1 00:00:00,837 --> 00:00:03,104 ผมอยากคุณมองไปรอบ ๆ ห้องสักหนึ่งนาที 2 00:00:03,128 --> 00:00:05,847 และพยายามมองหาคนที่ดูขี้ระแวงที่สุดในห้อง 3 00:00:05,871 --> 00:00:06,935 (เสียงหัวเราะ) 4 00:00:06,959 --> 00:00:09,411 จากนั้นชี้ตัวคน ๆ นั้นให้ผมที 5 00:00:09,435 --> 00:00:10,470 (เสียงหัวเราะ) 6 00:00:10,494 --> 00:00:11,853 อย่าทำจริงนะครับ 7 00:00:11,877 --> 00:00:12,996 (เสียงหัวเราะ) 8 00:00:13,020 --> 00:00:14,889 แต่ในฐานะนักจิตวิทยาองค์กร 9 00:00:14,913 --> 00:00:16,795 ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในองค์กรหลายแห่ง 10 00:00:16,819 --> 00:00:18,979 และพบคนขี้ระแวงอยู่ทุกที่ 11 00:00:19,532 --> 00:00:21,941 ความระแวงเกิดจากคนที่ผมเรียกว่า "ผู้รับ" 12 00:00:21,965 --> 00:00:24,148 ผู้รับ คือคนเห็นแก่ตัวเมื่อมี ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น 13 00:00:24,172 --> 00:00:26,433 มีแต่ "คุณทำอะไรให้ฉันได้บ้าง" 14 00:00:26,832 --> 00:00:28,233 ตรงกันข้าม คือ "ผู้ให้" 15 00:00:28,257 --> 00:00:30,797 หรือผู้ที่มักถามผู้อื่นว่า 16 00:00:30,797 --> 00:00:32,397 "ฉันทำอะไร ให้คุณได้บ้าง" 17 00:00:32,915 --> 00:00:35,496 ผมอยากให้ทุกคนนึกถึง สไตล์ของคุณ 18 00:00:35,496 --> 00:00:37,449 เราทุกคนล้วนมีช่วงเวลาที่เป็นผู้ให้และรับ 19 00:00:37,537 --> 00:00:40,433 สไตล์ คือ วิธีการที่คุณปฏิบัติต่อ คนส่วนใหญ่โดยส่วนใหญ่ 20 00:00:40,433 --> 00:00:41,591 โหมดอัตโนมัติของคุณ 21 00:00:41,611 --> 00:00:43,153 ผมมีแบบประเมินสั้น ๆ ให้คุณทำ 22 00:00:43,155 --> 00:00:45,494 เพื่อดูว่าคุณมีความเป็นผู้ให้หรือผู้รับ มากกว่ากัน 23 00:00:45,494 --> 00:00:46,972 และคุณสามารถลองทำได้เลยตอนนี้ 24 00:00:47,850 --> 00:00:49,289 [แบบทดสอบความหลงตัวเอง] 25 00:00:49,313 --> 00:00:51,625 [ขั้นตอนที่ 1: ใช้เวลาไตร่ตรองตัวเอง] 26 00:00:51,649 --> 00:00:52,752 (เสียงหัวเราะ) 27 00:00:52,776 --> 00:00:55,634 [ขั้นตอนที่ 2: ถ้าทำถึงขั้นตอนที่ 2 คุณไม่ใช่พวกหลงตัวเอง] 28 00:00:55,658 --> 00:00:57,217 (เสียงหัวเราะ) 29 00:00:58,082 --> 00:01:01,915 สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้จะเป็นสิ่งเดียว ที่พูดในวันนี้โดยไม่มีข้อมูลยืนยัน 30 00:01:01,939 --> 00:01:05,371 แต่ผมเชื่อว่ายิ่งคุณใช้เวลากว่าจะหัวเราะ การ์ตูนนี้นานเท่าไหร่ 31 00:01:05,395 --> 00:01:07,822 ก็ยิ่งน่ากังวลมากขึ้นว่าคุณจะเป็นผู้รับ 32 00:01:07,846 --> 00:01:08,911 (เสียงหัวเราะ) 33 00:01:08,935 --> 00:01:10,967 แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้รับทุกคน เป็นพวกหลงตัวเอง 34 00:01:10,991 --> 00:01:13,879 บางคนเป็นเพียงผู้ให้ ที่ถูกทำร้ายหลายต่อหลายครั้ง 35 00:01:13,903 --> 00:01:17,227 แต่ก็มีผู้รับอีกประเภท ที่เราจะไม่พูดถึงในวันนี้ 36 00:01:17,251 --> 00:01:19,104 ซึ่งเราเรียกว่า พวกโรคจิต 37 00:01:19,128 --> 00:01:20,279 (เสียงหัวเราะ) 38 00:01:20,303 --> 00:01:23,175 แต่ผมเคยสงสัยว่าจะมีคนแต่ละประเภท อยู่เท่าไหร่ 39 00:01:23,199 --> 00:01:26,008 ผมเลยทำการสำรวจคนกว่า 30,000 คน จากหลากหลายอาชีพ 40 00:01:26,032 --> 00:01:27,644 หลากหลายวัฒนธรรมทั่วโลก 41 00:01:27,668 --> 00:01:30,146 และพบว่าคนส่วนใหญ่อยู่ตรงกลาง 42 00:01:30,170 --> 00:01:31,636 ระหว่างการเป็นผู้ให้กับผู้รับ 43 00:01:31,660 --> 00:01:34,005 