมนติคที่แท้จริง 133 00:06:13,006 --> 00:06:15,706 ฉันคาดหวังให้รักแรก ให้ความรู้สึกบ้าคลั่ง 134 00:06:15,730 --> 00:06:19,510 และแน่นอน มันเป็นไปอย่างที่ฉันหวัง 135 00:06:19,941 --> 00:06:21,632 แต่การรักใครซักคนแบบนั้น 136 00:06:21,656 --> 00:06:25,751 ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน ขึ้นอยู่กับการที่เขารักตอบ 137 00:06:25,775 --> 00:06:27,868 ไม่ดีสำหรับฉัน 138 00:06:27,892 --> 00:06:29,042 หรือสำหรับเขา 139 00:06:29,850 --> 00:06:33,551 ฉันว่าประสบการณ์ความรักแบบนี้ ไม่ได้แปลกอะไรนัก 140 00:06:34,026 --> 00:06:38,237 คนส่วนมากรู้สึกบ้าคลั่ง ในระยะแรกๆ ของความรัก 141 00:06:38,815 --> 00:06:42,631 จริง ๆ แล้ว มีงานวิจัยยืนยันว่า มันเป็นเรื่องปกติ 142 00:06:43,280 --> 00:06:45,166 เพราะสารเคมีในประสาท 143 00:06:45,190 --> 00:06:49,752 ความรักและอาการป่วยทางจิต ไม่ได้แยกออกจากกันง่ายขนาดนั้น 144 00:06:51,046 --> 00:06:52,197 จริง ๆ นะคะ 145 00:06:52,221 --> 00:06:56,780 งานวิจัยปี 1999 ใช้ผลเลือด 146 00:06:56,804 --> 00:06:59,898 ในการยืนยันว่า ระดับสารเซอโรโทนิน ของคนที่มีความรักใหม่ ๆ 147 00:06:59,922 --> 00:07:02,719 ใกล้เคียงกับ 148 00:07:02,743 --> 00:07:06,048 คนที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ 149 00:07:06,072 --> 00:07:07,080 (เสียงหัวเราะ) 150 00:07:07,104 --> 00:07:09,801 ใช่ค่ะ และระดับเซโรโทนินต่ำ 151 00:07:09,825 --> 00:07:13,427 นั้นเกี่ยวข้องกับโรคภาวะซึมเศร้าตามฤดูกาล 152 00:07:13,451 --> 00:07:14,731 และโรคซึมเศร้า 153 00:07:15,687 --> 00:07:17,947 มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า 154 00:07:17,971 --> 00:07:22,319 ความรักเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง ของอารมณ์และพฤติกรรม 155 00:07:22,343 --> 00:07:26,350 ยังมีงานวิจัยอื่นๆ ที่ยืนยันว่า 156 00:07:26,374 --> 00:07:30,064 ความสัมพันธ์ส่วนมากเริ่มต้นแบบนี้ 157 00:07:30,660 --> 00:07:34,823 นักวิจัยเชื่อว่า ระดับเซโรโทนินที่ต่ำ 158 00:07:34,847 --> 00:07:38,882 สัมพันธ์กับอาการคิดมากเรื่องความรัก 159 00:07:38,906 --> 00:07:42,964 ซึ่งจะรู้สึกเหมือนมีคนมาตั้งแคมป์อยู่ในหัว 160 00:07:42,988 --> 00:07:45,919 คนส่วนมากรู้สึกแบบนี้ตอนตกหลุมรักใหม่ ๆ 161 00:07:45,943 --> 00:07:49,069 ข่าวดีก็คือ มันจะไม่คงอยู่ตลอดไป 162 00:07:49,093 --> 00:07:52,266 อาจอยู่ไม่กี่เดือน ถึงสองสามปี 163 00:07:53,352 --> 00:07:56,160 เมื่อฉันกลับมาจากทริปอเมริกาใต้ 164 00:07:56,184 --> 00:07:59,761 ฉันใช้เวลาอยู่คนเดียวในห้อง 165 00:07:59,785 --> 00:08:01,125 เช็กอีเมลล์ 166 00:08:01,149 --> 00:08:03,512 หวังจะได้ข่าวจากผู้ชายที่ฉันรัก 