เน็ตฟลิกซ์เปลี่ยนวงการบันเทิงไปอย่างไร และกำลังมุ่งหน้าไปทางไหน
-
0:01 - 0:04คริส แอนเดอร์สัน: เป็นเวลานานมาแล้ว
ที่ผมทั้งหลงใหลและประหลาดใจ -
0:04 - 0:06ไปกับแง่มุมต่าง ๆ ของเน็ตฟลิกซ์
-
0:06 - 0:08คุณทำสิ่งเกินคาดไว้มากมาย
ผมขอพูดอย่างนั้น -
0:09 - 0:12หนึ่งในสิ่งเกินคาดเหล่านั้น
ผมคิดว่าเมื่อประมาณ 6 ปีมาแล้ว -
0:13 - 0:17ในตอนนั้นบริษัทกำลังไปได้ดีมาก
-
0:17 - 0:19แต่คุณยังเป็นแค่ผู้ให้บริการถ่ายทอดเนื้อหา
-
0:19 - 0:22ทั้งภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ของผู้อื่น
-
0:23 - 0:25คุณได้พิสูจน์กับวงการลงทุน
ว่าคุณมาถูกทาง -
0:25 - 0:29ในการเปลี่ยนธุรกิจ
จากการส่งแค่แผ่นดีวีดี -
0:29 - 0:31ไปเป็นการถ่ายทอดเนื้อหาออนไลน์
-
0:31 - 0:32และคุณเติบโตอย่างรวดเร็ว
-
0:32 - 0:35ในตอนนั้นคุณมีสมาชิกถึง 6 ล้านคน
และมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง -
0:35 - 0:38แต่คุณก็เลือกช่วงเวลานั้น
-
0:38 - 0:43ในการตัดสินใจครั้งสำคัญยิ่ง
ชนิดเอาบริษัทเป็นเดิมพัน -
0:43 - 0:46การตัดสินใจนั้นคืออะไร
และอะไรเป็นแรงจูงใจให้ทำอย่างนั้นครับ -
0:46 - 0:49รีด ฮาสติ้งส์: ผู้ประกอบธุรกิจ
เครือข่ายเคเบิลทีวีในยุคที่ผ่านมา -
0:49 - 0:52เริ่มจากการใช้เนื้อหาของผู้อื่น
-
0:52 - 0:54และเติบโตผ่านการ
ผลิตเนื้อหาของตนเอง -
0:54 - 0:58เราเห็นแนวคิดนี้มาสักพักแล้ว
-
0:59 - 1:03และเราได้พยายามเริ่มสร้างเนื้อหา
ของเราเองตั้งแต่ปี 2005 -
1:03 - 1:06ครั้งนั้นเรายังมีแค่ดีวีดี
เราซื้อภาพยนตร์จาก Sundance -
1:06 - 1:09แมกกี้ จิลเลนฮาล "เชอรี่เบบี้"
คือสิ่งที่นำเสนอด้วยดีวีดี -
1:09 - 1:11เราเป็นสตูดิโอขนาดเล็ก
-
1:11 - 1:13แต่มันไม่ได้ผล เพราะเราเล็กเกินไป
-
1:14 - 1:17และอย่างที่คุณกล่าว
ในปี 2011 -
1:17 - 1:21เท็ด ซารานดอส คู่หูผมที่เน็ตฟลิกซ์
ซึ่งดูแลเนื้อหา -
1:21 - 1:23ตื่นเต้นมากกับ "เฮ้าส์ออฟคาร์ดส์"
-
1:23 - 1:26ในขณะนั้น
มันใช้ทุนสร้าง 100 ล้านเหรียญ -
1:26 - 1:30เป็นการลงทุนที่วิเศษมาก
-
1:30 - 1:32ถึงกับแข่งกับเอชบีโอได้เลย
-
1:32 - 1:35เรื่องนั้นนับเป็นพัฒนาการครั้งใหญ่
ที่เขาทำได้อย่างถูกต้องพอดี -
1:35 - 1:39คริส: มันสร้างรายได้เป็นสัดส่วนสำคัญ
ให้กับบริษัทเลยทีเดียว -
1:39 - 1:41ในตอนนั้น
-
1:41 - 1:45คุณมั่นใจได้อย่างไร
ว่านั่นคือสิ่งที่คุ้มค่า -
1:45 - 1:46เพราะถ้ามันผิดพลาด
-
1:46 - 1:49ก็อาจจะทำให้บริษัท
เสียหายอย่างหนักได้เลย -
1:49 - 1:53รีด: จริง ๆ แล้วเราไม่มั่นใจเลย
เป็นความกดดันอย่างใหญ่หลวง -
1:53 - 1:55พวกเราลุ้นกันมาก
-
1:57 - 1:58ครับ มันน่ากลัว
-
1:59 - 2:01(เสียงหัวเราะ)
-
2:01 - 2:05คริส: นั่นไม่ใช่แค่การสร้างเนื้อหาใหม่
-
2:05 - 2:08ถ้าผมเข้าใจถูกต้อง นั่นคือการ
-
2:08 - 2:10นำเสนอแนวคิด
การรับชมอย่างไม่หยุดพัก -
2:10 - 2:13ไม่ใช่แค่ "เราจะสร้างชุดเนื้อหาที่สุดยอด"
-
2:13 - 2:15แต่ ตูม! ทำทั้งหมดรวดเดียวเลย
-
2:15 - 2:18ขณะที่วิธีการรับชมของผู้บริโภค
แบบนั้นยังไม่เคยถูกทดสอบ -
2:18 - 2:19ทำไมคุณถึงกล้าเสี่ยงอย่างนั้น
-
2:20 - 2:22รีด: เราเติบโตมากับการส่งแผ่นดีวีดี
-
2:22 - 2:24ซึ่งมีทั้งซีรีส์และการจัดชุดพิเศษ
-
2:25 - 2:30พวกเราทุกคนมีประสบการณ์รับชม
สุดยอดเนื้อหาจากเอชบีโอ -
2:30 - 2:33ผ่านทางดีวีดี ติด ๆ กัน หลาย ๆ ตอน
-
2:33 - 2:35ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราฉุกคิด
-
2:35 - 2:39คุณรู้ไหมว่าเนื้อหาที่เป็นตอน ๆ
โดยเฉพาะซีรีส์ -
2:39 - 2:42จะทรงพลังมาก