พวกเขาเลือกแบบที่ 3 ที่เรียกว่า ผู้แลกเปลี่ยน 44 00:01:34,029 --> 00:01:36,508 ถ้าคุณอยู่กลุ่มนี้ คุณจะพยายาม บาลานซ์ระหว่างการให้และการรับ 45 00:01:36,508 --> 00:01:39,950 หมูไปไก่มา ผมจะทำให้คุณถ้าคุณทำให้ผม 46 00:01:39,950 --> 00:01:42,485 ซึ่งดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่ปลอดภัย ในการใช้ชีวิต 47 00:01:42,485 --> 00:01:45,693 แต่มันเป็นวิธีที่ได้ผลและก่อให้เกิดผลดี ในการใช้ชีวิตรึเปล่า 48 00:01:45,693 --> 00:01:48,817 คำตอบสำหรับคำถามนี้ชัดเจนมาก... 49 00:01:48,841 --> 00:01:49,999 อาจจะครับ 50 00:01:50,023 --> 00:01:51,249 (เสียงหัวเราะ) 51 00:01:51,273 --> 00:01:53,452 ผมศึกษาองค์กรหลายแห่ง 52 00:01:53,476 --> 00:01:54,651 และคนหลายพันคน 53 00:01:54,675 --> 00:01:58,227 ผมให้วิศวกรวัดผลผลิตของพวกเขา 54 00:01:58,251 --> 00:02:00,606 (เสียงหัวเราะ) 55 00:02:00,630 --> 00:02:03,599 ผมศึกษาผลการเรียนของนักศึกษาแพทย์ 56 00:02:03,623 --> 00:02:05,598 และรายได้ของพนักงานขาย 57 00:02:05,622 --> 00:02:07,068 (เสียงหัวเราะ) 58 00:02:07,092 --> 00:02:08,744 และโดยไม่คาดคิด 59 00:02:08,768 --> 00:02:12,437 ผมพบว่าคนที่ผลงานแย่ที่สุด ในแต่ละกลุ่ม คือ ผู้ให้ 60 00:02:12,749 --> 00:02:14,793 วิศวกรที่ทำงานเสร็จน้อยที่สุด 61 00:02:14,817 --> 00:02:17,323 คือคนที่ช่วยเหลือคนอื่นมากกว่า การที่คนมาช่วยตอบแทน 62 00:02:17,347 --> 00:02:19,483 พวกเขายุ่งอยู่กับการทำงานของคนอื่น 63 00:02:19,507 --> 00:02:23,057 พวกเขาไม่มีเวลาและพลังงานที่จะทำงาน ของตัวเองให้เสร็จ 64 00:02:23,081 --> 00:02:25,490 ในคณะแพทย์ ผลการเรียนที่ต่ำที่สุด เป็นของนักศึกษาแพทย์ 65 00:02:25,490 --> 00:02:27,561 ที่เห็นด้วยมากที่สุดกับข้อความอย่างเช่น 66 00:02:27,561 --> 00:02:30,249 "ฉันชอบที่จะช่วยเหลือผู้อื่น" 67 00:02:31,068 --> 00:02:32,756 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเราควรไว้ใจหมอ 68 00:02:32,756 --> 00:02:35,679 ที่มาเรียนเป็นหมอโดยไม่มีความต้องการ ที่จะช่วยใครเลย 69 00:02:35,679 --> 00:02:37,040 (เสียงหัวเราะ) 70 00:02:37,040 --> 00:02:39,828 ในการขายก็เช่นกัน รายได้ที่ต่ำที่สุดเป็นของ 71 00:02:39,852 --> 00:02:41,547 เหล่าพนักงานขายที่ใจกว้างมากที่สุด 72 00:02:41,571 --> 00:02:44,001 ผมติดต่อไปยังหนึ่งในพนักงานขายเหล่านั้น 73 00:02:44,025 --> 00:02:45,632 เป็นคนที่ได้คะแนนผู้ให้สูงสุด 74 00:02:45,656 --> 00:02:48,214 และถามเขาว่า "ทำไมคุณถึงห่วย ในอาชีพของคุณ?" 75 00:02:48,238 --> 00:02:49,779 ผมไม่ได้ถามแบบนั้นจริง ๆ แต่... 76 00:02:49,803 --> 00:02:50,561 (เสียงหัวเราะ) 77 00:02:50,561 --> 00:02:53,223 "อะไรคือข้อเสียของความใจกว้างในการขาย" 78 00:02:53,247 --> 00:02:56,513 และเขาตอบว่า "คือ ผมใส่ใจลูกค้าของผมมากๆ 79 00:02:56,537 --> 00:02:59,299 ถึงขนาดที่ว่า ผมจะไม่มีวันขายของห่วยๆ ให้กับพวกเขา" 80 00:02:59,323 --> 00:03:00,724 (เสียงหัวเราะ) 81 00:03:00,748 --> 00:03:01,976 ผมอยากรู้จริง ๆ ว่า 82 00:03:02,000 --> 00:03:05,284 คุณกี่คนที่ระบุตัวเองว่า เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับหรือผู้แลกเปลี่ยน 83 00:03:05,308 --> 00:03:06,458 ยกมือขึ้นครับ 84 00:03:06,962 --> 00:03:09,911 ครับ อาจจะมีมากกว่านี้ ถ้าผมถามก่อนบอกข้อมูลเหล่านี้ 85 00:03:10,525 --> 00:03:14,152 แต่จริงๆ แล้ว มีเรื่องหักมุมตรงนี้ครับ 