-
-
ในวิดีโอที่แล้ว เราได้พูดถึงแต่
-
พลังงานไอออไนเซชันอันดับหนึ่ง
-
ในวิดีโอนี้ เราจะเปรียบเทียบ
-
พลังงานไอออไนเซชันอันดับหนึ่งและสอง
-
และเราจะใช้ลิเธียมเป็นตัวอย่าง
-
ในวิดีโอที่แล้ว เรา
-
รู้แล้วว่าลิเธียมมีเลขอะตอมเป็น 3
-
มันจึงมีโปรตอน 3 ตัวในนิวเคลียส
-
ในอะตอมลิเธียมที่เป็นกลาง จำนวนอิเล็กตรอน
-
เท่ากับจำนวนโปรตอน เราจึง
-
รู้ว่ามีอิเล็กตรอน 3 ตัวในลิเธียมตรงนี้
-
การจัดอิเล็กตรอนคือ 1s2 2s1
-
เรามีอิเล็กตรอน 2 ตัวใน 1s ออร์บิทัล
-
เราก็ลงมือใส่อิเล็กตรอน
-
2 ตัวใน 1s ออร์บิทัลอย่างนั้นได้
-
แล้วเรามีอิเล็กตรอนอีกหนึ่งตัว
-
และอิเล็กตรอนนั้นจะอยู่ใน
ชั้น 2s ออร์บิทัลอย่างนี้
-
นั่นคือภาพง่ายๆ
-
สำหรับอะตอมลิเธียมเป็นกลาง
-
ถ้าเราให้พลังงานมากพอ เราก็เอา
-
อิเล็กตรอนตัวนอกนี้ออกได้
-
เราก็ดึงอิเล็กตรอนนั้นออกไป
-
และเราเรียกมันว่า
พลังงานไอออไนเซชันอันดับหนึ่ง
-
เพื่อดึงอิเล็กตรอนนั้นออกไป เราใช้
-
ประมาณ 520 กิโลจูลต่อโมล
-
และเมื่อเราดึงอิเล็กตรอนนั้นออกไป
-
เราจะไม่ได้มีอะตอมลิเธียม
ที่เป็นกลางอีกต่อไป จริงไหม?
-
เรามีลิเธียมไอออนเพราะเรายังมี
-
ประจุบวก 3 ในนิวเคลียส
-
แต่เรามีประจุลบแค่ 2 ตัวตรงนี้
-
เรามีอิเล็กตรอนแค่ 2 ตัว
เพราะเราดึงตัวหนึ่งออกไป
-
3 ลบ 2 ให้ค่าเป็นบวก 1
-
นี่คือลิเธียม บวก 1 แคทไอออน
-
และการจัดอิเล้กตรอนจะเป็น
-
1s2 เพราะเราเสียอิเล็กตรอน
ใน 2s ออร์บิทัลไป
-
แล้วเราก็ทำต่อได้
-
เราให้พลังงานอีก
และดึงอิเล็กตรอนอีกตัวออกไป
-
สมมุติว่าคราวนี้เราดึงอิเล็กตรอนตัวนี้ออกไป
-
โอเค เราจะเอาอิเล็กตรอนตัวที่สองออกไป
-
เราจะไม่เรียกค่านี้ว่าพลังงานไอออไนเชชัน 1
-
เราจะเรียกมันว่าพลังงานไออไนเซชัน 2
-
เพราะพลังงานนี้เอา
อิเล็กตรอนตัวที่สองออกไป
-
และค่านี้ปรากฏว่าเท่ากับ 7,298 กิโลจูล
-
ต่อโมล
-
และถ้าเรานำอิเล็กตรอนตัวที่สองนั้นออกไป
-
เราจะยังคงมีประจุบวก 3 ตัวในนิวเคลียส
-
แต่เรามีประจุลบแค่ 1 ตัวตอนนี้
-
มันมีอิเล็กตรอนแค่ตัวเดียว มันจึงไม่ใช่
-
ลิเธียมบวก 1 แคทไอออนอีก
-
ตัวนี้คือลิเธียมบวก 2 แคทไอออน
เพราะ 3 ลบ 1
-
เป็นบวก 2
-
นี่คือลิเธียมบวก 2 ตรงนี้ และการจัดอิเล็กตรอน
-
จะมีอิเล็กตรอนแค่ตัวเดียวใน 1s ออร์บิทัล
ได้ 1s1
-
เราจึงเห็นได้ว่า พลังงานไอออไนเซชัน