หากรับชมได้ทั้งหมดในคราวเดียว -
2:42 - 2:45ซึ่งเป็นสิ่งที่โทรทัศน์ปกติทำไม่ได้
-
2:45 - 2:48ทั้งสองประเด็นนั้นทำให้
การตอบรับดีมาก -
2:49 - 2:53คริส: แล้วผลออกมาเป็นตัวเลข
ชัดเจนทันทีเลยไหมครับ -
2:53 - 2:57ว่าจำนวนชั่วโมงที่มีการรับชม
เนื้อหาที่ผลิตเอง เช่น "เฮ้าออฟคาร์ดส์" -
2:57 - 2:59สามารถสร้างกำไรให้คุณได้มากกว่า
-
2:59 - 3:02การซื้อเนื้อหาของคนอื่นมาฉาย
-
3:03 - 3:07รีด: เราเป็นระบบสมาชิก
จึงไม่ได้เก็บข้อมูลลึกขนาดนั้น -
3:07 - 3:10ที่จริงแล้วมันเป็นการสร้าง
ตราสินค้าให้แข็งแกร่งขึ้น -
3:10 - 3:12เพื่อให้ผู้คนอยากสมัครสมาชิกมากขึ้น
-
3:12 - 3:14ซึ่ง "เฮ้าออฟคาร์ดส์" ทำได้ตามนั้นเลย
-
3:14 - 3:16เพราะผู้คนจำนวนมากจะพูดถึงมัน
-
3:16 - 3:18และเชื่อมโยงชื่อนั้นมาถึงเรา
-
3:19 - 3:22ขณะที่เรื่อง "แมดเม็น"
สุดยอดซีรีย์ของค่าย ACM ที่เรานำมาฉาย -
3:22 - 3:24ผู้ชมไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับเน็ตฟลิกซ์
-
3:24 - 3:26แม้ผู้ชมจะรับชมผ่านเน็ตฟลิกซ์
-
3:26 - 3:30คริส: คุณจึงผลิตสุดยอดซีรีส์เหล่านี้ขึ้นมา
-
3:31 - 3:35"นาร์โคส์" "เจสซีกา โจนส์"
"ออเรนจ์อีสเดอะนิวแบล็ก" "เดอะคราวน์" -
3:35 - 3:38"แบล็กมิลเรอร์" ซึ่งผมชื่นชอบส่วนตัว
-
3:38 - 3:40"เสตรนเจอร์ธิงส์" และอื่น ๆ
-
3:40 - 3:42และในปีนี้
-
3:42 - 3:45ขนาดการลงทุนที่คุณวางแผนไว้
ในการสร้างเนื้อหาใหม่ -
3:45 - 3:47ไม่ใช่ 100 ล้านเหรียญอีกต่อไป
-
3:47 - 3:48มันจะเป็นเท่าไรครับ
-
3:48 - 3:51รีด: ประมาณ 8 พันล้านเหรียญ ทั่วโลก
-
3:52 - 3:54และนั่นยังไม่พอ
-
3:55 - 3:58ยังมีสุดยอดรายการอีกมาก
บนเครือข่ายอื่น ๆ -
3:58 - 4:00หนทางยังยาวไกลสำหรับเรา
-
4:00 - 4:03คริส: แต่ 8 พันล้าน
-
4:03 - 4:08ณ ตอนนี้ก็มากกว่าผู้ผลิตเนื้อหา
รายอื่น ๆ อยู่แล้วใช่ไหมครับ -
4:08 - 4:10รีด: ไม่ใช่ครับ
ดิสนีย์ยังเงินหนากว่านั้น -
4:10 - 4:13และถ้าซื้อกิจการฟอกซ์ได้
ดิสนีย์ก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นอีก -
4:14 - 4:17และ 8 พันล้านนี่คือกระจายไปทั่วโลก
-
4:17 - 4:20จริง ๆ มันเลยไม่ได้เยอะขนาดนั้น
-
4:21 - 4:23(เสียงหัวเราะ)
-
4:23 - 4:26คริส: แต่ก็ชัดเจนว่า บาร์รี่ ดิลเลอร์
และอีกหลายคนในธุรกิจสื่อ -
4:26 - 4:28รู้สึกว่าบริษัทนี้มาจากไหนก็ไม่รู้
-
4:28 - 4:31จู่ ๆ ก็เติบโตและปฏิวัติธุรกิจอย่างแท้จริง
-
4:31 - 4:34ดังเช่นที่บล็อกบัสเตอร์เคยกล่าวไว้ว่า
-
4:34 - 4:36"เราจะสร้างวีดีโอ
ที่ได้รับความนิยมถล่มทลาย" -
4:36 - 4:39และใน 6 ปีให้หลัง
บล็อกบัสเตอร์ก็ใหญ่เทียบเท่าดิสนีย์ -
4:39 - 4:44ผมหมายความว่า เรื่องแบบนี้
แทบเป็นไปไม่ได้ แต่กลับเป็นไปได้ -
4:44 - 4:47รีด: ต้องยกให้เป็นความดีของอินเทอร์เน็ต
ซึ่งก้าวหน้าเร็วมาก -
4:48 - 4:50ทุกอย่างรอบตัวเราเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
-
4:50 - 4:55คริส: ผมคิดว่า วัฒนธรรมของเน็ตฟลิกซ์
จะต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดา -
4:55 - 5:01ที่ทำให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างกล้าหาญ
ซึ่งผมจะไม่เรียกว่า "บ้าระห่ำ" -
5:01 - 5:02แต่เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ
และไตร่ตรองดีแล้ว -
5:02 - 5:04รีด: ใช่เลย
-
5:04 - 5:06เรามีจุดแข็งอย่างหนึ่ง
นั่นคือเราเกิดและเติบโตมากับดีวีดี -
5:06 - 5:09และเรารู้แล้วว่าการเติบโตนั้น
เป็นแค่เรื่องชั่วคราว -
5:09 - 5:11ไม่มีใครคิดว่าเราจะส่งดีวีดี
ทางไปรษณีย์ได้เป็นร้อยปี -