86 00:03:14,176 --> 00:03:17,472 แม้ว่าผู้ให้มักจะเสียสละตัวเอง 87 00:03:17,496 --> 00:03:19,675 แต่พวกเขาทำให้องค์กรดีขึ้น 88 00:03:20,345 --> 00:03:23,112 มีหลักฐานมากมายครับ 89 00:03:23,136 --> 00:03:26,869 มีงานวิจัยหลายต่อหลายชิ้น ที่ศึกษาความถี่ของพฤติกรรมของผู้ให้ 90 00:03:26,893 --> 00:03:29,030 ที่อยู่ในทีมหรือในองค์กร 91 00:03:29,054 --> 00:03:31,554 และพบว่ายิ่งคนให้ความช่วยเหลือ และแบ่งปันความรู้ 92 00:03:31,554 --> 00:03:33,031 และให้คำแนะนำสอนงานมากเท่าไหร่ 93 00:03:33,031 --> 00:03:35,582 องค์กรจะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ในทุกมิติที่เราศึกษา 94 00:03:35,582 --> 00:03:38,973 ทั้งผลตอบแทนและความพึงพอใจ ของลูกค้าสูงขึ้น การรักษาบุคลากรดีขึ้น 95 00:03:38,997 --> 00:03:40,842 แม้กระทั่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 96 00:03:41,407 --> 00:03:44,275 ผู้ให้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการช่วยผู้อื่น 97 00:03:44,299 --> 00:03:45,506 พัฒนาทีมงาน 98 00:03:45,530 --> 00:03:48,006 แล้วก็โชคไม่ดีที่พวกเขา จะต้องลำบากไปตลอดทาง 99 00:03:48,030 --> 00:03:49,698 ผมอยากจะพูดถึงสิ่งที่ต้องทำ 100 00:03:49,722 --> 00:03:53,043 เพื่อสร้างวัฒนธรรม ที่ช่วยให้เหล่าผู้ให้ประสบความสำเร็จ 101 00:03:53,564 --> 00:03:56,584 ผมสงสัยว่าหากผู้ให้ คือ ผู้ที่ทำงานแย่ที่สุด 102 00:03:56,608 --> 00:03:58,436 แล้วใครคือผู้ที่ทำงานดีที่สุด 103 00:03:59,438 --> 00:04:02,088 เริ่มที่ข่าวดีที่ว่า ไม่ใช่ผู้รับครับ 104 00:04:02,112 --> 00:04:05,767 เหล่าผู้รับมักจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ตกต่ำอย่างรวดเร็วในเกือบทุก ๆ อาชีพ 105 00:04:05,791 --> 00:04:07,888 และพวกเขาก็ตกต่ำด้วยน้ำมือของผู้แลกเปลี่ยน 106 00:04:07,912 --> 00:04:11,332 ถ้าคุณเป็นผู้แลกเปลี่ยน คุณเชื่อเรื่องของ "ตาต่อตา" หรือโลกที่ยุติธรรม 107 00:04:11,356 --> 00:04:12,776 และเมื่อเจอกับเหล่าผู้รับ 108 00:04:12,800 --> 00:04:14,669 คุณจะรู้สึกเหมือนว่าเป็นหน้าที่ของคุณ 109 00:04:14,693 --> 00:04:16,735 ที่จะลงโทษคนคนนั้นให้สาสม 110 00:04:16,759 --> 00:04:17,773 (เสียงหัวเราะ) 111 00:04:17,797 --> 00:04:19,422 เป็นทางเดียวที่จะ คืนความยุติธรรม 112 00:04:20,108 --> 00:04:22,078 คนส่วนใหญ่เป็นผู้แลกเปลี่ยน 113 00:04:22,102 --> 00:04:23,686 และหมายความว่าหากคุณเป็นผู้รับ 114 00:04:23,710 --> 00:04:25,690 ในที่สุดผลการกระทำจะตามสนองคุณทัน 115 00:04:25,714 --> 00:04:27,352 ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น 116 00:04:27,376 --> 00:04:28,982 ถ้าสรุปแบบมีเหตุมีผลก็คือ 117 00:04:29,006 --> 00:04:31,871 ผู้ที่ทำงานได้ยอดเยี่ยม คือ เหล่าผู้แลกเปลี่ยน 118 00:04:31,895 --> 00:04:33,413 แต่ก็ไม่ใช่อยู่ดี 119 00:04:33,437 --> 00:04:36,287 ในทุกอาชีพ ในทุกองค์กร ที่ผมเคยศึกษามา 120 00:04:36,311 --> 00:04:38,473 กลับเป็นเหล่าผู้ให้ อีกแล้วครับ 121 00:04:39,651 --> 00:04:42,809 เรามาดูข้อมูลที่ผมรวบรวมจาก พนักงานขายหลายร้อยคน 122 00:04:42,833 --> 00:04:43,986 ติดตามดูรายได้ของพวกเขา 123 00:04:44,010 --> 00:04:46,665 จะเห็นได้ว่าเหล่าผู้ให้ อยู่ทั้งสองกลุ่ม 124 00:04:46,689 --> 00:04:48,637 พวกเขาอยู่ในกลุ่มคนส่วนใหญ่ ที่มีรายได้น้อยที่สุด 125 00:04:48,637 --> 00:04:50,103 และในกลุ่ม