1 00:00:00,000 --> 00:00:02,000 เริ่มต้นอย่างนี้ละกันค่ะ 2 00:00:02,000 --> 00:00:04,000 2-3 ปีก่อน มีผู้จัดงานคนนึงโทรมาหา 3 00:00:04,000 --> 00:00:06,000 เพราะฉันกำลังจะไปพูดบรรยาย 4 00:00:06,000 --> 00:00:08,000 เธอโทรมา แล้วบอกว่า 5 00:00:08,000 --> 00:00:10,000 "ฉันกำลังคิดไม่ตก 6 00:00:10,000 --> 00:00:12,000 ว่าจะเขียนแนะนำคุณยังไงในใบปลิวโฆษณา" 7 00:00:12,000 --> 00:00:14,000 ฉันเลยถามไปว่า "มีปัญหาตรงไหนเหรอคะ" 8 00:00:14,000 --> 00:00:16,000 เธอตอบว่า "คือ ฉันเคยฟังคุณพูด 9 00:00:16,000 --> 00:00:19,000 และคิดว่าฉันน่าจะเรียกคุณว่า'นักวิจัย' 10 00:00:19,000 --> 00:00:21,000 แต่ก็กลัวว่า ถ้าเรียกคุณว่า'นักวิจัย' แล้วจะไม่มีใครมาฟัง 11 00:00:21,000 --> 00:00:23,000 เพราะคนเขาจะคิดว่าคุณน่าเบื่อและไม่มีประโยชน์ต่อชีวิตเขา" 12 00:00:23,000 --> 00:00:25,000 (หัวเราะ) 13 00:00:25,000 --> 00:00:27,000 โอเค 14 00:00:27,000 --> 00:00:29,000 เธอบอกว่า"แต่ที่ฉันชอบเกี่ยวกับการบรรยายของคุณน่ะ 15 00:00:29,000 --> 00:00:31,000 คือความที่คุณเป็นนักเล่าเรื่อง 16 00:00:31,000 --> 00:00:34,000 ก็เลยคิดว่าเรียกคุณว่า'นักเล่าเรื่อง'แล้วกัน" 17 00:00:34,000 --> 00:00:37,000 ซึ่งแน่นอนว่า ส่วนความเป็นนักวิชาการและความไม่มั่นใจของฉัน 18 00:00:37,000 --> 00:00:39,000 ถามว่า "จะเรียกฉันว่าอะไรนะ" 19 00:00:39,000 --> 00:00:42,000 เธอบอกว่า "จะเรียกคุณว่า'นักเล่าเรื่อง'ค่ะ" 20 00:00:42,000 --> 00:00:45,000 ฉันเลย แบบว่า "ไม่เรียกว่า'ภูตน้อยมหัศจรรย์'ไปซะเลยล่ะ" 21 00:00:45,000 --> 00:00:48,000 (หัวเราะ) 22 00:00:48,000 --> 00:00:51,000 ฉันก็บอกว่า "เดี๋ยวขอคิดแป๊บนึง" 23 00:00:51,000 --> 00:00:54,000 ฉันพยายามจะควานหาความกล้าในตัวเอง 24 00:00:54,000 --> 00:00:57,000 แล้วก็คิดว่า ฉันเป็นนักเล่าเรื่องจริงๆ 25 00:00:57,000 --> 00:00:59,000 ฉันเป็นนักวิจัยเชิงคุณภาพ 26 00:00:59,000 --> 00:01:01,000 ฉันรวบรวมเรื่องราว นั่นคือสิ่งที่ฉันทำ 27 00:01:01,000 --> 00:01:04,000 แล้วบางที เรื่องราวเหล่านั้นก็คือข้อมูลที่มีจิตวิญญาณ 28 00:01:04,000 --> 00:01:06,000 บางที ฉันอาจจะเป็นแค่นักเล่าเรื่องจริงๆ 29 00:01:06,000 --> 00:01:08,000 ฉันเลยบอกเธอไปว่า "เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ 30 00:01:08,000 --> 00:01:11,000 คุณเรียกฉันว่า'นักวิจัย-เล่าเรื่อง'แล้วกัน" 31 00:01:11,000 --> 00:01:14,000 เธอตอบว่า "ฮาฮา คนแบบนั้นไม่มีในโลกหรอกค่ะ" 32 00:01:14,000 --> 00:01:16,000 (หัวเราะ) 33 00:01:16,000 --> 00:01:18,000 ค่ะ ฉันเป็นนักวิจัย-เล่าเรื่อง 34 00:01:18,000 --> 00:01:20,000 ที่จะมาบรรยายในวันนี้ 35 00:01:20,000 --> 00:01:22,000 เพราะเราพูดถึงการเปิดกว้างทางการเรียนรู้กันบ่อยๆ 36 00:01:22,000 --> 00:01:24,000 ฉันเลยอยากจะพูดกับพวกคุณ และเล่าเรื่องบางเรื่อง 37 00:01:24,000 --> 00:01:27,000 เกี่ยวกับงานวิจัยของฉันชิ้นหนึ่ง 38 00:01:27,000 --> 00:01:30,000 ที่เปลี่ยนพื้นฐานความเข้าใจของฉัน 39 00:01:30,000 --> 00:01:33,000 มันยังได้เปลี่ยนวิธีที่ฉันใช้ชีวิต และรัก 40 00:01:33,000 --> 00:01:35,000 และทำงาน และเลี้ยงลูก 41 00:01:35,000 --> 00:01:37,000 นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องค่ะ 42 00:01:37,000 --> 00:01:40,000 ตอนที่ฉันยังเป็นนักวิจัยอายุน้อย เป็นนักศึกษาปริญญาเอก 43 00:01:40,000 --> 00:01:42,000 ปีแรก มีศาสตราจารย์วิจัยคนนึง 44 00:01:42,000 --> 00:01:44,000 ที่พูดกับพวกเราว่า 45 00:01:44,000 --> 00:01:46,000 "มันเป็นอย่างนี้ 46 00:01:46,000 --> 00:01:49,000 ถ้าคุณวัดมันไม่ได้ มันไม่มีอยู่จริง" 47 00:01:49,000 --> 00:01:52,000 ฉันคิดว่าเขาล้อเล่นกับฉันไปอย่างนั้น 48 00:01:52,000 --> 00:01:55,000 ฉันว่า"จริงเหรอ" เขาก็ว่า"แน่นอน" 49 00:01:55,000 --> 00:01:57,000 คุณต้องเข้าใจนะคะ 50 00:01:57,000 --> 00:01:59,000 ว่าฉันจบป.ตรีสาขาสังคมสงเคราะห์ ป.โทสาขาสังคมสงเคราะห์ 51 00:01:59,000 --> 00:02:01,000 และตอนนั้นกำลังเรียนป.