5:11 - 5:15ซึ่งคุณก็จะวิตกมาก
ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร -
5:15 - 5:18และนั่นเป็นส่วนหนึ่ง
ของแนวคิดพื้นฐานของเรา -
5:18 - 5:20คือการกังวลอย่างจริงจัง
ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป -
5:20 - 5:22ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ
-
5:22 - 5:23และเมื่อพูดถึงวัฒนธรรมองค์กร
-
5:23 - 5:25ส่วนสำคัญคืออิสรภาพ
และความรับผิดชอบ -
5:25 - 5:29ผมภูมิใจกับตัวเองที่มีเรื่อง
ให้ตัดสินใจน้อยมากในไตรมาสหนึ่ง -
5:30 - 5:32และเราทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในเรื่องนี้
-
5:32 - 5:34มีบางครั้งที่ผมไม่ต้องตัดสินใจอะไรเลย
-
5:34 - 5:35ตลอดทั้งไตรมาส
-
5:36 - 5:37(เสียงหัวเราะ)
-
5:37 - 5:40(เสียงปรบมือ)
-
5:40 - 5:44คริส: มีเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก
เกี่ยวกับพนักงานของคุณ -
5:44 - 5:46ตัวอย่างเช่น ผมดูในแบบสำรวจ
-
5:46 - 5:51เหมือนว่าพนักงานเน็ตฟลิกซ์
ได้รับเงินเดือนสูงสุด -
5:51 - 5:54เมื่อเทียบกับคนในองค์กรอื่น
ที่มีตำแหน่งใกล้เคียงกัน -
5:54 - 5:57และมีแนวโน้มจะลาออกต่ำสุด
-
5:57 - 6:02และหากคุณลองค้นหา
ว่าวัฒนธรรมองค์กรของเน็ตฟลิกซ์มีอะไรบ้าง -
6:02 - 6:07คุณจะเห็นคำตักเตือนที่น่าประหลาดใจ
ที่มีต่อพนักงาน -
6:07 - 6:08ลองยกตัวอย่างสักหน่อยไหมครับ
-
6:09 - 6:13รีด: บริษัทแรกของผม
ค่อนข้างหมกมุ่นกับกระบวนการ -
6:13 - 6:14ย้อนไปช่วงทศวรรษ 1990
-
6:15 - 6:16เมื่อใดที่ผู้คนทำงานผิดพลาด
-
6:16 - 6:18เราจะพยายามสร้างกระบวนการ
ขึ้นมาควบคุม -
6:18 - 6:20เพื่อให้มั่นใจว่าข้อผิดพลาดนั้น
จะไม่เกิดขึ้นอีก -
6:20 - 6:24ซึ่งค่อนข้างจะเถรตรงเกินไป
-
6:24 - 6:27ปัญหาคือ เมื่อเราพยายามจะสร้างระบบ
ที่ป้องกันความไม่ฉลาดของผู้คน -
6:27 - 6:30กลับยิ่งมีแต่คนไม่ฉลาด
ที่อยากทำงานกับเรา -
6:31 - 6:35และหลังจากนั้น ตลาดก็เปลี่ยนไป
ในกรณีนี้คือจากภาษา C++ ไปเป็น Java -
6:35 - 6:37แต่คุณก็รู้ดี ว่ามันย่อมมี
การเปลี่ยนแปลงบางอย่าง -
6:37 - 6:39ที่บริษัทไม่สามารถปรับตัวได้
-
6:39 - 6:42และบริษัทก็ถูกซื้อไป
โดยคู่แข่งรายใหญ่สุด -
6:43 - 6:48ที่เน็ตฟลิกซ์ ผมจึงเน้นอย่างมาก
กับการทำงานโดยไม่มีกระบวนการ -
6:48 - 6:49โดยที่งานไม่โกลาหล
-
6:50 - 6:52เราได้พัฒนากลไกทั้งหมดนี้
-
6:52 - 6:55ทั้งการมีสุดยอดพนักงาน
การเห็นสอดคล้องกัน -
6:55 - 6:58การพูดได้อย่างเปิดเผย
การแบ่งปันข้อมูล -
6:58 - 7:01ภายในองค์กร ผู้คนต่างทึ่ง
กับข้อมูลมหาศาลที่แบ่งปันกัน -
7:01 - 7:03รวมทั้งกลยุทธ์หลักต่าง ๆ
-
7:03 - 7:06เราเหมือนเป็นพวก "ต่อต้านแอปเปิ้ล"
รู้ไหมว่าเขาแบ่งฝ่ายงานอย่างไร -
7:06 - 7:10เราทำตรงข้ามกันเลย นั่นคือ
ทุกคนจะได้รับข้อมูลทุกอย่าง -
7:10 - 7:13เราพยายามสร้างความรู้สึก
รับผิดชอบให้กับผู้คน -
7:13 - 7:15และความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ
-
7:15 - 7:18ผมพบว่า การตัดสินใจใหญ่ ๆ
ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ -
7:18 - 7:21ที่ผมไม่รู้มาก่อนเลย
ซึ่งดีมาก -
7:21 - 7:23และส่วนใหญ่
การตัดสินใจเหล่านั้นเกิดเป็นผลดี -
7:23 - 7:26คริส: เหมือนกับว่าคุณตื่นมา
แล้วมาอ่านเจอทางอินเทอร์เน็ต -
7:26 - 7:27รีด: ก็มีบ้าง
-
7:27 - 7:29คริส: แบบว่า อ้อ
เรากำลังบุกตลาดจีน -
7:29 - 7:30รีด: ใช่ นั่นเป็นก้าวใหญ่อันหนึ่ง
-
7:31 - 7:37คริส: และคุณอนุญาตให้พนักงาน
กำหนดวันลาพักร้อนเอง -
7:37 - 7:38นั่นมัน ..