ที่มีรายได้มากที่สุด 126 00:04:50,313 --> 00:04:52,917 เช่นเดียวกับผลการทำงาน ของเหล่าวิศวกร 127 00:04:52,917 --> 00:04:54,248 และผลการเรียนนักศึกษาแพทย์ 128 00:04:54,248 --> 00:04:57,575 เหล่าผู้ให้อยู่กลุ่มที่ต่ำสุดและสูงสุด 129 00:04:57,575 --> 00:04:59,657 ในทุกตัวชี้วัดความสำเร็จ ที่ผมสามารถวัดได้ 130 00:05:00,201 --> 00:05:01,503 สิ่งนี้นำมาซึ่งคำถามที่ว่า 131 00:05:01,527 --> 00:05:04,936 เราจะสร้างโลกที่เหล่าผู้ให้ ก้าวสู่ความเป็นเลิศขึ้นได้อย่างไร? 132 00:05:04,960 --> 00:05:07,783 ผมอยากพูดถึงวิธีการ ที่ไม่จำกัดอยู่แค่ในวงการธุรกิจ 133 00:05:07,807 --> 00:05:09,638 แต่ใช้ได้กับองค์กรไม่แสวงหากำไร โรงเรียน 134 00:05:09,662 --> 00:05:10,955 หรือแม้กระทั่งภาครัฐ 135 00:05:10,979 --> 00:05:12,185 คุณพร้อมรึยัง? 136 00:05:12,209 --> 00:05:13,395 (เสียงเชียร์) 137 00:05:13,419 --> 00:05:15,875 ยังไงผมก็จะพูดอยู่แล้ว แต่ขอบคุณที่เชียร์ 138 00:05:15,875 --> 00:05:17,458 (เสียงหัวเราะ) 139 00:05:17,482 --> 00:05:19,326 สิ่งแรกที่สำคัญมาก ๆ คือ 140 00:05:19,350 --> 00:05:21,997 การมองเห็นว่าเหล่าผู้ให้ คือคนที่มีคุณค่ามากที่สุด 141 00:05:21,997 --> 00:05:24,431 แต่ถ้าพวกเขาไม่ระวังพวกเขาก็จะหมดแรง 142 00:05:24,579 --> 00:05:27,069 คุณจึงต้องคอยดูแลเหล่าผู้ให้ ในที่ทำงานของคุณ 143 00:05:27,093 --> 00:05:31,233 ผมเรียนรู้เรื่องที่สำคัญมากนี้จาก ผู้มีเครือข่ายดีที่สุด จากนิตยสาร Fortune 144 00:05:32,993 --> 00:05:34,343 ผู้ชายนะครับ ไม่ใช่แมว 145 00:05:34,367 --> 00:05:35,527 (เสียงหัวเราะ) 146 00:05:35,551 --> 00:05:37,307 เขาชื่อ อดัม ริฟท์กิน 147 00:05:37,331 --> 00:05:39,543 เขาเป็นเจ้าของธุรกิจจำนวนมาก ที่ประสบความสำเร็จ 148 00:05:39,567 --> 00:05:42,361 เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการช่วยผู้อื่น 149 00:05:42,385 --> 00:05:44,721 และเคล็ดลับของเขา คือ ความช่วยเหลือ 5 นาที 150 00:05:45,261 --> 00:05:47,640 อดัมบอกว่า "คุณไม่ต้องเป็นแม่ชีเทเรซ่า หรือคานธี" 151 00:05:47,640 --> 00:05:48,723 เพื่อเป็นผู้ให้ 152 00:05:48,723 --> 00:05:51,226 คุณแค่หาทางทำสิ่งเล็กน้อย เพื่อเพิ่มคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ 153 00:05:51,226 --> 00:05:52,583 ให้กับชีวิตของผู้อื่น 154 00:05:53,059 --> 00:05:54,992 อาจจะเป็นสิ่งง่าย ๆ เช่น การแนะนำ 155 00:05:54,992 --> 00:05:57,383 ให้คนสองคนได้ประโยชน์ จากการรู้จักกัน 156 00:05:57,433 --> 00:06:00,770 อาจจะเป็นการแบ่งปันความรู้ หรือให้ข้อมูลป้อนกลับ 157 00:06:00,770 --> 00:06:03,652 หรือเป็นสิ่งธรรมดา ๆ เช่น การพูดว่า 158 00:06:03,702 --> 00:06:04,931 "คุณรู้มั้ย 159 00:06:04,931 --> 00:06:05,951 ผมจะลองดูว่า 160 00:06:05,951 --> 00:06:10,120 ผมจะจำผู้ที่ไม่เคยมีใครมองเห็นงานของเขา ได้หรือไม่" 161 00:06:10,462 --> 00:06:12,756 และการให้ความช่วยเหลือ 5 นาทีนั้นสำคัญมาก ๆ 162 00:06:12,780 --> 00:06:15,642 ในการช่วยให้เหล่าผู้ให้กำหนดขอบเขต และปกป้องตัวเอง 163 00:06:15,962 --> 00:06:17,407 สิ่งที่สองที่สำคัญ 164 00:06:17,431 --> 00:06:19,469 ถ้าอยากสร้างวัฒนธรรม ช่วยผู้ให้สู่ความสำเร็จ 165 00:06:19,469 --> 00:06:22,192 คือสร้างวัฒนธรรมที่ การขอความช่วยเหลือเป็นเรื่องปกติ 166 00:06:22,192 --> 00:06:24,052 ที่ผู้คนถามคำถามจำนวนมาก 167 00:06:24,536 --> 