เอกสาขาสังคมสงเคราะห์ 52 00:02:01,000 --> 00:02:03,000 ตลอดเส้นทางการศึกษาของฉัน 53 00:02:03,000 --> 00:02:05,000 ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน 54 00:02:05,000 --> 00:02:07,000 ที่เชื่อประมาณว่า 55 00:02:07,000 --> 00:02:10,000 "ชีวิตมันยุ่งเหยิง ทำใจรักมันซะ" 56 00:02:10,000 --> 00:02:12,000 แต่ฉันออกจะเป็นแบบ "ชีวิตมันยุ่งเหยิง 57 00:02:12,000 --> 00:02:15,000 ก็สะสางเสียสิ จัดการให้เรียบร้อย 58 00:02:15,000 --> 00:02:17,000 แล้วก็จัดลงไปในกล่องข้าวแบบญี่ปุ่น" 59 00:02:17,000 --> 00:02:19,000 (หัวเราะ) 60 00:02:19,000 --> 00:02:22,000 ฉันเลยคิดว่าหาพรหมลิขิตของตัวเองเจอแล้ว 61 00:02:22,000 --> 00:02:25,000 พบกับอาชีพที่เหมาะกับฉัน 62 00:02:25,000 --> 00:02:28,000 จริงๆนะคะ มีประโยคที่พูดกันบ่อยในวงการสังคมสงเคราะห์ 63 00:02:28,000 --> 00:02:31,000 "ใช้ความลำบากของงานมาเป็นกำลัง" 64 00:02:31,000 --> 00:02:34,000 แต่ฉันเป็นพวก "ต่อยความลำบากให้หน้าหงาย 65 00:02:34,000 --> 00:02:36,000 ผลักออกไปให้พ้นทาง แล้วก็ได้เกรดAทุกตัว" 66 00:02:36,000 --> 00:02:39,000 นั่นเป็นคาถาของฉันค่ะ 67 00:02:39,000 --> 00:02:41,000 ฉันก็เลยตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก 68 00:02:41,000 --> 00:02:44,000 แล้วฉันก็คิดว่า รู้อะไรมั้ย เนี่ยแหละอาชีพของฉัน 69 00:02:44,000 --> 00:02:47,000 เพราะฉันสนใจในหัวข้อที่ยุ่งเหยิง 70 00:02:47,000 --> 00:02:49,000 แต่ฉันอยากทำให้มันไม่ยุ่ง 71 00:02:49,000 --> 00:02:51,000 ฉันอยากเข้าใจมัน 72 00:02:51,000 --> 00:02:53,000 ฉันอยากจะเจาะลึกลงไปในเรื่องเหล่านั้น 73 00:02:53,000 --> 00:02:55,000 ที่ฉันรู้ว่าสำคัญ 74 00:02:55,000 --> 00:02:57,000 เพื่อจะถอดรหัสมาแสดงให้ทุกคนได้เห็น 75 00:02:57,000 --> 00:03:00,000 ที่ที่ฉันเริ่มคือเรื่อง'ความสัมพันธ์' 76 00:03:00,000 --> 00:03:03,000 เพราะเมื่อคุณเป็นนักสังคมสงเคราะห์มา 10 ปี 77 00:03:03,000 --> 00:03:05,000 สิ่งที่คุณตระหนักได้คือ 78 00:03:05,000 --> 00:03:08,000 ความสัมพันธ์เป็นเหตุผลที่เรามานั่งอยู่ตรงนี้ 79 00:03:08,000 --> 00:03:11,000 มันเป็นสิ่งที่สร้างจุดประสงค์และความหมายให้ชีวิตเรา 80 00:03:11,000 --> 00:03:13,000 นี่แหละคือคำตอบ 81 00:03:13,000 --> 00:03:15,000 ไม่ว่าคุณจะพูดกับใคร 82 00:03:15,000 --> 00:03:18,000 คนที่ทำงานเกี่ยวกับสังคมสงเคราะห์ สุขภาพจิต ทารุณกรรม หรือการถูกทอดทิ้ง 83 00:03:18,000 --> 00:03:20,000 สิ่งที่พวกเรารู้คือว่า ความสัมพันธ์ 84 00:03:20,000 --> 00:03:23,000 ความสามารถที่จะรู้สึกถึงความสัมพันธ์ 85 00:03:23,000 --> 00:03:26,000 ตามหลักชีวะและประสาทวิทยา คือปัจจัยของสิ่งมีชีวิต 86 00:03:26,000 --> 00:03:28,000 มันคือสิ่งที่ทำให้เรามาอยู่ตรงนี้ 87 00:03:28,000 --> 00:03:31,000 ฉันเลยคิดว่า รู้อะไรมั้ย ฉันจะเริ่มที่ความสัมพันธ์นี่แหละ 88 00:03:31,000 --> 00:03:34,000 คุณรู้จักสถานการณ์นั้นดี 89 00:03:34,000 --> 00:03:36,000 เวลาที่คุณได้รับการประเมินจากหัวหน้า 90 00:03:36,000 --> 00:03:39,000 แล้วหัวหน้าบอกว่าคุณทำ37อย่างได้เยี่ยมมาก 91 00:03:39,000 --> 00:03:41,000 และมีอย่างนึงที่เป็น'สิ่งที่ควรปรับปรุง' 92 00:03:41,000 --> 00:03:43,000 (หัวเราะ) 93 00:03:43,000 --> 00:03:46,000 แต่คุณก็เอาแต่คิดซ้ำๆถึงไอ้เจ้า'สิ่งที่ควรปรับปรุง'นี่ 94 00:03:47,000 --> 00:03:50,000 งานวิจัยของฉันก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน 95 00:03:50,000 --> 00:03:53,000 เพราะเวลาที่คุณถามใครๆเกี่ยวกับความรัก 96 00:03:53,000 --> 00:03:55,000 เขาจะตอบคุณด้วยเรื่องอกหัก 97 00:03:55,000 --> 00:03:57,000 เวลาคุณถามเรื่องความผูกพัน 98 00:03:57,000 --> 00:04:00,000 เขาจะเล่าถึงประสบการณ์ที่ปวดร้าวที่สุด 99 00:04:00,000 --> 00:04:02,000 ของการถูกแบ่งแยก 100 00:04:02,000 --> 00:04:04,000 และเวลาที่คุณถามเรื่องความสัมพันธ์ 101 00:04:04,000 --> 00:04:07,000 เรื่องที่เขาเล่ากลับเป็นเรื่องการตัดขาด 102 00:04:07,000 --> 00:04:10,000 แค่เพียงไม่นาน ประมาณ6สัปดาห์หลังจากเริ่มงานวิจัย 103 00:04:10,000 --> 00:04:13,000 ที่ฉันได้พบกับสิ่งไร้นิยามสิ่งนี้ 104 00:04:13,000 --> 00:04:16,000 ซึ่งช่วยเผยความลับของความสัมพันธ์ 105 00:04:16,000 --> 00:04:19,000 ในแบบที่ฉันไม่เข้าใจและไม่เคยเห็นมาก่อน 106 00:04:19,000 --> 00:04:21,000 ฉันเลยถอยออกมาจากงานวิจัย 107 00:04:21,000 --> 00:04:24,000 เพราะคิดว่าจะต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนว่าสิ่งนี้คืออะไร 108 00:04:24,000 --> 00:04:27,000 ปรากฏว่าสิ่งนี้คือความละอาย 109 00:04:27,000 --> 00:04:29,000 ความละอายจริงๆแล้วเข้าใจได้ง่ายๆว่า 110 00:04:29,000 --> 00:04:31,000 เป็นความกลัวการถูกตัดขาด 111 00:04:31,000 --> 00:04:33,000 มีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับฉันหรือเปล่า 112 00:04:33,000 --> 00:04:36,000 ที่ถ้าคนอื่นได้รู้หรือได้เห็น 113 00:04:36,000 --> 00:04:39,000 แล้วฉันจะไม่มีค่าพอสำหรับความสัมพันธ์อีกต่อไป 114 00:04:39,000 --> 00:04:41,000 