-
7:39 - 7:41รีด: ใช่ วันลาพักร้อน
คือสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่ง -
7:42 - 7:45เพราะในทางปฏิบัติ
คนส่วนใหญ่ก็จะทำอย่างนั้นอยู่ดี -
7:45 - 7:49นั่นแหละ เรามีอิสรภาพมากมาย
-
7:50 - 7:54คริส: รวมทั้งความกล้าหาญ ซึ่งคุณอยากให้
เป็นคุณค่าพื้นฐานขององค์กร -
7:55 - 7:57รีด: ใช่เลย เราอยากให้พนักงานพูดความจริง
-
7:57 - 8:01เราพูดกันว่า "การเห็นต่างอย่างเงียบ ๆ
คือการไม่ซื่อสัตย์" -
8:02 - 8:07เราจะรับไม่ได้ หากปล่อยผ่านการตัดสินใจ
โดยที่ไม่ได้แสดงความเห็นของคุณออกมา -
8:07 - 8:09และโดยส่วนใหญ่คือ
โดยที่ไม่ได้เขียนบันทึกไว้ -
8:09 - 8:12พวกเราเน้นมาก
กับการตัดสินใจได้อย่างดี -
8:12 - 8:15ซึ่งต้องอาศัยการโต้เถียง
ที่เกิดเป็นประจำ -
8:15 - 8:18แต่เราไม่ได้โต้เถียงอย่างรุนแรง
เช่น ตะโกนด่ากัน -
8:18 - 8:19ไม่ใช่แบบนั้น
-
8:19 - 8:22ความสงสัยใคร่รู้
ทำให้ผู้คนแสดงความเห็น -
8:23 - 8:26คริส: คุณยังมีอาวุธลับอีกอย่าง
ที่เน็ตฟลิกซ์ -
8:26 - 8:29นั่นคือคลังข้อมูลมหาศาล
-
8:29 - 8:32เราได้ยินมาในช่วงสัปดาห์นี้
-
8:32 - 8:36ว่าคุณกำลังเดินหน้าทำสิ่งที่น่าทึ่ง
-
8:36 - 8:38โดยสร้างอัลกอริธึม หรือกลไกคำนวณ
อันชาญฉลาดที่เน็ตฟลิกซ์ -
8:38 - 8:42ย้อนไปก่อนหน้า คุณเปิดกลไกคำนวณ
ให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็น -
8:42 - 8:46และประกาศว่า "ถ้ามีใคร
สร้างระบบแนะนำเนื้อหาได้ดีกว่าเรา -
8:46 - 8:48เราจะให้รางวัลหนึ่งล้านเหรียญ"
-
8:48 - 8:49และคุณก็จ่ายจริง ๆ
-
8:49 - 8:52สำหรับกลไกคำนวณ
ที่ดีกว่าของคุณ 10 เปอร์เซ็นต์ -
8:52 - 8:53รีด: ถูกต้องครับ
-
8:53 - 8:55คริส: ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีไหม
จะทำอีกหรือเปล่า -
8:55 - 8:59รีด: มันน่าตื่นเต้นมาก ตอนนั้นคือปี 2007
-
8:59 - 9:01แต่เราก็ไม่ได้ทำแบบนั้นอีก
-
9:01 - 9:03ชัดเจนว่ามันเป็นเครื่องมือที่
ออกแบบเป็นพิเศษมาก ๆ -
9:04 - 9:07ผมมองว่ามันเป็นโชคในจังหวะเวลาที่ดี
-
9:07 - 9:09ไม่ได้เป็นแนวทางการทำงานปกติ
-
9:10 - 9:14เราลงทุนไปเยอะมากในกลไกคำนวณ
-
9:14 - 9:17เพื่อให้เราแนะนำเนื้อหาได้ลงตัว
กับแต่ละคน -
9:17 - 9:20เพื่อให้สนุกและง่ายในการค้นหา
-
9:20 - 9:24คริส: ที่คุณทำ เหมือนเป็น
การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ -
9:24 - 9:25ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้
-
9:25 - 9:30คุณถามผู้คนว่า
"คุณคิดอย่างไรกับภาพยนตร์ 10 เรื่องนี้" -
9:30 - 9:33"เรื่องไหนที่คุณว่าดีที่สุด"
-
9:33 - 9:38และพยายามจับคู่ภาพยนตร์เหล่านั้น
กับคำแนะนำภาพยนตร์เรื่องใหม่ -
9:38 - 9:40แต่คุณก็เปลี่ยนวิธีไปจากนั้น
-
9:40 - 9:41เล่าให้พวกเราฟังหน่อยครับ
-
9:41 - 9:42รีด: ได้เลยครับ
-
9:42 - 9:45ทุกคนจะให้คะแนน "ชินเลอร์ส์ลิสต์"
ในระดับ 5 ดาว -
9:45 - 9:49และให้คะแนน "เดอะดูโอเวอร์"
ของอดัม แซนด์เลอร์ แค่ 3 ดาว -
9:49 - 9:52แต่สิ่งที่คุณเปิดดูจริง ๆ
ในช่วงสุดสัปดาห์ -
9:52 - 9:54เกือบทั้งหมดจะเป็นของอดัม แซนด์เลอร์
-
9:54 - 9:59สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เมื่อคุณคิดวิเคราะห์ถึงคุณภาพ
-
9:59 - 10:01มันจะคล้าย ๆ กับความทะเยอะทะยานส่วนตัว
-
10:02 - 10:04แต่การเอาใจผู้ใช้งานได้ดีกว่านั้น
-
10:05 - 10:07คือการพิจารณาสิ่งที่ผู้ใช้งาน
เลือกจริง ๆ -
10:07 - 10:12พวกเขาแสดงออกว่า
ชื่นชอบความบันเทิงในแบบง่าย ๆ -
10:12 - 10:15คริส: ผมขอเวลาสัก 2-3 นาที
พูดถึงเรื่องนี้ -
10:15 - 10:18เพราะผมสนใจประเด็นนี้มาก
ไม่ใช่กับแค่เน็ตฟลิกซ์ -
10:18 - 10:20แต่เป็นภาพรวมของอินเทอร์เน็ต
-
10:20 - 10:22ความแตกต่างระหว่างคุณค่า
ในอุดมคติ -
10:22 - 10:25กับสิ่งที่แสดงออกจริง
-
10:25 - 10:28ซึ่งคุณฉลาดมากที่ไม่สนใจ
กับสิ่งที่ผู้คนพูดมากนัก -
10:28 - 10:32แต่สังเกตสิ่งที่ผู้คนทำ
จนค้นพบสิ่งนั้น -
10:32 - 10:36"สุดยอดมาก ผมไม่เคยคิดว่าจะชอบดู
รายการทำอาหารแนวใหม่ -
10:36 - 10:38ที่ชื่อ "เนลด์อิต"
-