00:06:27,205 นี่อาจจะแทงใจดำหลาย ๆ คนนิดหน่อย 168 00:06:27,229 --> 00:06:30,268 [คุณต้องเป็นผู้ให้ตลอดเวลา ในทุกความสัมพันธ์เลยหรือ?] 169 00:06:30,292 --> 00:06:31,316 (เสียงหัวเราะ) 170 00:06:31,340 --> 00:06:33,071 สิ่งที่คุณเห็นในเหล่าผู้ให้ ที่ประสบความสำเร็จ 171 00:06:33,095 --> 00:06:36,215 คือพวกเขารู้ว่า การเป็นผู้รับเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ 172 00:06:36,754 --> 00:06:39,331 ถ้าคุณบริหารองค์กร คุณสามารถทำให้มันง่ายขึ้นได้ 173 00:06:39,331 --> 00:06:41,352 อย่างเรื่องการขอความช่วยเหลือ 174 00:06:41,352 --> 00:06:43,478 ผมและเพื่อนร่วมงาน ศึกษาโรงพยาบาลหลายแห่ง 175 00:06:43,478 --> 00:06:47,044 เราพบว่าในบางชั้น พยาบาลขอความช่วยเหลือกันบ่อยครั้ง 176 00:06:47,044 --> 00:06:49,309 และน้อยมากในชั้นอื่น ๆ 177 00:06:49,309 --> 00:06:52,509 ปัจจัยที่โดดเด้งขึ้นมา ในชั้นที่การขอความช่วยเหลือเป็นเรื่องปกติ 178 00:06:52,509 --> 00:06:53,374 เป็นบรรทัดฐาน 179 00:06:53,374 --> 00:06:56,013 คือ การมีพยาบาลหนึ่งคนที่มีหน้าที่แค่ 180 00:06:56,013 --> 00:06:58,534 ช่วยพยาบาลคนอื่น ๆ ในหน่วยอย่างเดียว 181 00:06:58,558 --> 00:06:59,939 เมื่อหน้าที่เอื้อ 182 00:06:59,963 --> 00:07:02,944 พยาบาลกล่าวว่า "มันไม่น่าอาย ไม่อันตรายที่จะขอความช่วยเหลือ 183 00:07:02,944 --> 00:07:05,024 มันกลับได้รับการสนับสนุน" 184 00:07:06,263 --> 00:07:09,089 การขอความช่วยเหลือไม่ใช่แค่สำคัญต่อ การปกป้องความสำเร็จ 185 00:07:09,113 --> 00:07:10,512 และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ให้ 186 00:07:10,536 --> 00:07:13,122 มันยังสำคัญและทำให้ ผู้อื่นมีพฤติกรรมเป็นผู้ให้มากขึ้น 187 00:07:13,122 --> 00:07:14,681 เพราะข้อมูลบอกเราว่า 188 00:07:14,705 --> 00:07:18,105 การให้กว่าร้อยละ 75 ถึง 90 ในองค์กร 189 00:07:18,129 --> 00:07:19,407 เริ่มจากการขอ 190 00:07:19,996 --> 00:07:21,444 แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ขอ 191 00:07:21,468 --> 00:07:23,216 เพราะไม่อยากถูกมองว่า ไม่มีความสามารถ 192 00:07:23,240 --> 00:07:25,931 พวกเขาไม่รู้จะหันไปหาใคร พวกเขาไม่อยากเป็นภาระของใคร 193 00:07:25,931 --> 00:07:27,784 แต่ถ้าไม่มีใครขอความช่วยเหลือ 194 00:07:27,784 --> 00:07:29,993 คุณจะพบแต่ผู้ให้ที่หัวเสียจำนวนมาก ในองค์กร 195 00:07:29,993 --> 00:07:32,030 ที่ชอบการเสนอตัวและให้ความช่วยเหลือ 196 00:07:32,030 --> 00:07:34,896 ถ้าเพียงแค่พวกเขารู้ว่าการให้ เป็นประโยชน์กับใคร อย่างไร 197 00:07:35,413 --> 00:07:37,211 แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด 198 00:07:37,235 --> 00:07:39,525 หากอยากสร้างวัฒนธรรม ของผู้ให้ที่ประสบความสำเร็จ 199 00:07:39,525 --> 00:07:42,531 คือการรอบคอบเวลาที่คุณจะให้ใครเข้าทีม 200 00:07:42,571 --> 00:07:45,577 ผมคิดว่า เมื่ออยากได้วัฒนธรรม ของความใจกว้างที่สร้างผลลัพธ์ 201 00:07:45,601 --> 00:07:47,573 คุณควรสรรหาผู้ให้จำนวนเยอะ ๆ 202 00:07:47,597 --> 00:07:51,267 แต่ผมก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า จริง ๆ แล้วนั่นไม่ถูกต้อง 203 00:07:51,715 --> 00:07:54,190 ว่าผลกระทบทางลบของ การมีผู้รับในองค์กรต่อวัฒนธรรม 204 00:07:54,214 --> 00:07:57,083 มักรุนแรงเป็นสองถึงสามเท่าของ ผลกระทบทางบวกของการมีผู้ให้ 205 00:07:57,530 --> 00:07:58,524 