ความรู้สึกแบบนี้ ฉันบอกคุณได้เลยค่ะ 115 00:04:41,000 --> 00:04:43,000 ว่ามันเป็นเรื่องปกติมาก เรามีกันทุกคน 116 00:04:43,000 --> 00:04:45,000 คนที่ไม่รู้จักความละอาย 117 00:04:45,000 --> 00:04:47,000 จะไม่สามารถรู้สึกเห็นใจเพื่อนมนุษย์หรือว่าเข้าใจความสัมพันธ์ได้ 118 00:04:47,000 --> 00:04:49,000 ไม่มีใครอยากจะพูดถึงเรื่องนี้ 119 00:04:49,000 --> 00:04:52,000 และยิ่งพูดถึงมันน้อยลงเท่าไหร่ คุณก็จะมีมันมากขึ้นเท่านั้น 120 00:04:54,000 --> 00:04:56,000 สิ่งที่เป็นพื้นฐานของความละอาย 121 00:04:56,000 --> 00:04:58,000 หรือความคิดที่ว่า"ฉันไม่ดีพอ" 122 00:04:58,000 --> 00:05:00,000 ซึ่งเราทุกคนรู้จักดี 123 00:05:00,000 --> 00:05:02,000 "ฉันไม่อะไรพอ ฉันไม่ผอมพอ 124 00:05:02,000 --> 00:05:04,000 ไม่รวยพอ ไม่สวยพอ ไม่ฉลาดพอ 125 00:05:04,000 --> 00:05:06,000 ไม่สำคัญพอ" 126 00:05:06,000 --> 00:05:08,000 สิ่งที่เป็นต้นเหตุสำคัญ 127 00:05:08,000 --> 00:05:11,000 คือความรู้สึกอ่อนแออย่างรุนแรง 128 00:05:11,000 --> 00:05:13,000 ความคิดที่ว่า 129 00:05:13,000 --> 00:05:15,000 เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์ 130 00:05:15,000 --> 00:05:18,000 เราต้องยอมให้คนอื่นเห็นตัวตนของเรา 131 00:05:18,000 --> 00:05:20,000 ตัวตนที่แท้จริง 132 00:05:20,000 --> 00:05:23,000 คุณก็รู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับความอ่อนแอ ฉันเกลียดความอ่อนแอ 133 00:05:23,000 --> 00:05:25,000 ฉันก็เลยคิดว่า นี่เป็นโอกาส 134 00:05:25,000 --> 00:05:28,000 ที่ฉันจะใช้ไม้บรรทัดไล่ตีมันให้กระเจิง 135 00:05:28,000 --> 00:05:31,000 เป็นไงเป็นกัน ฉันจะต้องเข้าใจมันให้ได้ 136 00:05:31,000 --> 00:05:34,000 ฉันจะใช้เวลาหนึ่งปี เพื่อวิเคราะห์ชำแหละความละอาย 137 00:05:34,000 --> 00:05:36,000 จะทำความเข้าใจว่าความอ่อนแอทำงานอย่างไร 138 00:05:36,000 --> 00:05:39,000 และฉันจะเอาชนะมัน 139 00:05:39,000 --> 00:05:42,000 ค่ะ ตอนนั้นฉันรู้สึกพร้อม แล้วก็ตื่นเต้นมากๆ 140 00:05:44,000 --> 00:05:46,000 แน่ล่ะ มันไม่จบลงด้วยดีหรอก 141 00:05:46,000 --> 00:05:49,000 (หัวเราะ) 142 00:05:49,000 --> 00:05:51,000 ดูก็รู้แล้ว 143 00:05:51,000 --> 00:05:53,000 ถ้าให้ฉันพูดถึงเรื่องความละอาย 144 00:05:53,000 --> 00:05:55,000 ฉันคงพูดได้ยาวจนกินเวลาของผู้บรรยายคนอื่นๆ 145 00:05:55,000 --> 00:05:58,000 แต่นี่คือใจความสำคัญที่ฉันอยากจะบอกคุณ 146 00:05:58,000 --> 00:06:01,000 สิ่งนี้อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ฉันได้เรียนรู้ 147 00:06:01,000 --> 00:06:04,000 ตลอดทศวรรษที่ฉันทำวิจัยมา 148 00:06:04,000 --> 00:06:06,000 เวลาหนึ่งปีของฉัน 149 00:06:06,000 --> 00:06:08,000 กลายเป็นหกปี 150 00:06:08,000 --> 00:06:10,000 เรื่องราวเป็นพันๆเรื่อง 151 00:06:10,000 --> 00:06:13,000 การสัมภาษณ์ การประชุมกลุ่มย่อยเป็นร้อยๆ 152 00:06:13,000 --> 00:06:15,000 ช่วงหนึ่ง บางคนถึงกับส่งบันทึกส่วนตัวมาให้ 153 00:06:15,000 --> 00:06:18,000 และส่งเรื่องราวของพวกเขาให้ฉัน 154 00:06:18,000 --> 00:06:21,000 ข้อมูลเป็นพันๆในเวลาหกปี 155 00:06:21,000 --> 00:06:23,000 ทำให้ฉันเข้าใจระดับนึง 156 00:06:23,000 --> 00:06:25,000 ฉันเหมือนจะเข้าใจว่านี่แหละคือความละอาย 157 00:06:25,000 --> 00:06:27,000 นี่แหละคือวิธีที่มันทำงาน 158 00:06:27,000 --> 00:06:29,000 ฉันเขียนหนังสือ 159 00:06:29,000 --> 00:06:31,000 ฉันตีพิมพ์ทฤษฎี 160 00:06:31,000 --> 00:06:34,000 แต่ว่ามีบางอย่างที่มันไม่ใช่ 161 00:06:34,000 --> 00:06:36,000 และสิ่งที่ว่านั่นคือ 162 00:06:36,000 --> 00:06:38,000 ถ้าฉันนำคนที่ฉันสัมภาษณ์ 163 00:06:38,000 --> 00:06:41,000 มาแบ่งคร่าวๆโดยใช้เกณฑ์ที่ว่า 164 00:06:41,000 --> 00:06:44,000 ใครรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเอง 165 00:06:44,000 --> 00:06:46,000 นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ 166 00:06:46,000 --> 00:06:48,000 ความรู้สึกว่าตัวเองมีค่า 167 00:06:48,000 --> 00:06:51,000 พวกเขารู้สึกถึงความรักและความผูกพัน 168 00:06:51,000 --> 00:06:53,000 และอีกกลุ่มที่ต้องพยายามดิ้นรนหามัน 169 00:06:53,000 --> 00:06:55,000 คนที่มักจะสงสัยว่าตัวเองดีพอมั้ย 170 00:06:55,000 --> 00:06:57,000 มันมีแค่ตัวแปรเดียว 171 00:06:57,000 --> 00:06:59,000 ที่แยกคนที่มี 172 00:06:59,000 --> 00:07:01,000 ความรู้สึกรักและผูกพัน 173 00:07:01,000 --> 00:07:03,000 ออกจากคนที่ต้องต่อสู้เพื่อความรู้สึกเหล่านั้น 174 00:07:03,000 --> 00:07:05,000 และตัวแปรนั้นคือ คนที่รู้สึกถึง 175 00:07:05,000 --> 00:07:07,000 ความรักและความผูกพัน 176 00:07:07,000 --> 00:07:10,000 เชื่อว่าตัวเองมีค่าสำหรับความรักและความผูกพัน 177 00:07:10,000 --> 00:07:12,000 แค่นั้นเอง 178 00:07:12,000 --> 00:07:14,000 พวกเขาเชื่อว่าเขามีค่าพอ 179 00:07:15,000 --> 00:07:18,000 และสำหรับฉัน ส่วนสำคัญที่สุด 180 00:07:18,000 --> 00:07:21,000 ที่ทำให้เราขาดความสัมพันธ์ 181 00:07:21,000 --> 00:07:24,000 คือความกลัวว่าเราไม่มีค่าพอสำหรับความสัมพันธ์นั้นๆ 182 00:07:24,000 --> 00:07:26,000 ทั้งในมุมมองส่วนตัวและทางวิชาการ 183 00:07:26,000 --> 00:07:29,000 มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการเข้าใจมากขึ้น 184 00:07:29,000 --> 00:07:32,000 ฉันก็เลย 185 00:07:32,000 --> 00:07:34,000 เอาบทสัมภาษณ์ทั้งหมดมา 186 00:07:34,000 --> 00:07:37,000 ตรงไหนที่ฉันเห็นความรู้สึกมีค่า ตรงไหนที่ฉันเห็นคนใช้ชีวิตอย่างนั้น 187 00:07:37,000 --> 00:07:40,000 และดูเฉพาะตรงนั้น 188 00:07:40,000 --> 00:07:42,000 คนเหล่านี้มีอะไรเหมือนกัน 189 00:07:42,000 --> 00:07:44,000 ฉันเป็นโรคบ้าเครื่องใช้สำนักงานอยู่นิดๆค่ะ 190 00:07:44,000 --> 00:07:47,000 แต่ว่านั่นเป็นอีกการบรรยายได้อีกเรื่อง 191 00:07:47,000 --> 00:07:50,000 ฉันมีแฟ้มกระดาษมะนิลา แล้วก็มีปากกาสี 192 00:07:50,000 --> 00:07:52,000 แล้วฉันก็แบบ จะเรียกงานวิจัยนี้ว่าอะไรดีนะ 193 00:07:52,000 --> 00:07:54,000 แล้วคำแรกที่นึกออก 194 00:07:54,000 --> 00:07:56,000 คือคำว่า เต็มใจ 195 00:07:56,000 --> 00:07:59,000 คนพวกนี้เป็นคนเต็มใจ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกมีค่า 196 00:07:59,000 --> 00:08:02,000 ฉันเลยเขียนที่หัวแฟ้มกระดาษมะนิลา 197 00:08:02,000 --> 00:08:04,000 และเริ่มดูข้อมูล 198 00:08:04,000 --> 00:08:06,000 จริงๆแล้ว ฉันดูข้อมูลก่อน 199 00:08:06,000 --> 00:08:08,000 ใช้เวลาสี่วัน 200 00:08:08,000 --> 00:08:11,000 กับการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเข้มข้น 201 00:08:11,000 --> 00:08:14,000 ที่ฉันกลับไป หาข้อมูลสัมภาษณ์ หาเรื่องเล่า หาเหตุการณ์ 202 00:08:14,000 --> 00:08:17,000 อะไรคือใจความสำคัญ อะไรคือรูปแบบ 203 00:08:17,000 --> 00:08:20,000 สามีของฉันออกจากเมืองไปกับลูกๆ 204 00:08:20,000 --> 00:08:23,000 เพราะฉันมักจะเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งแบบแจ็กสัน โพลล็อก 205 00:08:23,000 --> 00:08:25,000 เวลาที่ฉันเอาแต่เขียน 206 00:08:25,000 --> 00:08:28,000 และอยู่ในอารมณ์นักวิจัย 207 00:08:28,000 --> 00:08:30,000 และนี่คือสิ่งที่ฉันค้นพบค่ะ 208 00:08:32,000 --> 00:08:34,000 สิ่งที่คนเหล่านี้มีเหมือนกัน 209 00:08:34,000 --> 00:08:36,000 คือความกล้า(courage) 210 00:08:36,000 --> 00:08:39,000 ฉันอยากจะแยกความกล้า(courage)กับความองอาจ(bravery)ก่อน 211 00:08:39,000 --> 00:08:41,000 ความกล้า(courage)ในความหมายดั้งเดิม 212 00:08:41,000 --> 00:08:43,000 เมื่อตอนที่คำนี้เข้ามาในภาษาอังกฤษตอนแรกๆ 213 00:08:43,000 --> 00:08:46,000 มันมาจากภาษาละติน cor แปลว่า หัวใจ 214 00:08:46,000 --> 00:08:48,000 และความหมายดั้งเดิม 215 00:08:48,000 --> 00:08:51,000 คือการเล่าเรื่องราวของตัวเราด้วยหัวใจทั้งดวง 216 00:08:51,000 --> 00:08:53,000 คนเหล่านี้ 217 00:08:53,000 --> 00:08:55,000 สรุปง่ายๆว่า มีความกล้า 218 00:08:55,000 --> 00:08:57,000 ที่จะบกพร่อง 219 00:08:58,000 --> 00:09:00,000 เขาเหล่านี้รู้จักรักตัวเองก่อน 220 00:09:00,000 --> 00:09:03,000 แล้วจึงเอาใจใส่คนอื่น 221 00:09:03,000 --> 00:09:06,000 เพราะความจริงที่ว่า เราไม่สามารถรักคนอื่นได้ 222 00:09:06,000 --> 00:09:09,000 ถ้าเราไม่มีความเมตตาต่อตัวเองก่อน 223 00:09:09,000 --> 00:09:11,000 และสุดท้ายคือ พวกเขามีความสัมพันธ์ 224 00:09:11,000 --> 00:09:13,000 และนี่คือส่วนที่ยาก 225 00:09:13,000 --> 00:09:16,000 เพราะความจริงใจ 226 00:09:16,000 --> 00:09:19,000 พวกเขายอมทิ้งตัวตนที่เขาคิดว่าเขาควรจะเป็น 227 00:09:19,000 --> 00:09:21,000 เพื่อจะเป็นตัวเอง 228 00:09:21,000 --> 00:09:24,000 ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ 229 00:09:24,000 --> 00:09:26,000 ในการสร้างความสัมพันธ์ 230 00:09:28,000 --> 00:09:30,000 อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกัน 231 00:09:30,000 --> 00:09:32,000 คือสิ่งนี้ 232 00:09:35,000 --> 00:09:38,000 พวกเขาเต็มใจยอมรับความอ่อนแอ 