10:38 - 10:39รีด: มันชื่อ "เนลด์อิต" ใช่มั้ย
-
10:39 - 10:42คริส: มันตลกมาก ผมไม่เคยคิดมาก่อน
-
10:42 - 10:44แต่มันอาจจะมีความเสี่ยงหรือไม่
-
10:44 - 10:49หากเราทำตามสิ่งที่ระบบค้นพบ
จากพฤติกรรมคนดูมากเกินไป -
10:49 - 10:52รีด: พวกเรายินดีมาก ที่ทำให้ผู้คนมีความสุข
-
10:52 - 10:56บางครั้งคุณก็อยากผ่อนคลาย
และดูรายการอย่าง "เนลด์อิต" -
10:57 - 10:59ซึ่งสนุก ไม่เครียด
-
10:59 - 11:02แต่ในบางเวลา ผู้คนก็อยากดูรายการที่เข้มข้น
-
11:02 - 11:05"มัดบาวน์" ได้รับการเสนอชื่อ
ชิงออสการ์ -
11:05 - 11:07มันเป็นรายการที่ยอดเยี่ยมและเข้มข้น
-
11:08 - 11:12ผู้คนรับชม "มัดบาวน์" รวมกันมากกว่า
20 ล้านชั่วโมง -
11:12 - 11:16ซึ่งเป็นตัวเลขที่มหาศาล
กว่าการฉายในโรงภาพยนตร์ -
11:16 - 11:17หรือช่องทางใด ๆ
-
11:17 - 11:21เรามีทั้งรายการที่เหมือนขนมหวาน
แต่ก็มีรายการที่เป็นผักมีประโยชน์มากมาย -
11:21 - 11:26และถ้าคุณได้รับในสัดส่วนที่พอดี
คุณก็ได้บริโภคถูกหลักโภชนาการ -
11:26 - 11:28คริส: ใช่เลย
-
11:28 - 11:33แต่จะเป็นไปได้ไหมที่กลไกคำนวณ
จะพาคนดูออกไปจากผักมีประโยชน์ -
11:33 - 11:34ไปหาแต่ขนมหวาน
-
11:34 - 11:35ถ้าคุณไม่จัดการให้ดี
-
11:35 - 11:38เราเพิ่งคุยกันถึงยูทิวบ์ ที่กลไกคำนวณ
-
11:38 - 11:41ที่ฉลาดมากขึ้น
-
11:41 - 11:46มีแนวโน้มที่จะพาคนไปชมเนื้อหาที่สุดโต่ง
หรือจำเพาะเจาะจงมากขึ้น -
11:46 - 11:49จึงจินตนาการได้ไม่ยาก
ว่ากลไกคำนวณของเน็ตฟลิกซ์ -
11:49 - 11:53จากค่าพฤติกรรมต่าง ๆ
ที่ระบบค้นพบ จะค่อย ๆ -
11:53 - 11:54รีด: ก็เป็นไปได้
-
11:54 - 11:58คริส: พวกเราคงเคยรับชม
เนื้อหาวาบหวิวที่มีความรุนแรง -
11:58 - 11:59หรือบางคนก็อาจจะเคย
-
11:59 - 12:01แต่ว่า
-
12:01 - 12:03(เสียงหัวเราะ)
-
12:03 - 12:04ไม่ใช่ผม
-
12:05 - 12:08ผมเป็นเด็กไร้เดียงสา
ไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงเรื่องพวกนี้ -
12:08 - 12:09แต่
-
12:09 - 12:10(เสียงหัวเราะ)
-
12:10 - 12:12แต่มันก็เป็นไปได้ใช่ไหม
-
12:13 - 12:16รีด: ในทางปฏิบัติ คุณพูดถูก
ที่เราไม่ควรอิงตามกลไกคำนวณอย่างเดียว -
12:16 - 12:18มีส่วนผสมของความเห็นกับสิ่งที่เรายึดถือ
-
12:18 - 12:20และเราเป็นผู้คัดสรรเนื้อหามาบริการ
-
12:20 - 12:22เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการ
อย่างเฟซบุ๊คหรือยูทิวบ์ -
12:22 - 12:25เรามีประเด็นที่ต้องคิดน้อยกว่า
-
12:25 - 12:30ซึ่งก็คือ อะไรคือเนื้อหาอันยอดเยี่ยม
ที่เราจะได้มา -
12:30 - 12:33แต่ในมุมมองนั้น กลไกคำนวณก็เป็นเครื่องมือ
-
12:34 - 12:39คริส: จอห์น ดูเออร์เพิ่งพูดถึง
การประเมินสิ่งที่ควรประเมิน -
12:39 - 12:42สำหรับธุรกิจ สิ่งที่ควรประเมิน ผมคิดว่า
-
12:42 - 12:44คือการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการ
-
12:44 - 12:48ซึ่งผมคิดว่า
เป็นข้อได้เปรียบที่แตกต่างของคุณ -
12:49 - 12:55ฐานผู้ใช้บริการเติบโตขึ้นตามระยะเวลา
ที่เขาใช้ไปกับเน็ตฟลิกซ์หรือเปล่า -
12:56 - 12:57ทำให้พวกเขา
ยังคงใช้บริการต่อหรือไม่ -
12:58 - 13:02หรือเป็นผลจากการมีรายการ
-
13:02 - 13:04ที่ไม่ต้องใช้เวลามาก
-
13:04 - 13:07อย่างเช่นการชมรายการ
"เนลด์อิต" จบทั้งชุด หรืออะไรก็ตาม -
13:07 - 13:09ซึ่งเป็นเนื้อหาที่เข้าถึงได้มากกว่า
พวกเขาอาจจะคิดว่า -
13:09 - 13:12"เรื่องนี้มันอิ่มใจ
เรื่องนั้นมันสุดยอด -
13:12 - 13:14ฉันดีใจที่ได้ดูเรื่องนี้
ร่วมกับครอบครัว" -
13:14 - 13:17ที่ว่ามานั้นเป็นแนวทางหนึ่ง
ของรูปแบบธุรกิจหรือไม่ -
13:17 - 13:19ที่ซึ่งมีปริมาณเนื้อหาน้อยกว่า
แต่ได้รับอรรถรสมากกว่า -
13:19 - 13:22หรืออาจจะเป็นเนื้อหาจรรโลงใจ
-
13:23 - 13:25รีด: และผู้คนก็เลือกชม
เนื้อหาที่จรรโลงใจ -
13:25 - 13:28คุณคิดถูกแล้ว
คือเมื่อผู้คนพูดถึงเน็ตฟลิกซ์ -
13:28 - 13:30เขาจะพูดถึงรายการ
ที่ทำให้เขาฉุกคิด -
13:30 - 13:33"13 รีซันส์วาย" หรือ "เดอะคราวน์"
-
13:33 - 13:36ล้วนแต่ส่งผลกระทบด้านบวก
อย่างมากมาย -
13:36 - 13:39แม้แต่การเติบโต
ของฐานผู้ใช้บริการที่คุณพูดถึง -