ลองคิดดูนะครับ 206 00:07:58,524 --> 00:08:00,368 ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นไปทั้งข้อง 207 00:08:00,392 --> 00:08:03,202 แต่ไข่ดีฟองเดียว ไม่ทำให้ได้ไข่ดีทั้งโหล 208 00:08:03,912 --> 00:08:04,792 ผมไม่รู้ว่าคืออะไร 209 00:08:04,932 --> 00:08:06,284 (เสียงหัวเราะ) 210 00:08:06,464 --> 00:08:07,767 แต่ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ 211 00:08:08,161 --> 00:08:11,234 แค่ลองให้ผู้รับเข้ามาในทีม เพียงแค่หนึ่งคน 212 00:08:11,234 --> 00:08:14,320 และคุณก็จะเห็นว่า ผู้ให้ในทีม จะเลิกให้ความช่วยเหลือคนอื่น 213 00:08:14,510 --> 00:08:17,038 พวกเขาจะพูดว่า "ฉันอยู่ท่ามกลาง เหล่าสิงสาราสัตว์ 214 00:08:17,038 --> 00:08:18,418 ทำไมฉันต้องช่วย?" 215 00:08:18,798 --> 00:08:20,498 แต่ถ้ารับผู้ให้เข้ามาในทีม หนึ่งคน 216 00:08:20,498 --> 00:08:23,028 คุณจะไม่เห็นความใจกว้าง ที่แผ่กระจายออกไป 217 00:08:23,028 --> 00:08:24,434 โดยมาก คนจะพูดว่า 218 00:08:24,434 --> 00:08:25,993 "เยี่ยม! เขาทำงานทั้งหมดได้" 219 00:08:26,659 --> 00:08:29,337 การคัดเลือกที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างทีม 220 00:08:29,521 --> 00:08:31,897 จึงไม่ใช่การรับผู้ให้เข้ามา 221 00:08:31,966 --> 00:08:33,942 แต่เป็นการกรองผู้ให้ออกไป 222 00:08:34,886 --> 00:08:35,980 ถ้าคุณทำเช่นนั้นได้ดี 223 00:08:35,980 --> 00:08:37,491 องค์กรจะมีแต่ผู้ให้ และผู้แลกเปลี่ยน 224 00:08:37,865 --> 00:08:38,637 ผู้ให้ก็จะใจกว้าง 225 00:08:38,637 --> 00:08:41,302 เพราะไม่ต้องกังวลถึง ผลของการให้ 226 00:08:41,482 --> 00:08:44,110 และข้อดีของผู้แลกเปลี่ยน คือ พวกเขาทำตามบรรทัดฐาน 227 00:08:45,080 --> 00:08:48,007 แล้วคุณจะตรวจจับผู้รับ ก่อนจะสายได้อย่างไร 228 00:08:48,737 --> 00:08:51,665 เราไม่ค่อยเก่งเรื่องการมองหาเหล่าผู้รับ 229 00:08:51,665 --> 00:08:53,262 โดยเฉพาะเมื่อแรกพบ 230 00:08:53,426 --> 00:08:55,282 มีลักษณะบุคลิกภาพที่ มักจะทำให้เราสับสน 231 00:08:55,562 --> 00:08:57,254 นั่นคือ ความประนีประนอม 232 00:08:57,254 --> 00:08:59,653 หนึ่งในบุคลิกภาพ ที่มีอยู่ทุกวัฒนธรรม 233 00:08:59,653 --> 00:09:02,858 คนที่ประนีประนอมจะดูอบอุ่นและเป็นมิตร พวกเขาน่าคบ สุภาพ 234 00:09:02,858 --> 00:09:05,151 คุณจะเจอพวกเขาได้เยอะในแคนาดา 235 00:09:05,151 --> 00:09:06,462 (เสียงหัวเราะ) 236 00:09:06,642 --> 00:09:10,059 ซึ่งเป็นที่ที่มีการประกวด ระดับชาติ 237 00:09:10,059 --> 00:09:12,500 เพื่อเฟ้นหาคำขวัญของแคนาดา และเติมประโยคนี้สมบูรณ์ 238 00:09:12,500 --> 00:09:14,934 "เป็นชาวแคนาดาดั่ง..." 239 00:09:14,934 --> 00:09:16,383 ผมว่าคำขวัญที่ชนะเลิศน่าจะเป็น 240 00:09:16,383 --> 00:09:18,451 "เป็นชาวแดนาดาดั่งเมเปิลไซรัป" หรือ "...ดั่งฮอกกี้น้ำแข็ง" 241 00:09:18,451 --> 00:09:21,516 แต่ไม่ครับ ชาวแคนาดาโหวตให้ คำขวัญประจำชาติ คือ 242 00:09:21,656 --> 00:09:22,525 ผมไม่ได้ล้อเล่น 243 00:09:22,549 --> 00:09:25,550 "เป็นชาวแคนาดาให้ได้มากที่สุด ในทุกโอกาส" 244 00:09:25,550 --> 00:09:29,065 (เสียงหัวเราะ) 245 00:09:29,805 --> 00:09:31,550 สำหรับท่านที่เป็นคนประนีประนอมสูง 246 00:09:31,550 --> 00:09:33,341 หรือไม่ก็มีเชื้อสายชาวแคนาดา 247 00:09:33,341 --> 00:09:34,918 คุณจะเข้าใจทันที 248 00:09:34,918 --> 00:09:36,835 ผมจะพูดได้อย่างไรว่าผมเป็นคนอย่างหนึ่ง 