233 00:09:40,000 --> 00:09:43,000 พวกเขาเชื่อว่า 234 00:09:43,000 --> 00:09:46,000 สิ่งที่ทำให้เขาอ่อนแอ 235 00:09:46,000 --> 00:09:48,000 ทำให้เขางดงาม 236 00:09:50,000 --> 00:09:52,000 พวกเขาไม่ได้พูดถึงความอ่อนแอ 237 00:09:52,000 --> 00:09:54,000 ว่าเป็นสิ่งที่ง่ายดาย 238 00:09:54,000 --> 00:09:57,000 แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่ามันเจ็บปวด 239 00:09:57,000 --> 00:09:59,000 เหมือนจากในการสัมภาษณ์เรื่องความละอายก่อนหน้านี้ 240 00:09:59,000 --> 00:10:02,000 พวกเขาแค่บอกว่ามันจำเป็น 241 00:10:03,000 --> 00:10:05,000 พวกเขาพูดถึงความสมัครใจ 242 00:10:05,000 --> 00:10:08,000 ที่จะบอกว่า"ฉันรักคุณ"ก่อน 243 00:10:08,000 --> 00:10:11,000 ความสมัครใจ 244 00:10:11,000 --> 00:10:13,000 ที่จะทำอะไร 245 00:10:13,000 --> 00:10:16,000 ที่ไม่มีการประกันผล 246 00:10:16,000 --> 00:10:18,000 ความสมัครใจ 247 00:10:18,000 --> 00:10:20,000 ที่จะรอโทรศัพท์จากคุณหมอ 248 00:10:20,000 --> 00:10:22,000 หลังจากที่ไปตรวจมะเร็งเต้านม 249 00:10:23,000 --> 00:10:26,000 พวกเขาสมัครใจที่จะลงทุนในความสัมพันธ์ 250 00:10:26,000 --> 00:10:29,000 ที่ไม่แน่ว่าจะงอกงาม 251 00:10:29,000 --> 00:10:32,000 พวกเขาคิดว่านี่เป็นเรื่องพื้นฐาน 252 00:10:32,000 --> 00:10:35,000 ส่วนตัวแล้ว ฉันคิดว่ามันเป็นการหักหลัง 253 00:10:35,000 --> 00:10:38,000 ฉันไม่อยากเชื่อว่าฉันสาบานจะอุทิศตน 254 00:10:38,000 --> 00:10:40,000 ให้กับการวิจัยไปแล้ว 255 00:10:40,000 --> 00:10:42,000 เพราะคำนิยามของการวิจัย 256 00:10:42,000 --> 00:10:45,000 คือการควบคุมและพยากรณ์ เพื่อศึกษาปรากฏการณ์ 257 00:10:45,000 --> 00:10:47,000 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ 258 00:10:47,000 --> 00:10:49,000 ควบคุมและพยากรณ์ต่อไป 259 00:10:49,000 --> 00:10:51,000 แล้วตอนนี้ภารกิจของฉัน 260 00:10:51,000 --> 00:10:53,000 ที่จะควบคุมและพยากรณ์ 261 00:10:53,000 --> 00:10:56,000 ให้คำตอบมาว่า วิธีใช้ชีวิตคือการยอมรับความอ่อนแอ 262 00:10:56,000 --> 00:10:59,000 หยุดควบคุม หยุดพยากรณ์ 263 00:10:59,000 --> 00:11:02,000 สิ่งนี้นำไปสู่อาการประสาทเสียเล็กๆ 264 00:11:02,000 --> 00:11:06,000 (หัวเราะ) 265 00:11:06,000 --> 00:11:09,000 ซึ่งที่จริงดูเหมือนอย่างนี้มากกว่า 266 00:11:09,000 --> 00:11:11,000 (หัวเราะ) 267 00:11:11,000 --> 00:11:13,000 มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ 268 00:11:13,000 --> 00:11:16,000 ฉันเรียกมันว่าอาการป่วยทางจิต นักจิตบำบัดของฉันเรียกมันว่าการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ 269 00:11:17,000 --> 00:11:19,000 การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณฟังดูดีกว่าอาการป่วยทางจิต 270 00:11:19,000 --> 00:11:21,000 แต่ฉันยืนยันได้ค่ะ ว่ามันคืออาการป่วยทางจิต 271 00:11:21,000 --> 00:11:23,000 ฉันต้องเลิกดูข้อมูล แล้วก็หานักจิตบำบัด 272 00:11:23,000 --> 00:11:26,000 จะบอกอะไรให้ค่ะ คุณรู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร 273 00:11:26,000 --> 00:11:29,000 เมื่อโทรหาเพื่อนๆ แล้วบอกว่า "ฉันคิดว่าฉันต้องไปหานักจิตบำบัด 274 00:11:29,000 --> 00:11:32,000 มีใครแนะนำมั้ย" 275 00:11:32,000 --> 00:11:34,000 เพราะว่าเพื่อนของฉันประมาณห้าคนบอกว่า 276 00:11:34,000 --> 00:11:36,000 "อู่ย ฉันไม่อยากเป็นนักจิตบำบัดของเธอหรอก" 277 00:11:36,000 --> 00:11:39,000 (หัวเราะ) 278 00:11:39,000 --> 00:11:41,000 ฉันว่า"หมายความว่ายังไง" 279 00:11:41,000 --> 00:11:44,000 แล้วพวกเขาก็บอกว่า"เปล่า ก็นะ 280 00:11:44,000 --> 00:11:46,000 อย่าพกไม้บรรทัดไปด้วยแล้วกัน" 281 00:11:46,000 --> 00:11:49,000 ฉันก็เลย"โอเค" 282 00:11:51,000 --> 00:11:53,000 หลังจากฉันก็หานักจิตบำบัดเจอ 283 00:11:53,000 --> 00:11:56,000 ตอนที่ฉันเจอเธอครั้งแรก ไดอะน่า 284 00:11:56,000 --> 00:11:58,000 ฉันเอารายการ 285 00:11:58,000 --> 00:12:01,000 ของวิธีใช้ชีวิตของคนเต็มใจไปด้วย แล้วฉันก็นั่งลง 286 00:12:01,000 --> 00:12:03,000 เธอถามว่า"เป็นยังไงบ้างคะ" 287 00:12:03,000 --> 00:12:06,000 ฉันบอกว่า"สบายดีค่ะ โอเคค่ะ" 288 00:12:06,000 --> 00:12:08,000 เธอถาม"มีเรื่องอะไรเหรอคะ" 289 00:12:08,000 --> 00:12:11,000 เธอเป็นนักจิตบำบัดสำหรับนักจิตบำบัด 290 00:12:11,000 --> 00:12:13,000 เพราะพวกเราก็ต้องไปหาผู้เชี่ยวชาญ 291 00:12:13,000 --> 00:12:16,000 เพราะเขาจับความตอแหลได้เก่ง 292 00:12:16,000 --> 00:12:18,000 (หัวเราะ) 293 00:12:18,000 --> 00:12:20,000 ฉันเลยบอกว่า 294 00:12:20,000 --> 00:12:22,000 "คืออย่างนี้ค่ะ ฉันมีปัญหาใหญ่" 295 00:12:22,000 --> 00:12:24,000 เธอพูดว่า"ปัญหาอะไรคะ" 296 00:12:24,000 --> 00:12:27,000 ฉันตอบว่า "คือ ปัญหากับความอ่อนแอค่ะ 297 00:12:27,000 --> 00:12:30,000 และฉันรู้ว่าความอ่อนแอเป็นแก่น 298 00:12:30,000 --> 00:12:32,000 ของความละอายและความกลัว 299 00:12:32,000 --> 00:12:34,000 และของการดิ้นรนเพื่อความมีค่า 300 00:12:34,000 --> 00:12:37,000 แต่ปรากฏว่ามันก็เป็นจุดกำเนิด 301 00:12:37,000 --> 00:12:40,000 ของความสุข และความสร้างสรรค์ 302 00:12:40,000 --> 00:12:42,000 ของความผูกพัน ของความรัก 303 00:12:42,000 --> 00:12:44,000 และฉันคิดว่า ฉันมีปัญหา 304 00:12:44,000 --> 00:12:47,000 และฉันต้องการความช่วยเหลือค่ะ" 305 00:12:47,000 --> 00:12:49,000 และฉันบอกว่า "แต่ขออย่างนึง 306 00:12:49,000 --> 00:12:51,000 ไม่เอาเรื่องครอบครัว 307 00:12:51,000 --> 00:12:53,000 หรือเรื่องน้ำเน่าวัยเด็ก" 308 00:12:53,000 --> 00:12:55,000 (หัวเราะ) 309 00:12:55,000 --> 00:12:58,000 "ฉันแค่ต้องการแผน" 310 00:12:58,000 --> 00:13:02,000 (หัวเราะ) 311 00:13:02,000 --> 00:13:05,000 (ปรบมือ) 312 00:13:05,000 --> 00:13:07,000 ขอบคุณค่ะ 313 00:13:09,000 --> 00:13:12,000 เธอก็ทำท่านี้ 314 00:13:12,000 --> 00:13:14,000 (หัวเราะ) 315 00:13:14,000 --> 00:13:17,000 ฉันเลยบอกว่า"แย่มาก ใช่มั้ยคะ" 316 00:13:17,000 --> 00:13:20,000 เธอบอกว่า"ไม่ดีหรือไม่ร้ายหรอกค่ะ" 317 00:13:20,000 --> 00:13:22,000 (หัวเราะ) 318 00:13:22,000 --> 00:13:24,000 "มันก็เป็นอย่างที่มันเป็นค่ะ" 319 00:13:24,000 --> 00:13:27,000 ฉันเลยว่า"โอ้พระเจ้า ซวยแน่คราวนี้" 320 00:13:27,000 --> 00:13:30,000 (หัวเราะ) 321 00:13:30,000 --> 00:13:32,000 แล้วมันก็แย่ และก็ไม่แย่ 322 00:13:32,000 --> 00:13:35,000 ใช้เวลาประมาณหนึ่งปี 323 00:13:35,000 --> 00:13:37,000 มีคนบางคน 324 00:13:37,000 --> 00:13:40,000 ที่เมื่อเข้าใจว่าความอ่อนแอและความอะเอียดอ่อนเป็นสิ่งสำคัญ 325 00:13:40,000 --> 00:13:43,000 พวกเขายอมรับมันด้วยความเต็มใจ 326 00:13:43,000 --> 00:13:45,000 หนึ่ง นั่นไม่ใช่ฉันค่ะ 327 00:13:45,000 --> 00:13:48,000 และ สอง ฉันไม่สุงสิงกับคนแบบนั้น 328 00:13:48,000 --> 00:13:51,000 (หัวเราะ) 329 00:13:51,000 --> 00:13:54,000 สำหรับฉัน มันเป็นหนึ่งปีของการต่อสู้อย่างนักเลงข้างถนน 330 00:13:54,000 --> 00:13:56,000 ชกกันจนน่วม 331 00:13:56,000 --> 00:13:58,000 ความอ่อนแอผลักมา ฉันก็ผลักตอบ 332 00:13:58,000 --> 00:14:01,000 ฉันแพ้การต่อสู้นั้น 333 00:14:01,000 --> 00:14:03,000 แต่ก็ได้ชีวิตกลับคืนมา 334 00:14:03,000 --> 00:14:05,000 แล้วฉันถึงได้กลับไปทำงานวิจัยอีก 335 00:14:05,000 --> 00:14:07,000 และใช้เวลาปีสองสามปีถัดมา 336 00:14:07,000 --> 00:14:10,000 พยายามที่ทำความเข้าใจจริงๆว่า พวกคนเต็มใจนั้น 337 00:14:10,000 --> 00:14:12,000 เขาตัดสินใจอย่างไร 338 00:14:12,000 --> 00:14:14,000 แล้วเรากำลังทำอะไร 339 00:14:14,000 --> 00:14:16,000 กับความอ่อนแอ 340 00:14:16,000 --> 00:14:18,000 ทำไมการต่อสู้กับมันถึงได้ยากลำบากนัก 341 00:14:18,000 --> 00:14:21,000 มีฉันคนเดียวหรือเปล่าที่ต้องต่อสู้กับความอ่อนแอ 342 00:14:21,000 --> 00:14:23,000 ไม่ 343 00:14:23,000 --> 00:14:25,000 แล้วนี่ก็คือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ 344 00:14:26,000 --> 00:14:29,000 เราเมินเฉยต่อความอ่อนแอ 345 00:14:29,000 --> 00:14:31,000 เวลาที่เรารอโทรศัพท์แจ้งผล 346 00:14:31,000 --> 00:14:33,000 ตลกดีค่ะ ฉันโพสบนTwitterกับFacebook 347 00:14:33,000 --> 00:14:35,000 ถามว่า"คุณนิยามคำว่า'ความอ่อนแอ'อย่างไร 348 00:14:35,000 --> 00:14:37,000 อะไรทำให้คุณรู้สึกอ่อนแอ" 349 00:14:37,000 --> 00:14:40,000 และภายในเวลาชั่วโมงครึ่ง มีคนตอบกลับมา150คำตอบ 350 00:14:40,000 --> 00:14:42,000 เพราะฉันอยากรู้ว่า 351 00:14:42,000 --> 00:14:44,000 คนเขาคิดอะไรกัน 352 00:14:45,000 --> 00:14:47,000 การขอให้สามีช่วย 353 00:14:47,000 --> 00:14:50,000 เพราะฉันป่วย และเราเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ 354 00:14:50,000 --> 00:14:53,000 การชวนสามีให้มีเซ็กส์ 355 00:14:53,000 --> 00:14:55,000 การชวนภรรยาให้มีเซ็กส์ 356 00:14:55,000 --> 00:14:58,000 การถูกปฏิเสธ เมื่อขอเป็นแฟน 357 00:14:58,000 --> 00:15:00,000 การรอโทรศัพท์จากโรงพยาบาล 358 00:15:00,000 --> 00:15:03,000 