13:39 - 13:41ที่มาจากรายการใหญ่และน่าจดจำเหล่านั้น
-
13:41 - 13:43แต่สิ่งที่เราอยากทำ
คือการนำเสนอความหลากหลาย -
13:43 - 13:47คุณไม่อยากดูเนื้อหาแบบเดิม ๆ ทุกคืน
ต่อให้เป็นเนื้อหาที่คุณชอบก็ตาม -
13:47 - 13:48คุณอยากลองดูเนื้อหาที่ต่างกันไป
-
13:48 - 13:50ซึ่งเราไม่พบว่าผู้ชม
-
13:51 - 13:54ชอบเนื้อหาวาบหวิวที่มีความรุนแรง
-
13:54 - 13:57กลับกัน เราพบว่ามีการรับชม
เนื้อหาที่หลากหลาย -
13:57 - 14:01"แบล็กมิลเรอร์" ตอนนี้เรากำลังถ่ายทำภาค 5
-
14:02 - 14:05ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไปได้ไม่สวย
ตอนที่ยังฉายทางบีบีซีเท่านั้น -
14:05 - 14:08แต่กับรูปแบบการเผยแพร่แบบตามสั่ง
-
14:08 - 14:11คุณสามารถผลิตรายการที่
ใหญ่กว่ามาก ๆ ได้ -
14:11 - 14:14คริส: คุณจะบอกว่ามนุษย์
สามารถเสพติดได้ -
14:14 - 14:16โดยทั้งเทพและมารของเขาเอง
-
14:16 - 14:20รีด: แต่ก็นั่นแหละ
เราพยายามไม่คิดถึงคำว่าเสพติด -
14:20 - 14:22แต่เราคิดถึงมันในด้านที่ว่า
-
14:22 - 14:26คุณจะทำอะไรเมื่อคุณอยากจะพักผ่อน
-
14:26 - 14:30คุณสามารถเปิดทีวีทั่วไป เล่นวิดีโอเกมส์
หรือดูยูทิวบ์ -
14:30 - 14:31หรือคุณอาจจะดูเน็ตฟลิกซ์
-
14:31 - 14:35และถ้าเราจะทำตัวเองให้ดีเท่าที่จะทำได้
ซึ่งเรามีเนื้อหาที่หลากหลาย -
14:35 - 14:37ผู้คนก็จะเลือกรับชมเรามากขึ้น
-
14:37 - 14:41คริส: แต่ในองค์กรของคุณ
ก็มีคน -
14:41 - 14:46ที่คอยติดตามต่อเนื่อง
ถึงผลกระทบ -
14:46 - 14:49จากสุดยอดกลไกการคำนวณ
ที่คุณสร้างขึ้น -
14:49 - 14:50แค่เพื่อให้รู้เท่าทันว่า
-
14:50 - 14:53"เราแน่ใจไหมว่านี่คือทิศทาง
ที่เราอยากไป" -
14:54 - 14:56รีด: ผมคิดว่าพวกเราได้เรียนรู้
-
14:56 - 14:59แล้วคุณก็จะรู้สึกถ่อมตัวและพูดว่า
"เห็นมั้ย ไม่มีเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบ" -
14:59 - 15:03กลไกการคำนวณก็เป็นส่วนหนึ่ง
มีเรื่องวิธีการผลิตเนื้อหาต่าง ๆ -
15:03 - 15:05และก็ยังมีด้านความสัมพันธ์
กับสังคมต่าง ๆ -
15:06 - 15:08มีหลายประเด็น
ที่เราต้องพิจารณา -
15:08 - 15:12ถ้าคุณหมกมุ่นเกินไป
กับการ "เพิ่มยอดรับชม" -
15:12 - 15:13หรือ "เพิ่มผู้ใช้บริการ"
-
15:14 - 15:18ก็เป็นไปได้ยากที่จะเติบโต
หรือเป็นบริษัทยิ่งใหญ่อย่างที่ต้องการ -
15:18 - 15:21เราคิดว่าความสำเร็จ
ประเมินได้จากหลากปัจจัย -
15:21 - 15:24คริส: พูดถึงกลไกการคำนวณ
ที่เป็นประเด็นขึ้นมา -
15:24 - 15:26คุณเองเป็นกรรมการของเฟซบุ๊ค
-
15:26 - 15:30และคุณก็ให้คำแนะนำกับมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
-
15:31 - 15:36เราควรรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ
มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ที่ผู้คนยังไม่รู้ -
15:37 - 15:40รีด: หลายคนรู้จักเขา หรือเคยเจอเขามาแล้ว
-
15:40 - 15:42ผมหมายถึง เขาเป็นคนพิเศษ
-
15:42 - 15:44เป็นคนชั้นนำอย่างแท้จริง
-
15:44 - 15:50และเครือข่ายสังคม ไม่ว่าจะเป็นยูทิวบ์
หรือเฟซบุ๊ค -
15:50 - 15:53ก็ชัดเจนว่ามีความพยายาม
ที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว -
15:53 - 15:55ซึ่งจะเห็นได้จากเทคโนโลยีใหม่ต่าง ๆ
-
15:55 - 15:58อย่างเมื่อวานนี้ที่เราพูดถึง
ดีเอ็นเอที่พิมพ์ออกมาได้ -
15:58 - 16:02ซึ่งมันมีทั้งด้านยอดเยี่ยมและด้านน่ากลัว
-
16:02 - 16:04เทคโนโลยีใหม่เหล่านี้
-
16:04 - 16:07เช่นโทรทัศน์ที่เริ่มเป็นที่นิยมในสหรัฐ
ในยุคปี 2500 เศษ ๆ -
16:08 - 16:10มันถูกเรียกว่า "ดินแดนรกร้างอันกว้างใหญ่"
-
16:10 - 16:13และโทรทัศน์จะทำลายความคิดผู้คน
-
16:13 - 16:15แต่ความคิดผู้คนก็ยังเป็นปกติดี
-
16:15 - 16:17มันมีการปรับตัวเกิดขึ้น
-
16:17 - 16:20แต่ผมมองว่า
-
16:20 - 16:22เทคโนโลยีใหม่มีทั้งด้านบวกและลบ
-
16:23 - 16:25สำหรับสื่อสังคมออนไลน์
เราเพิ่งเข้าใจมัน -
16:25 - 16:28คริส: คณะกรรมการบริหารของเฟซบุ๊ค
ให้ความสำคัญแค่ไหน -
16:28 - 16:30กับการพิจารณาประเด็นเหล่านี้
-
16:30 - 16:32หรือเชื่อว่า จริง ๆ แล้ว
-