249 00:09:36,845 --> 00:09:39,536 ในขณะที่ปรับตัวตลอดเวลา เพื่อเอาใจคนอื่น 250 00:09:40,240 --> 00:09:42,260 คนที่ไม่ประนีประนอมจะไม่ค่อยทำแบบนั้น 251 00:09:42,260 --> 00:09:44,743 พวกเขาจะโต้แย้ง ขี้สงสัย และท้าทาย 252 00:09:45,063 --> 00:09:47,924 และมีแนวโน้มที่จะเรียนกฎหมาย มากกว่าคนอื่น 253 00:09:47,924 --> 00:09:49,272 (เสียงหัวเราะ) 254 00:09:49,272 --> 00:09:51,429 นั่นไม่ใช่มุข นั่นเป็นเรื่องจริง 255 00:09:51,429 --> 00:09:52,448 (เสียงหัวเราะ) 256 00:09:52,448 --> 00:09:55,211 ผมมักคิดว่า คนประนีประนอม คือ ผู้ให้ 257 00:09:55,211 --> 00:09:57,984 และคนไม่ประนีประนอม คือ ผู้รับ 258 00:09:57,984 --> 00:09:59,425 แต่แล้วผมก็รวบรวมข้อมูล 259 00:09:59,425 --> 00:10:01,719 และอึ้งเมื่อไม่พบ ความสัมพันธ์กันเลย 260 00:10:02,259 --> 00:10:04,806 เพราะกลายเป็นว่า ความประนีประนอมหรือไม่นั้น 261 00:10:04,806 --> 00:10:05,769 เป็นเพียงเปลือกนอก 262 00:10:05,769 --> 00:10:07,676 หรือการพูดคุยกับคุณ น่าพึงใจเพียงใด 263 00:10:07,676 --> 00:10:10,291 แต่การให้และการรับเป็นเรื่องของ แรงจูงใจภายใน 264 00:10:10,291 --> 00:10:12,987 ค่านิมยมของคุณคืออะไร เจตนาของคุณต่อผู้อื่นคืออะไร 265 00:10:12,987 --> 00:10:15,243 หากคุณอยากจะตัดสินผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ 266 00:10:15,243 --> 00:10:18,769 คุณต้องรอให้ถึงเวลาที่ ผู้ให้คำปรึกษาทุกคนในห้องรอคอย 267 00:10:18,769 --> 00:10:20,030 แล้ววาดตารางเมทริกซ์ 2X2 268 00:10:20,030 --> 00:10:24,469 (เสียงหัวเราะ) 269 00:10:25,481 --> 00:10:27,729 เรามักหาผู้ให้ที่ประนีประนอมเจอได้ง่าย 270 00:10:27,729 --> 00:10:30,776 พวกเขาจะตอบรับคำขอทุกอย่าง 271 00:10:31,566 --> 00:10:34,330 เรามักมองเห็นผู้รับที่ไม่ประนีประนอม ได้อย่างรวดเร็ว 272 00:10:34,330 --> 00:10:38,633 แม้ว่าคุณอาจจะเรียกพวกเขาด้วยชื่อ ที่ค่อนข้างต่างออกไป 273 00:10:39,953 --> 00:10:41,764 (เสียงหัวเราะ) 274 00:10:41,764 --> 00:10:43,778 เรามักลืมคนอีกสองประเภท 275 00:10:43,778 --> 00:10:46,640 เรามีผู้ให้ที่ไม่ประนีประนอมอยู่ในองค์กร 276 00:10:47,190 --> 00:10:49,239 คนที่แข็งนอก 277 00:10:49,239 --> 00:10:51,844 แต่ลึกๆ แล้วนึกถึงประโยชน์ของผู้อื่น 278 00:10:52,917 --> 00:10:54,239 หรือที่วิศวกรเรียกว่า 279 00:10:54,239 --> 00:10:55,662 "อ๋อ ผู้ให้ที่ไม่ประนีประนอม 280 00:10:55,662 --> 00:11:00,092 เหมือนกับคนที่มี User Interface ที่แย่ แต่มีระบบปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยม 281 00:11:00,092 --> 00:11:01,202 (เสียงหัวเราะ) 282 00:11:01,202 --> 00:11:02,562 ถ้านั่นช่วยให้เข้าใจมากขึ้น 283 00:11:02,562 --> 00:11:04,021 (เสียงหัวเราะ) 284 00:11:04,321 --> 00:11:07,484 ผู้ให้ที่ไม่ประนีประนอม ถูกมองข้ามมากที่สุดในองค์กร 285 00:11:07,484 --> 00:11:09,717 เพราะพวกเขาให้ข้อคิดเห็น ตรงไปตรงมา 286 00:11:09,717 --> 00:11:12,953 ที่ไม่มีใครอยากได้ยิน แต่ทุกคนต้องฟัง 287 00:11:12,953 --> 00:11:14,883 เราต้องทำให้ดีกว่านี้ เพื่อเห็นค่าพวกเขา 288 00:11:14,883 --> 00:11:17,095 มากกว่าที่จะปิดกั้นพวกเขาอย่างรวดเร็ว 289 00:11:17,116 --> 00:11:19,088 และพูดว่า "แอ๊ น่ารำคาญ 290 00:11:19,088 --> 00:11:20,852 ต้องเป็นพวกผู้รับที่เห็นแก่ตัวแน่" 291 00:11:21,692 --> 00:11:24,019 อีกประเภทที่เรามักลืม