การโดนไล่ออก การไล่คนออก 359 00:15:03,000 --> 00:15:05,000 นี่คือโลกที่เราอาศัยอยู่ค่ะ 360 00:15:05,000 --> 00:15:08,000 เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความอ่อนแอ 361 00:15:08,000 --> 00:15:10,000 และวิธีหนึ่งที่เราใช้จัดการกับมัน 362 00:15:10,000 --> 00:15:12,000 คือเมินเฉยต่อความอ่อนแอ 363 00:15:12,000 --> 00:15:14,000 และฉันคิดว่ามีหลักฐานค่ะ 364 00:15:14,000 --> 00:15:16,000 แม้ว่ามันจะไม่ใช่เหตุผลเดียว 365 00:15:16,000 --> 00:15:18,000 แต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นสาเหตุหลัก 366 00:15:18,000 --> 00:15:22,000 ที่พวกเราเป็นหนี้ 367 00:15:22,000 --> 00:15:25,000 น้ำหนักเกิน 368 00:15:25,000 --> 00:15:28,000 เสพสารและใช้ยา 369 00:15:28,000 --> 00:15:30,000 มากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา 370 00:15:33,000 --> 00:15:36,000 ฉันได้เรียนรู้จากงานวิจัยว่าปัญหาคือ 371 00:15:36,000 --> 00:15:39,000 คุณไม่สามารถเลือกเมินเฉยต่ออารมณ์เป็นอย่างๆได้ 372 00:15:40,000 --> 00:15:43,000 คุณไม่สามารถบอกว่า นี่เป็นสิ่งไม่ดี 373 00:15:43,000 --> 00:15:45,000 นี่คือความอ่อนแอ นี่คือความเศร้า นี่คือความละอาย 374 00:15:45,000 --> 00:15:47,000 นี่คือความกลัว นี่คือความผิดหวัง 375 00:15:47,000 --> 00:15:49,000 ฉันไม่อยากรู้สึกสิ่งพวกนี้ 376 00:15:49,000 --> 00:15:52,000 ฉันจะกินเบียร์สักสองสามแก้วกับมัฟฟินกล้วยหอมกับถั่ว 377 00:15:52,000 --> 00:15:54,000 (หัวเราะ) 378 00:15:54,000 --> 00:15:56,000 ฉันไม่อยากรู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ 379 00:15:56,000 --> 00:15:58,000 ฉันรู้นะคะว่านั่นเป็นเสียงหัวเราะอย่างเข้าใจ 380 00:15:58,000 --> 00:16:01,000 ฉันเลี้ยงชีพด้วยการวิเคราะห์ชีวิตพวกคุณ 381 00:16:01,000 --> 00:16:03,000 พระเจ้า 382 00:16:03,000 --> 00:16:05,000 (หัวเราะ) 383 00:16:05,000 --> 00:16:08,000 คุณไม่สามารถเมินเฉยต่อความรู้สึกแย่ๆเหล่านั้นได้ 384 00:16:08,000 --> 00:16:10,000 โดยไม่เฉยชาต่ออารมณ์อื่นๆของเราไปด้วย 385 00:16:10,000 --> 00:16:12,000 คุณไม่สามารถเลือกเฉยชาเป็นอย่างๆได้ 386 00:16:12,000 --> 00:16:15,000 ดังนั้น เวลาที่เราเฉยชาต่อสิ่งเหล่านั้น 387 00:16:15,000 --> 00:16:17,000 เราเฉยชาต่อความปิติ 388 00:16:17,000 --> 00:16:19,000 เราเฉยชาต่อความตื้นตันใจ 389 00:16:19,000 --> 00:16:21,000 เราเฉยชาต่อความสุข 390 00:16:21,000 --> 00:16:24,000 แล้วเราก็เลยทุกข์ 391 00:16:24,000 --> 00:16:26,000 เมื่อเรามองหาจุดมุ่งหมายและความหมายของชีวิต 392 00:16:26,000 --> 00:16:28,000 เราจึงรู้สึกอ่อนแอ 393 00:16:28,000 --> 00:16:31,000 แล้วเราก็ดื่มเบียร์ กินมัฟฟินกล้วยกับถั่ว 394 00:16:31,000 --> 00:16:34,000 แล้วมันก็กลายเป็นวัฏจักรอันตราย 395 00:16:36,000 --> 00:16:39,000 สิ่งหนึ่งที่เราต้องคิดถึง 396 00:16:39,000 --> 00:16:41,000 คือเราเฉยชาทำไมและอย่างไร 397 00:16:41,000 --> 00:16:44,000 และมันไม่จำเป็นต้องเป็นการเสพติด 398 00:16:44,000 --> 00:16:46,000 อีกอย่างหนึ่งที่เราทำ 399 00:16:46,000 --> 00:16:49,000 คือเราทำให้สิ่งที่ไม่แน่นอน เป็นสิ่งแน่นอน 400 00:16:50,000 --> 00:16:53,000 ศาสนาเปลี่ยนจากความเชื่อเกี่ยวกับความศรัทธาและความลึกลับ 401 00:16:53,000 --> 00:16:55,000 เป็นความแน่นอน 402 00:16:55,000 --> 00:16:58,000 ฉันถูก คุณผิด หุบปาก 403 00:16:58,000 --> 00:17:00,000 แค่นั้น 404 00:17:00,000 --> 00:17:02,000 แค่ความแน่นอน 405 00:17:02,000 --> 00:17:04,000 ยิ่งกลัวมาก เรายิ่งรู้สึกอ่อนแอมาก 406 00:17:04,000 --> 00:17:06,000 แล้วเราก็จะยิ่งกลัวมากขึ้น 407 00:17:06,000 --> 00:17:08,000 การเมืองทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น 408 00:17:08,000 --> 00:17:10,000 ไม่มีการอภิปราย 409 00:17:10,000 --> 00:17:12,000 ไม่มีการคุยกัน 410 00:17:12,000 --> 00:17:14,000 มีแต่การกล่าวโทษ 411 00:17:14,000 --> 00:17:17,000 คุณรู้ไหมคะว่าการกล่าวโทษถูกอธิบายว่าอย่างไรในงานวิจัย 412 00:17:17,000 --> 00:17:20,000 วิธีปลดปล่อยความเจ็บปวดและความลำบาก 413 00:17:21,000 --> 00:17:23,000 เราอยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ 414 00:17:23,000 --> 00:17:26,000 ตัวอย่างคนที่อยากมีชีวิตแบบนี้ ก็คือฉันเนี่ยแหละ 415 00:17:26,000 --> 00:17:28,000 แต่มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ 416 00:17:28,000 --> 00:17:30,000 เพราะสิ่งที่เราทำคือ เราตัดเอาไขมันจากก้น 417 00:17:30,000 --> 00:17:32,000 ไปแปะไว้ที่แก้ม 418 00:17:32,000 --> 00:17:35,000 (หัวเราะ) 419 00:17:35,000 --> 00:17:37,000 ฉันหวังว่าอีกร้อยปีในอนาคต 420 00:17:37,000 --> 00:17:39,000 คนจะหันกลับมามองแล้วคิดว่า"โห" 421 00:17:39,000 --> 00:17:41,000 (หัวเราะ) 422 00:17:41,000 --> 00:17:43,000 และเราสร้างความสมบูรณ์แบบ อย่างอันตรายที่สุด 423 00:17:43,000 --> 00:17:45,000 กับเด็กๆ 424 00:17:45,000 --> 00:17:47,000 ฉันจะบอกให้ค่ะ ว่าเราคิดถึงเด็กๆยังไง 425 00:17:47,000 --> 00:17:50,000 พวกเขาถูกสร้างให้พร้อมที่จะดิ้นรนตั้งแต่เกิด 426 00:17:50,000 --> 00:17:53,000 และเมื่อเราอุ้มลูกที่ดูสมบูรณ์แบบไว้ในอ้อมแขน 427 00:17:53,000 --> 00:17:55,000 หน้าที่ของเราไม่ใช่การพูดว่า "ดูสิ เธอช่างสมบูรณ์แบบ 428 00:17:55,000 --> 00:17:57,000 หน้าที่ของฉันคือต้องรักษาความสมบูรณ์แบบเอาไว้ 429 00:17:57,000 --> 00:18:00,000 ต้องให้เธอเข้าทีมเทนนิสได้ภายในป.5 แล้วก็เข้าม.Yaleได้ภายในม.1" 430 00:18:00,000 --> 00:18:02,000 นั่นไม่ใช่งานของเราค่ะ 431 00:18:02,000 --> 00:18:04,000 หน้าที่ของเราคือมองดูแล้วก็พูดว่า 432 00:18:04,000 --> 00:18:07,000 "รู้มั้ย เธอไม่ได้สมบูรณ์แบบ และเธอถูกสร้างมาเพื่อสู้ 433 00:18:07,000 --> 00:18:09,000 แต่ว่าเธอมีค่าพอสำหรับความรัก และความผูกพัน" 434 00:18:09,000 --> 00:18:11,000 นั่นคืองานของเรา 435 00:18:11,000 --> 00:18:13,000 ถ้าเรามีเด็กๆทั้งรุ่นที่ถูกเลี้ยงแบบนั้น 436 00:18:13,000 --> 00:18:16,000 เราจะกำจัดปัญหาที่เราเผชิญอยู่ทุกวันนี้ได้หมด 437 00:18:16,000 --> 00:18:20,000 เราแสร้งคิดว่าสิ่งที่เราทำ 438 00:18:20,000 --> 00:18:23,000 ไม่ได้ส่งผลต่อคนอื่น 439 00:18:23,000 --> 00:18:25,000 เราทำอย่างนั้นในชีวิตส่วนตัว 440 00:18:25,000 --> 00:18:27,000 เราทำอย่างนั้นในธุรกิจ 441 00:18:27,000 --> 00:18:29,000 ไม่ว่าจะเป็นการอุดหนุนธุรกิจล้มละลาย หรือกรณีน้ำมันรั่ว 442 00:18:29,000 --> 00:18:31,000 การเรียกคืนสินค้า 443 00:18:31,000 --> 00:18:33,000 เราแสร้งทำเป็นว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ 444 00:18:33,000 --> 00:18:36,000 ไม่ได้มีผลกระทบใหญ่หลวงต่อคนอื่น 445 00:18:36,000 --> 00:18:39,000 อยากจะบอกพวกบริษัทใหญ่ว่า เราไม่ใช่เด็กอมมือแล้ว เรารู้ 446 00:18:40,000 --> 00:18:42,000 เราแค่อยากให้คุณจริงใจ 447 00:18:42,000 --> 00:18:44,000 แล้วบอกว่า"เราขอโทษ 448 00:18:44,000 --> 00:18:47,000 เราจะแก้ไขมัน" 449 00:18:50,000 --> 00:18:52,000 แต่ว่ามันมีอีกวิธีหนึ่ง สิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากจะฝากไว้ 450 00:18:52,000 --> 00:18:54,000 ฉันค้นพบว่า 451 00:18:54,000 --> 00:18:56,000 การเปิดเผยตัวตนของเรา 452 00:18:56,000 --> 00:18:58,000 ให้ถูกมองเห็นอย่างลึกซึ้ง 453 00:18:58,000 --> 00:19:01,000 ยอมเปราะบางให้ได้มองเห็น 454 00:19:01,000 --> 00:19:03,000 การรักทั้งสุดจิตสุดใจ 455 00:19:03,000 --> 00:19:05,000 ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรมารับประกัน 456 00:19:05,000 --> 00:19:07,000 มันยากมาก 457 00:19:07,000 --> 00:19:10,000 ฉันบอกคุณได้เลยในฐานะพ่อแม่ ว่ามันยากเจ็บปวดและมากๆ 458 00:19:12,000 --> 00:19:15,000 ในการรู้สึกถึงความตื้นตันและความปิติ 459 00:19:15,000 --> 00:19:17,000 ในเวลาที่น่าหวาดกลัว 460 00:19:17,000 --> 00:19:19,000 ที่เราสงสัยว่า"ฉันรักเธอได้มากขนาดนี้จริงเหรอ 461 00:19:19,000 --> 00:19:21,000 ฉันเชื่อในสิ่งนี้ทั้งใจจริงๆรึเปล่า 462 00:19:21,000 --> 00:19:24,000 ฉันดุได้ขนาดนี้เลยเหรอ" 463 00:19:24,000 --> 00:19:26,000 ในการหยุดยั้งตัวเอง แทนการกังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้น 464 00:19:26,000 --> 00:19:29,000 แล้วพูดว่า "ฉันน่ะโชคดีมาก 465 00:19:29,000 --> 00:19:32,000 เพราะการที่ฉันรู้สึกอ่อนแอ แปลว่าฉันยังมีชีวิต" 466 00:19:33,000 --> 00:19:36,000 และสุดท้าย ที่อาจจะสำคัญที่สุด 467 00:19:36,000 --> 00:19:39,000 คือการเชื่อว่าเราเพียงพอ 468 00:19:39,000 --> 00:19:41,000 เพราะเมื่อเราเริ่มต้นจาก 469 00:19:41,000 --> 00:19:44,000 ความเชื่อที่ว่า"เราเพียงพอแล้ว" 470 00:19:45,000 --> 00:19:48,000 เราจะหยุดร้องตะโกน และเริ่มรับฟัง 471 00:19:49,000 --> 00:19:51,000 เราจะอ่อนโยนและมีเมตตาต่อคนรอบข้างมากขึ้น 472 00:19:51,000 --> 00:19:54,000 และเราก็จะอ่อนโยนและมีเมตตาต่อตัวเองด้วย 473 00:19:54,000 --> 00:19:56,000 นั่นคือทั้งหมดที่ฉันมี ขอบคุณค่ะ 474 00:19:56,000 --> 00:19:59,000 (เสียงปรบมือ)