167 00:08:04,545 --> 00:08:09,893 และคิดว่าเพื่อนๆ คงไม่เข้าใจ ความเจ็บปวดของฉัน 168 00:08:09,917 --> 00:08:11,866 ดังนั้น ฉันจึงไม่ต้องการพวกเขา 169 00:08:11,890 --> 00:08:13,973 ฉันเลิกออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ 170 00:08:14,387 --> 00:08:18,581 นั่นเป็นปีที่ทุกข์ที่สุดในชีวิตของฉัน 171 00:08:19,086 --> 00:08:23,200 แต่ฉันคิดว่าหน้าที่ของฉันคือ ต้องรู้สึกแย่ 172 00:08:23,849 --> 00:08:25,641 เพราะฉันอาจจะย่ำแย่จริง ๆ 173 00:08:25,665 --> 00:08:28,332 แล้วค่อยพิสูจน์ว่าฉันรักเขามากแค่ไหน 174 00:08:28,356 --> 00:08:30,241 และถ้าฉันสามารถพิสูจน์ได้ 175 00:08:30,265 --> 00:08:33,219 พวกเราก็คงกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง 176 00:08:34,050 --> 00:08:36,138 นี่มันบ้ามาก 177 00:08:36,162 --> 00:08:38,557 เพราะว่าไม่มีกฎจักรวาลข้อไหนเลย 178 00:08:38,581 --> 00:08:41,943 ที่บอกว่าความทรมานที่ยิ่งใหญ่ จะหมายถึงรางวัลที่สวยหรู 179 00:08:42,478 --> 00:08:46,382 แต่พวกเราพูดถึงความรักราวกับว่า มันเป็นสิ่งที่เป็นจริง 180 00:08:47,463 --> 00:08:51,139 ประสบการณ์ความรักของเรามีทั้งเชิง ชีววิทยาและทางวัฒนธรรม 181 00:08:51,774 --> 00:08:54,233 ทางชีวิทวิทยากล่าวไว้ว่า "ความรักนั้นดี" 182 00:08:54,257 --> 00:08:57,411 โดยการกระตุ้นวัฏจักรรางวัลในสมองเรา 183 00:08:57,435 --> 00:09:02,055 และมันก็บอกเราว่าความรักนั้นเจ็บปวด หลังจากการทะเลาะหรือการเลิกราจากกัน 184 00:09:02,079 --> 00:09:04,689 ที่ทำให้รางวัลสารเคมีในสมองนั้น ถูกดึงกลับคืน 185 00:09:05,155 --> 00:09:07,597 และจริง ๆ แล้ว คุณอาจจะเคยได้ยินว่า 186 00:09:07,621 --> 00:09:09,465 ถ้าพูดในเชิงสารเคมีในสมองแล้ว 187 00:09:09,489 --> 00:09:12,923 การผ่านการเลิกรามาหลายรอบ ก็เหมือนกับการหยุดเล่นโคเคน 188 00:09:13,675 --> 00:09:15,311 ซื่งทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้น 189 00:09:15,335 --> 00:09:16,485 (เสียงหัวเราะ) 190 00:09:17,066 --> 00:09:19,898 หลังจากนั้น วัฒนธรรมของเราก็ใช้ภาษา 191 00:09:19,922 --> 00:09:22,703 เพื่อทำให้ความคิดเกี่ยวกับความรักนั้น เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา 192 00:09:22,727 --> 00:09:25,351 ในกรณีนี้ พวกเราพูดถึงการเปรียบเปรย ถึงความเจ็บปวด 193 00:09:25,375 --> 00:09:26,890 การเสพย์ติดและความบ้าคลั่ง 194 00:09:27,826 --> 00:09:30,270 ซึ่งเป็นวัฏจักรที่น่าสนใจ 195 00:09:30,294 --> 00:09:33,811 ความรักนั้นยิ่งใหญ่นักแต่ก็เจ็บปวดไปด้วย 196 00:09:33,835 --> 00:09:36,600 พวกเราแสดงออกมาในคำพูดและเรื่องราวของเรา 197 00:09:37,182 --> 00:09:39,680 แต่คำพูดและเรื่องราวของเราเองก็ถูกบอกกล่าว 198 