ประเภทที่อันตรายที่สุด 292 00:11:24,019 --> 00:11:27,198 นั่นคือ ผู้รับที่ประนีประนอม หรือพวกจอมปลอม 293 00:11:28,314 --> 00:11:29,980 คนที่เป็นมิตรกับคุณเมื่ออยู่ต่อหน้า 294 00:11:29,980 --> 00:11:32,055 และแทงข้างหลังเมื่อคุณเผลอ 295 00:11:32,055 --> 00:11:34,455 (เสียงหัวเราะ) 296 00:11:34,455 --> 00:11:37,473 ผมมีวิธีที่ชอบในการจับ คนพวกนี้ตอนสัมภาษณ์ 297 00:11:37,473 --> 00:11:38,937 คือ การถามคำถามว่า 298 00:11:38,937 --> 00:11:40,823 "ขอให้คุณบอกชื่อคนสี่คน 299 00:11:40,823 --> 00:11:44,035 ที่คุณได้ช่วยส่งเสริมให้ เขาก้าวหน้าในงาน?" 300 00:11:44,405 --> 00:11:46,134 ผู้รับจะบอกชื่อคนสี่คน 301 00:11:46,134 --> 00:11:48,507 ที่มีอิทธิพลเหนือกว่าเขา 302 00:11:48,927 --> 00:11:51,998 เพราะผู้ให้เก่งเรื่องประจบประแจง และสร้างความเสียหาย 303 00:11:52,761 --> 00:11:55,797 ผู้ให้มักจะบอกชื่อคนที่อยู่ต่ำกว่าเขา 304 00:11:56,245 --> 00:11:57,745 คนที่ไม่มีอำนาจเท่า 305 00:11:57,745 --> 00:11:59,241 คนที่ไม่สามารถทำประโยชน์ ให้ได้ 306 00:11:59,571 --> 00:12:02,303 พูดกันตรง ๆ ทุกคนรู้ว่า คุณเรียนรู้ลักษณะคน 307 00:12:02,303 --> 00:12:04,427 ได้จากวิธีปฏิบัติต่อ พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร 308 00:12:04,427 --> 00:12:05,476 หรือคนขับรถ Uber 309 00:12:07,246 --> 00:12:08,489 และถ้าเราทำได้ 310 00:12:08,489 --> 00:12:09,995 ถ้าเราสามารถสกัดผู้รับ ออกจากองค์กร 311 00:12:09,995 --> 00:12:12,523 ถ้าเราทำให้การขอความช่วยเหลือ เป็นเรื่องปลอดภัย 312 00:12:12,523 --> 00:12:14,619 ถ้าเราสามารถปกป้อง ผู้ให้จากการหมดแรง 313 00:12:14,619 --> 00:12:17,677 และทำให้เป็นเรื่องโอเค หากพวกเขาจะมุ่งไปสู่เป้าหมายของตัวเอง 314 00:12:17,677 --> 00:12:20,098 และช่วยเหลือคนอื่น 315 00:12:20,098 --> 00:12:22,508 เราจะสามารถเปลี่ยนคำนิยามความสำเร็จ 316 00:12:22,928 --> 00:12:26,059 แทนที่จะพูดว่า มันเป็นเรื่องของ การชนะในทุกสนาม 317 00:12:26,059 --> 00:12:29,555 ทุกคนจะเริ่มตระหนักว่า ที่จริงความสำเร็จเป็นเรื่องของการช่วยเหลือ 318 00:12:30,565 --> 00:12:32,599 ผมเชื่อว่า หนทางสู่ความสำเร็จ ที่มีความหมายที่สุด 319 00:12:32,599 --> 00:12:34,382 คือการช่วยให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จ 320 00:12:34,982 --> 00:12:36,396 และหากเราส่งต่อความเชื่อนี้ 321 00:12:36,396 --> 00:12:39,081 เราจะสามารถเปลี่ยนความหวาดระแวง ไปอย่างสิ้นเชิง 322 00:12:39,301 --> 00:12:40,566 ที่จริงมีคำเรียกนะครับ 323 00:12:40,566 --> 00:12:41,589 เรียกว่า โพรนอยด์ (Pronoia) 324 00:12:42,777 --> 00:12:44,753 หรือความหลงเชื่อว่า 325 00:12:44,753 --> 00:12:47,330 คนอื่น ๆ อยากให้เรามีความสุข 326 00:12:47,330 --> 00:12:48,810 (เสียงหัวเราะ) 327 00:12:50,805 --> 00:12:53,068 ลับหลังเรา 328 00:12:53,068 --> 00:12:56,321 พวกเขาพูดถึงแต่สิ่งดีงามเกี่ยวกับเรา 329 00:12:57,481 --> 00:13:01,297 สิ่งที่ยิ่งใหญ่ในวัฒนธรรมของผู้ให้ คือ นั่นไม่ใช่ภาพหลอน 330 00:13:01,297 --> 00:13:02,463 แต่เป็นความจริง 331 00:13:03,443 --> 00:13:06,177 ผมอยากอยู่ในโลกที่ ผู้ให้ประสบความสำเร็จ 332 00:13:06,177 --> 00:13:08,333 และหวังว่าคุณจะช่วยผม สร้างโลกแบบนั้นขึ้นมา 333 00:13:08,573 --> 00:13:09,509 ขอบคุณครับ 334 00:13:09,509 --> 00:13:14,794 (เสียงปรบมือ)