-
อันดับหนึ่งต่างจาก
-
พลังงานไอออไนเซชันอันดับสองมาก
คือ 520 กับ 7,298
-
ลองดูว่าเราอธิบาย
-
ความแตกต่างระหว่างพลังงานไอออไนเซชัน
-
มหาศาลได้ไหม
-
เราจะใช้ปัจจัยสามอย่างที่เรา
-
พูดถึงไปในวิดีโอที่แล้วกัน
-
ปัจจัยแรกที่เราพูดถึงคือประจุนิวเคลียร์
-
ซึ่งหมายถึงจำนวนโปรตอนในนิวเคลียส
-
ถ้าเราดูอะตอมลิเธียมที่เป็นกลาง
-
ประจุบวก 3 ตัวในนิวเคลียส
-
ประจุบวกนั้นคือสิ่งที่
-
ดึงดูดอิเล็กตรอนนี่ตรงนี้
-
ถ้าเราดูที่ลิเธียม บวก 1
-
แคทไอออน สถานการณ์คล้ายกัน
-
เรายังคงมีโปรตอน 3 ตัวในนิวเคลียส
-
ประจุบวกนั้นคือสิ่ง
-
ที่ดึงดูดอิเล็กตรอนนี้เช่นกัน
-
และเนื่องจากมีโปรตอนเท่ากัน
-
เราจึงต้องคิดถึงประจุนิวเคลียสยังผล
-
แทนที่จะนับจำนวนโปรตอน
ในนิวเคลียสอย่างเดียว
-
ก่อนที่เราจะทำ เราต้องพิจารณา
-
ผลของการกีดกันจากอิเล็กตรอน
-
ลองพูดถึงการกีดกันจาก
อิเล็กตรอนเป็นอย่างต่อไป
-
electron shielding หรือเรียกว่า
electron screening
-
electron shielding/ screening
-
เมื่อเราพูดถึงการกีดกันจากอิเล็กตรอน
-
เราจะคิดถึงอิเล็กตรอนชั้นในตรงนี้
-
กลับไปที่อะตอมลิเธียมที่เป็นกลาง
-
อิเล็กตรอนชั้นในสองตัวนี่ตรงนี้
-
จะผลักอิเล็กตรอนชั้นนอกตัวนี้
-
ตัวนี้จะผลักตัวนี้เช่นกัน
-
เราคิดว่าพวกมันเป็นฉากกั้นอิเล็กตรอน
-
สีบานเย็นไม่ให้รู้สึกแรงของประจุบวก 3 เต็มๆ
-
ในนิวเคลียสเพราะ
อิเล็กตรอนผลักอิเล็กตรอนตัวอื่น
-
และวิธีคำนวณผลของประจุนิวเคลียร์ --
-
เราทำไปแล้วในวิดีโอก่อน
-
เช่นกัน -- วิธีคำนวณ
-
ประจุนิวเคลียร์ยังผล คือนำจำนวนโปรตอนมา
-
คือบวก 3 แล้วจากนั้น คุณก็ลบ
-
จำนวนอิเล็กตรอนที่กั้น
-
ในกรณีนี้ มันคืออิเล็กตรอนสองตัวนี้
-
ใน 1s ออร์บิทัล
-
3 ลบ 2 ให้ประจุนิวเคลียร์ยังผล
-
เป็นบวก 1
-
แล้วอิเล็กตรอนสีบานเย็นไม่
-
รู้สึกถึงประจุนิวเคลียร์บวก 3
-
มันจะรู้สึกถึงแค่ประจุนิวเคลียร์ยังผล
-
มีค่าประมาณบวก 1 เพราะค่าจริงคือประมาณ 1.3
-
เมื่อคุณคำนวณซับซ้อนขึ้น
-
ผลของการกีดกั้นจากอิเล็กตรอน
-
คือลดประจุนิวเคลียร์โดยรวม
-
ที่อิเล็กตรอนสีบานเย็นนี้รู้สึก
-
แล้วเมื่อเราไปยังอิเล็กตรอนตัวนี้
-
ผมกำลังพูดถึงอิเล็กตรอนตัวนี้สีบานเย็น
-
สำหรับลิเธียม บวก 1 แคทไอออน
-
มันไม่ใช่สถานการณ์เดิม จริงไหม?