00:09:39,704 --> 00:09:43,166 ให้คาดหวังว่าความรักนั้นยิ่งใหญ่และเจ็บปวด 199 00:09:43,955 --> 00:09:47,128 สิ่งที่น่าสนใจสำหรับฉัน คือ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น 200 00:09:47,152 --> 00:09:49,875 ในวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับ การรักคน ๆ เดียวไปทั้งชีวิต 201 00:09:50,658 --> 00:09:52,719 ราวเหมือนกับว่า เราอยากได้ทั้ง 2 อย่างเลย 202 00:09:52,743 --> 00:09:55,094 เราอยากให้ความรักรู้สึกเหมือนความบ้าคลั่ง 203 00:09:55,718 --> 00:09:58,864 และอยากให้มันคงอยู่ตลอดชีวิต 204 00:09:59,561 --> 00:10:01,124 ฟังดูแย่นะคะ 205 00:10:01,148 --> 00:10:02,677 (เสียงหัวเราะ) 206 00:10:03,853 --> 00:10:05,449 เพื่อให้ไปด้วยกันได้ 207 00:10:05,473 --> 00:10:10,498 เราต้องไม่เปลี่ยนวัฒนธรรม ก็เปลี่ยนความคาดหวังของเรา 208 00:10:11,408 --> 00:10:15,001 ลองคิดตามดูว่า ถ้าพวกเรานิ่งเฉยกับความรักน้อยลง 209 00:10:15,642 --> 00:10:19,788 ถ้าพวกเราตรงไปตรงมา เปิดใจ และ ใจกว้าง มากกว่านี้ 210 00:10:19,812 --> 00:10:23,113 และแทนที่เราจะ "ตกหลุมรัก" 211 00:10:23,137 --> 00:10:25,362 เรากลับ "เดินเข้าไปในความรัก" 212 00:10:26,223 --> 00:10:28,152 ฉันรู้ดีว่านี่ขอร้องให้คุณทำเยอะมาก 213 00:10:28,176 --> 00:10:31,650 แต่ฉันก็ไม่ใช่คนแรกที่แนะนำให้ทำ 214 00:10:33,012 --> 00:10:35,521 ในหนังสือ "Metaphors We Live By" 215 00:10:35,545 --> 00:10:40,659 นักภาษาศาสตร์ มาร์ค จอห์นสัน และจอร์จ ลาคอฟ แนะนำทางออกที่น่าสนใจกับ 216 00:10:40,683 --> 00:10:41,901 ปัญหาที่ขัดแย้งกันเองนี้ 217 00:10:42,491 --> 00:10:44,907 คือ ให้เราเปลี่ยนคำเปรียบเปรย 218 00:10:45,795 --> 00:10:50,212 พวกเขาแย้งว่า คำเปรียบเปรยนั้น เปลี่ยนแปลง วิธีที่เรารับรู้สิ่งต่าง ๆ บนโลก 219 00:10:51,071 --> 00:10:54,569 และยังสามารถเป็นตัวชี้นำสำหรับการกระทำ ในอนาคตต่าง ๆ 220 00:10:54,593 --> 00:10:56,481 เช่น การทำตามคำนาย 221 00:10:57,489 --> 00:11:01,045 จอห์นสันและลาคอฟแนะว่า การเปรียบเปรยใหม่สำหรับความรัก 222 00:11:01,977 --> 00:11:04,091 ความรัก คือ ผลงานศิลปะของการทำงานร่วมกัน 223 00:11:04,872 --> 00:11:07,922 ฉันชอบวิธีการคิดความรักแบบนี้มาก 224 00:11:09,028 --> 00:11:12,550 นักภาษาศาสตร์กล่าวถึงการเปรียบเปรย ว่า สิ่งหนึ่งพอเป็นจริง อีกสิ่งก็จะจริง 225 00:11:12,574 --> 00:11:16,370 ซึ่งเป็นวิธีในการพิจารณาการใช้งานทั้งหมด 226 00:11:16,394 --> 00:11:19,326 หรือแนวคิดต่าง ๆ เบื้องหลังการเปรียบเปรย 227 00:11:19,350 --> 00:11:22,259 และจอห์นสันกับลาคอฟฟก็ได้พูดทุกอย่างแล้ว 228 00:11:22,283 --> 00:11:24,435 ว่าผลงานศิลปะของการทำงานร่วมมือกันจะทำให้ 229 00:11:24,976 --> 