16:32 - 16:35บริษัทถูกวิจารณ์ในแง่ลบเกินไป
-
16:35 - 16:37รีด: เฟซบุ๊คไม่ได้ถูกปฏิบัติ
อย่างเกินเลยไปทั้งหมด -
16:37 - 16:40ซึ่งมาร์คก็เป็นผู้นำในการ
ปรับปรุงเฟซบุ๊ค -
16:40 - 16:43และเขาจริงจังกับเรื่องนี้อย่างมาก
-
16:45 - 16:47คริส: รีด ผมอยากพูดถึงความมุ่งมั่น
อีกด้านของคุณ -
16:47 - 16:52คุณบริหารเน็ตฟลิกซ์ได้อย่างดีเลิศ
คุณเป็นมหาเศรษฐี -
16:52 - 16:57และคุณทุ่มเทเวลาและเงินทองจำนวนมาก
ไปกับการศึกษา -
16:57 - 16:58รีด: ใช่ครับ
-
16:58 - 17:01คริส: ทำไมต้องเป็นด้านการศึกษา
และตอนนี้คุณทำอะไรอยู่บ้าง -
17:01 - 17:05รีด: ทันทีที่จบปริญญาตรี
ผมไปเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ ม.ปลาย -
17:05 - 17:09ต่อมาผมก็ทำธุรกิจ
และกลายมาเป็นนักสังคมสงเคราะห์ -
17:09 - 17:11ผมคิดว่าผมเอียงไปในด้านการศึกษา
-
17:12 - 17:14และพยายามสร้างความแตกต่าง
ให้เกิดขึ้น -
17:14 - 17:16และเรื่องสำคัญที่ผมค้นพบก็คือ
-
17:16 - 17:19นักการศึกษาอยากทำงาน
กับนักการศึกษาคนอื่น ๆ ที่มีฝีมือ -
17:19 - 17:22เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่มีเอกลักษณ์
ในหลายด้านให้กับเยาวชน -
17:22 - 17:25ระบบของเราต้องการความหลากหลาย
-
17:25 - 17:26มากกว่าที่เรามีตอนนี้
-
17:26 - 17:30และต้องการองค์กรการศึกษา
ที่เน้นนักการศึกษามากกว่านี้ -
17:30 - 17:32ปัญหาที่ซับซ้อน คือ ขณะนี้ในสหรัฐฯ
-
17:32 - 17:36หลายโรงเรียน
ถูกบริหารโดยคณะกรรมการท้องถิ่น -
17:36 - 17:39และโรงเรียนต้องบรรลุความต้องการ
ที่หลากหลายในชุมชน -
17:39 - 17:42และสิ่งที่เราต้องการคือ
ความหลากหลายยิ่ง ๆ ขึ้นไป -
17:42 - 17:45ในสหรัฐฯ มีโรงเรียนรัฐบาล
อยู่รูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า -
17:45 - 17:48โรงเรียนรัฐบาลที่เป็นอิสระ
ซึ่งบริหารโดยองค์กรไม่แสวงกำไร -
17:48 - 17:50และผมให้ความสำคัญกับ
โรงเรียนลักษณะนี้มาก -
17:50 - 17:52เพราะถ้าเรามีโรงเรียน
ที่บริหารโดยองค์กรไม่แสวงกำไร -
17:52 - 17:56โรงเรียนเหล่านั้นจะมีเป้าหมายชัดเจน
และดูแลนักการศึกษาได้ดี -
17:56 - 17:59ผมเป็นกรรมการเครือโรงเรียนรัฐบาล
ที่เป็นอิสระ KIPP -
17:59 - 18:00ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายขนาดใหญ่
-
18:01 - 18:06เยาวชน 30,000 คนต่อปี ได้รับการศึกษา
ที่กระตุ้นการเรียนรู้อย่างมาก -
18:06 - 18:10คริส: วาดภาพให้ผมเข้าใจหน่อย
ว่าโรงเรียนควรเป็นอย่างไร -
18:10 - 18:11รีด: ขึ้นอยู่กับเด็ก ๆ
-
18:11 - 18:14คิดในแง่ว่า เมื่อมีเด็กหลากหลาย
ก็มีความต้องการที่หลากลาย -
18:14 - 18:16ที่จะต้องบรรลุ
-
18:16 - 18:17จึงไม่มีตัวแบบตายตัว
เพียงอย่างเดียว -
18:17 - 18:19ซึ่งคุณอยากจะสามารถเลือกได้
-
18:19 - 18:21ขึ้นอยู่กับเด็กและ
สิ่งที่คุณคิดว่าเด็กจะต้องการ -
18:21 - 18:25ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับผู้สอน
รวมถึงการตั้งคำถามและกระตุ้นให้เรียนรู้ -
18:25 - 18:26ประมาณนั้น
-
18:26 - 18:29ซึ่งการที่เด็ก ป.5
กว่า 30 คน -
18:29 - 18:31ต้องเรียนสิ่งเดียวกัน
ในเวลาเดียวกัน -
18:31 - 18:34ทำให้ภาพยุคอุตสาหกรรม
ชัดขึ้นมาทันที -
18:34 - 18:38แต่การเปลี่ยนแปลงภายใต้
โครงสร้างรัฐบาลปัจจุบัน -
18:38 - 18:39เป็นไปได้ยากมาก
-
18:39 - 18:45แต่กระนั้น โรงเรียนแนวใหม่เหล่านี้
ก็กำลังผลักดัน -
18:45 - 18:48ให้เด็ก ๆ ได้ลองสิ่งใหม่
-
18:48 - 18:51มองว่าเป็นการปฏิรูป
การกำกับดูแล -
18:51 - 18:52ที่องค์กรไม่แสวงหากำไร
-
18:52 - 18:55สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง
ทางการศึกษาได้ -
18:56 - 19:00คริส: บางครั้งเราพบว่ามีคำวิจารณ์
ว่าโรงเรียนแบบนี้ -
19:00 - 19:02ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
-
19:02 - 19:05กำลังดึงทรัพยากร
ออกไปจากระบบการศึกษาภาครัฐ -
19:05 - 19:07เราควรกังวลในเรื่องนี้ไหม
-
19:07 - 19:08รีด: พวกเขาคือโรงเรียนรัฐ
-
19:08 - 19:11ผมหมายความว่า
มีโรงเรียนรัฐหลายรูปแบบ -
19:12 - 19:14แต่ถ้าคุณดูที่ภาพรวม