-
มันไม่ได้มีการกีดกั้นจากอิเล็กตรอนขนาดนั้น
-
อิเล็กตรอนนี่ตรงนี้อาจผลักนิดหน่อย
-
แต่มันไม่มีอิเล็กตรอนชั้นใน
-
ที่ผลักอิเล็กตรอนสีบานเย็น
-
และด้วยเหตุนั้น อิเล็กตรอนสีบานเย็น
-
จะรู้สึกถึงประจุบวก 3 นี้
-
รู้สึกถึงประจุบวก 3 ของนิวเคลียสมากกว่ามาก
-
เพราะฉะนั้น มันจะ
-
มีแรงดึงดูดมากกว่าที่ดึง
-
อิเล็กตรอนนี้สีบานเย็นเข้าหานิวเคลียสนี้
-
เพราะฉะนั้น คุณต้องใช้พลังงานมากขึ้น
-
เพื่อดึงอิเล็กตรอนตัวนี้ออกไป
-
ผลของการกีดกั้นจากอิเล็กตรอน
-
บอกคุณว่าอิเล็กตรอนตัวที่สอง
-
เอาออกยากกว่าตัวแรก เราจึง
-
พบว่าพลังงานไอออไนเซชันเพิ่มขึ้น
-
จากตัวที่หนึ่งไปตัวที่สอง
-
-
ปัจจัยสุดท้ายที่เราพูดถึง คือระยะห่าง
-
ระยะห่างของอิเล็กตรอนสีบานเย็น
-
จากนิวเคลียส
-
ทางซ้าย เหมือนเดิม
กลับไปยังอะตอมลิเธียมที่เป็นกลาง
-
อิเล็กตรอนนี้อยู่ในชั้นพลังงานที่สอง
-
มันห่างกว่าเทียบกับอิเล็กตรอนนี้
-
อิเล็กตรอนนี้อยู่ในชั้นพลังงานแรก ใน 1s2
-
ระยะนี่ตรงนี้ น้อยกว่าระยะทางซ้าย
-
และเนื่องจากระยะนั้นสั้นกว่า
-
อิเล็กตรอนสีบานเย็นนี้รู้สึก
-
ถึงแรงดึงดูดจากนิวเคลียสมากกว่า
-
เหมือนเดิม มันคือกฎของคูลอมบ์
-
เพราะฉะนั้น มันจึงมีแรงดึงดูดเพิ่มขึ้น
-
เพราะฉะนั้น คุณใช้พลังงาน
ดึงอิเล็กตรอนออกมากกว่า
-
มันใช้พลังงานเพื่อดึงอิเล็กตรอนตัวที่สอง
-
มากกว่าตัวแรก นั่นคือ
-
สาเหตุที่เราเจอพลังงานไอออไนเซชันเพิ่มขึ้น
-
ระยะห่างบอกว่า เนื่องจากอิเล็กตรอนนี้ใกล้กว่า
-
มันจึงต้องใช้พลังงาน
ดึงอิเล้กตรอนออกไปมากกว่า
-
และนั่นคือสาเหตุอีกอย่างที่เลข
-
พลังงานไอออไนเซชันที่สอง
-
มากกว่าอันดับหนึ่งมากๆ
-
มันใช้พลังงานมากกว่ามาก
-
เวลาดึงอิเล็กตรอนตัวที่สองออกไป
-
และนั่นอธิบายว่าทำไม
เราจึงเห็นลิเธียมกลายเป็นบวก 1
-
แคทไทอออน เพราะมันไม่ได้ใช้พลังงานมาก
-
เวลาดึงอิเล็กตรอนหนึ่งตัวออกไป
เทียบกับการดึงสองตัว
-
ไปเป็นลิเธียม 2 บวก
-
และนี่คือวิธีบอกอย่างหนึ่งว่า
ไอออนจะเกิดขึ้นไหม
-
ดูพลังงานไอออไนเซชัน
และเมื่อคุณเจอค่ากระโดด
-
มันจะบอกใบ้คุณว่า ไอออนไหนเกิดขึ้นง่ายกว่า
-