00:11:29,131 ความพยายาม การประนีประนอม ความอดทน เป้าหมายร่วม เกิดขึ้นพร้อมกัน 230 00:11:29,655 --> 00:11:33,485 ความคิดเหล่านี้เรียงตัวอย่างสวยงามกับ วัฒนธรรมของเรา 231 00:11:33,509 --> 00:11:35,582 ในความสัมพันธ์ระยะยาว 232 00:11:35,606 --> 00:11:39,217 และยังไปได้ดีกับความสัมพันธ์รูปแบบอื่นด้วย 233 00:11:40,020 --> 00:11:45,676 ไม่ว่าจะระยะสั้น แบบเพื่อน หลากคู่นอน ไม่ รักแค่คนเดียวและไม่มีเพศสัมพันธ์มาเกี่ยว 234 00:11:45,700 --> 00:11:49,585 เพราะการเปรียบเปรยนี้ ทำให้เกิดความคิดที่ซับซ้อนมากขึ้น 235 00:11:49,609 --> 00:11:51,649 ในการรักใครซักคน 236 00:11:52,670 --> 00:11:57,064 ฉะนั้นแล้ว ถ้าความรัก คือ ผลงานศิลปะของการร่วมมือกัน 237 00:11:57,088 --> 00:12:00,500 ความรักก็คือประสบการณ์ที่สวยงาม 238 00:12:01,524 --> 00:12:03,419 ไม่สามารถคาดเดาได้ 239 00:12:04,153 --> 00:12:06,177 มีความคิดสร้างสรรค์ 240 00:12:06,898 --> 00:12:11,031 ความรักต้องการการสื่อสารและ การฝึกให้สามารถควบคุมตัวเองได้ 241 00:12:11,055 --> 00:12:14,244 แน่นอน มันน่าผิดหวัง และใช้อารมณ์ร่วมเยอะมาก 242 00:12:14,677 --> 00:12:18,027 และความรักยังมีทั้ง ความเพลิดเพลินและความเจ็บปวด 243 00:12:18,742 --> 00:12:22,361 สุดท้ายแล้ว ประสบการณ์แต่ละคนในความรัก แตกต่างกันหมด 244 00:12:23,759 --> 00:12:25,386 ตอนที่ฉํนยังเด็กกว่านี้ 245 00:12:25,410 --> 00:12:30,078 การที่ฉันต้องการมากขึ้นจากความรักนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันเลย 246 00:12:30,102 --> 00:12:33,795 ฉันไม่เคยต้องยอมรับสิ่งใด ๆ ที่รักนำพามาให้ 247 00:12:34,775 --> 00:12:38,104 ตอนที่จูเลียตที่อายุ 14 พอเจอกับ 248 00:12:38,128 --> 00:12:42,053 หรือตอนที่จูเลียตไม่สามารถพบเจอกับโรมิโอ 249 00:12:42,077 --> 00:12:44,714 คนที่เธอเพิ่งได้เจอเมื่อ 4 วันก่อนหน้านี้ 250 00:12:44,738 --> 00:12:48,548 เธอไม่รู้สึกผิดหวังหรือไม่สบายใจ 251 00:12:49,022 --> 00:12:50,379 แล้วเธออยู่ไหนละ 252 00:12:50,403 --> 00:12:51,697 เธอต้องการตาย 253 00:12:52,236 --> 00:12:53,387 ใช่ไหมคะ 254 00:12:53,411 --> 00:12:55,880 และเพื่อเตือนความจำ ถ้ามาถึงตอนนี้ของละคร 255 00:12:55,904 --> 00:12:57,212 ตอนที่ 3 จากทั้งหมด 5 256 00:12:57,236 --> 00:12:59,057 โรมิโอยังไม่ตาย 257 00:12:59,641 --> 00:13:00,981 เขายังมีชีวิตอยู่ 258 00:13:01,005 --> 00:13:02,393 ยังสุขภาพดี 259 00:13:02,417 --> 00:13:04,611 แค่เขาถูกเนรเทศออกจากเมือง 260 00:13:05,853 --> 00:13:11,854 ฉันเข้าใจว่าเมืองเวโรน่า ศตวรรษที่ 16 ยังไม่เหมือนกับอเมริกาเหมือนยุคร่วมสมัย 261 00:13:11,878 --> 00:13:14,856 และตอนแรกที่ฉันได้อ่านบทละครนี้ 262 00:13:14,880 --> 00:13:17,273 