ของโรงเรียนรัฐที่เป็นอิสระ -
19:14 - 19:16โรงเรียนเหล่านี้เปิดโอกาส
ให้เด็กที่บ้านรายได้น้อย -
19:16 - 19:19เพราะหากเด็กที่บ้านฐานะดี
เกิดปัญหาในการเรียน -
19:19 - 19:21ผู้ปกครองก็จะพาเข้า
โรงเรียนเอกชน -
19:21 - 19:22หรือย้ายบ้านไป
-
19:22 - 19:25ขณะที่ครอบครัวรายได้น้อย
ไม่มีทางเลือกนี้ -
19:26 - 19:30สำหรับ KIPP เด็กที่ฐานะทางบ้านไม่ดี
กว่าร้อยละ 80 มีอาหารกลางวันฟรีหรือราคาต่ำ -
19:30 - 19:33ขณะที่อัตราการได้เข้าเรียนต่อ
ในระดับอุดมศึกษาน่าทึ่งมาก -
19:34 - 19:36คริส: รีด เมื่อสองสามปีก่อน
คุณสัญญาว่าจะบริจาค -
19:36 - 19:39ทรัพย์สินเกินครึ่งของคุณ
-
19:39 - 19:41ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
-
19:41 - 19:44อยากรู้ว่าคุณบริจาคเพื่อการศึกษา
ไปแล้วแค่ไหน -
19:44 - 19:45ในช่วงสองสามปีมานี้
-
19:45 - 19:49รีด: หลายร้อยล้านเหรียญ
ผมไม่แน่ใจว่ากี่ร้อยล้านเหรียญ -
19:49 - 19:51แต่เราก็ยังทำต่อไปเรื่อย ๆ
-
19:51 - 19:52(เสียงปรบมือ)
-
19:52 - 19:53ขอบคุณครับ
-
19:53 - 19:55(เสียงปรบมือ)
-
19:55 - 20:00ไม่นานมานี้ ในช่วงเวลาสั้น ๆ
ผมลองเข้าวงการการเมืองแบบเต็มตัว -
20:00 - 20:01ทำงานกับ จอห์น ดูเออร์
-
20:01 - 20:05แต่แม้ผมจะรักการทำงานกับจอห์น
เส้นทางการเมืองของผมไม่รุ่งนัก -
20:05 - 20:08ผมรักธุรกิจ ผมรักการแข่งขัน
-
20:08 - 20:11ผมรักที่จะไล่ตามดีสนีย์และเอชบีโอ
-
20:11 - 20:12(เสียงหัวเราะ)
-
20:12 - 20:13นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมเดินหน้า
-
20:13 - 20:17ผมทำเพื่อจะเพิ่มมูลค่าให้เน็ตฟลิกซ์
-
20:17 - 20:20ซึ่งสุดท้ายจะทำให้ผมบริจาค
เพื่อโรงเรียนได้มากขึ้น -
20:20 - 20:23ดังนั้นในตอนนี้
ผมคิดว่ามันเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบ -
20:24 - 20:27คริส: รีด คุณเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยม
คุณได้เปลี่ยนชีวิตของพวกเราทุกคน -
20:27 - 20:29และชีวิตของเด็กอีกหลายคน
-
20:29 - 20:31ขอบคุณมากที่ให้เกียรติมาที่ TED ครับ
-
20:31 - 20:36(เสียงปรบมือ)
- Title:
- เน็ตฟลิกซ์เปลี่ยนวงการบันเทิงไปอย่างไร และกำลังมุ่งหน้าไปทางไหน
- Speaker:
- รีด ฮาสติ้งส์
- Description:
-
เน็ตฟลิกซ์ได้เปลี่ยนโลกวงการบันเทิง เริ่มจากการส่งดีวีดีทางไปรษณีย์ เป็นถ่ายทอดเนื้อหาออนไลน์ มาจนถึงการสร้างเนื้อหายอดนิยมอย่าง "ออเรจน์อีสเดอะนิวแบล็ก" และ "เสตรนเจอร์ธิงส์" ซึ่งทำสำเร็จได้ด้วยการยอมเสี่ยง
ในการสนทนากับคริส แอนเดอร์สัน ผู้คัดเลือกเนื้อหาของ TED กับรีด ฮาสติ้งส์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าบริหารเน็ตฟลิกซ์ ได้เล่าให้ฟังถึงวัฒนธรรมภายในองค์กรที่ห้าวหาญ กลไกประมวลข้อมูลที่ช่วยแนะนำรายการ การลงทุนสร้างเนื้อหาใหม่มูลค่า 8 พันล้านเหรียญ ตลอดจนการบริจาคการกุศลเพื่อสนับสนุนการศึกษาแนวใหม่ และอื่น ๆ อีกมากมาย
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 20:51
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for How Netflix changed entertainment -- and where it's headed | ||
Thipnapa Huansuriya approved Thai subtitles for How Netflix changed entertainment -- and where it's headed | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for How Netflix changed entertainment -- and where it's headed | ||
MeMe Kassiri accepted Thai subtitles for How Netflix changed entertainment -- and where it's headed | ||
MeMe Kassiri edited Thai subtitles for How Netflix changed entertainment -- and where it's headed | ||
MeMe Kassiri edited Thai subtitles for How Netflix changed entertainment -- and where it's headed | ||
Sakunphat Jirawuthitanant edited Thai subtitles for How Netflix changed entertainment -- and where it's headed | ||
Sakunphat Jirawuthitanant edited Thai subtitles for How Netflix changed entertainment -- and where it's headed |