ฉันก็อายุ 14 เช่นเดียวกัน 263 00:13:17,297 --> 00:13:19,980 ความทรมานของจูเลียตดูสมเหตุสมผลสำหรับฉัน 264 00:13:21,295 --> 00:13:26,652 การตีกรอบความรักใหม่ ฉันได้สรรค์สร้าง คนที่ฉันสามารถชื่นชม 265 00:13:26,676 --> 00:13:29,120 แทนที่จะเป็นบางอย่างที่แค่เกิดขึ้นกับฉัน 266 00:13:29,144 --> 00:13:31,666 โดยไร้การควบคุมหรือความเห็นชอบ 267 00:13:31,690 --> 00:13:33,295 มันทำให้มั่นใจนะ 268 00:13:33,779 --> 00:13:35,397 แต่มันยังคงยาก 269 00:13:35,421 --> 00:13:40,953 ความรักยังทำให้รู้สึกโกรธและย่ำแย่ในบางวัน 270 00:13:40,977 --> 00:13:43,092 และเมื่อฉันรู้สึกผิดหวัง 271 00:13:43,116 --> 00:13:44,446 ฉันต้องเตือนตัวเองว่า 272 00:13:44,995 --> 00:13:48,339 หน้าที่ของฉันในความสัมพันธ์นี้ คือ การคุยกับคู่ของฉัน 273 00:13:48,363 --> 00:13:50,414 ว่าอะไรคือสิ่งที่เราอยากทำไปด้วยกัน 274 00:13:51,923 --> 00:13:54,257 แน่นอน ไม่ได้ง่ายเลย 275 00:13:54,756 --> 00:13:58,203 แต่ก็ยังดีกว่าทางเลือกอีกทาง 276 00:13:58,672 --> 00:14:01,449 ซึ่งคือสิ่งที่รู้สึกได้ว่าบ้าคลั่ง 277 00:14:02,839 --> 00:14:08,196 ความรักรูปแบบนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเอาชนะ หรือการสูญเสียความชื่นชอบในใครซักคน 278 00:14:08,761 --> 00:14:12,359 แต่กลับกัน คุณต้องเชื่อใจในคู่ของคุณ 279 00:14:12,383 --> 00:14:15,457 และพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เมื่อการเชื่อใจมันยากขึ้น 280 00:14:15,481 --> 00:14:17,927 ซึ่งมันฟังดูง่าย 281 00:14:17,951 --> 00:14:22,447 แต่จริง ๆ เป็นการกระทำที่ เปลี่ยนแปลงและมีเหตุผลซะด้วยซ้ำ 282 00:14:23,062 --> 00:14:26,326 นี่เป็นเพราะว่าคุณได้หยุด และคิดเรื่องตัวเอง 283 00:14:27,230 --> 00:14:30,371 และสิ่งที่คุณได้หรือสูญเสียในความสัมพันธ์ 284 00:14:30,395 --> 00:14:33,792 และคุณได้เริ่มคิดเรื่องสิ่งที่ คุณสามารถให้ได้ 285 00:14:34,811 --> 00:14:38,216 ความรักรูปแบบนี้ทำให้เราสามารถพูดแบบที่ว่า 286 00:14:38,240 --> 00:14:43,070 "เฮ้ พวกเราไม่ได้ทำงานร่วมกันดีเลย บางที เราอาจจะไม่ได้เหมาะสมกันจริง ๆ" 287 00:14:43,733 --> 00:14:47,594 หรือ "ความสัมพันธ์ครั้งนั้น สั้นกว่าที่ฉันวางแผนไว้อีก 288 00:14:47,618 --> 00:14:49,790 แต่มันก็ยังสวยงามอยู่นะ 289 00:14:50,836 --> 00:14:53,626 สิ่งที่สวยงามเกี่ยวกับผลงานศิลปะ ที่มาจากการร่วมมือกัน 290 00:14:53,650 --> 00:14:56,541 ไม่ได้ถูกสรรค์สร้างด้วยตัวของมันเอง 291 00:14:57,098 --> 00:15:01,009 แต่ความรักรูปแบบนี้ เราสามารถเลือกได้ว่า มันจะออกมารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร 292 00:15:01,033 --> 00:15:02,184 ขอบคุณค่ะ 293 00:15:02,208 --> 00:15:04,231 (เสียงปรบมือ)